รู้จัก “Deep Talk” เมื่อการพูดคุยที่ลึกซึ้ง ช่วยเพิ่มความสุขให้ “วัยทำงาน”

รู้จัก “Deep Talk” เมื่อการพูดคุยที่ลึกซึ้ง ช่วยเพิ่มความสุขให้ “วัยทำงาน”

การคุยเรื่องไร้สาระไม่ผิด! แถมบางครั้งก็มีประโยชน์ในตัวมันเอง แต่ถ้าลองเปลี่ยนจากการพูดคุยทั่วๆ ไป มาเป็นการคุยแบบลึกซึ้งดูบ้าง อาจพบว่านอกจากได้ประโยชน์แล้ว การพูดคุยแบบ “Deep Talk” ยังช่วยเพิ่มความสุขให้ วัยทำงาน ได้มากกว่า

หากคุณรู้สึกว่าการทักทายเพื่อนร่วมงานในขณะขึ้นลิฟต์ ดูจะเป็นเรื่องปกติทั่วไปสำหรับ “วัยทำงาน” แค่คุยกันนิดหน่อยให้พอหอมปากหอมคอ เช่น “เป็นไงบ้าง ทานข้าวยัง” จากนั้นบทสนทนาก็ตัดจบไปอย่างรวดเร็วภายใน 1-2 นาที ในบางครั้งการทักทายที่ว่านี้ อาจเป็นแค่ตัวช่วยในสถานการณ์ที่น่าอึดอัดใจ แต่จะดีกว่าไหมถ้าเราสามารถต่อบทสนทนาอัพเลเวลสู่ “Deep Talk” ให้ลึกลงไปอีก

แทนที่จะถามว่า “ทานข้าวยัง” ลองเปลี่ยนเป็น “ทานข้าวกับอะไร ช่วงนี้เธออินกับอาหารสไตล์ไหนอยู่” อาจจะฟังดูแปลกไปหน่อยที่ถามเรื่องส่วนตัวคนอื่น แต่การพูดคุยที่ลึกซึ้งกว่าการสนทนาทั่วไป กลับมีประโยชน์มากกว่าที่คิด 

 

  • ทำความรู้จัก Deep Talk คืออะไร?

สำหรับคำว่า “Deep Talk” หรือ “Meaningful Conversation” หมายถึง การพูดคุยแบบลึกซึ้งที่มีความหมายที่เป็นประโยชน์ ซึ่งเราจะไม่ถามแค่ว่า “ที่ไหน เมื่อไร ยังไง” แต่การชวนคุยเรื่องที่ลึกซึ้ง เช่น จิตวิทยา ชีวิต หรือไลฟ์สไตล์ต่างๆ โดยการพูดคุย Deep Talk สามารถคุยแบบตัวต่อตัวสองคน หรือคุยแบเป็นกลุ่มก็ได้เช่นกัน การพูดคุยในลักษณะนี้จะทำให้คุณได้พบมุมมองที่แปลกใหม่ เผลอๆ ความสัมพันธ์ของคุณกับเพื่อนร่วมงานอาจแน่นแฟ้นขึ้นก็ได้ และเรื่องนี้มีการพิสูจน์ทางจิตวิทยาอีกด้วย

รู้จัก “Deep Talk” เมื่อการพูดคุยที่ลึกซึ้ง ช่วยเพิ่มความสุขให้ “วัยทำงาน”

โดยเมื่อไม่นานมานี้ มีงานวิจัยที่น่าสนใจที่ชื่อว่า “งานวิจัยแอบฟังความสุข” ทดลองโดยนักจิตวิทยาอย่าง “Matthias Mehl” ได้ทำการทดลองนี้กับนักศึกษา จนได้ข้อสรุปว่า “ถ้าคุณคุยเรื่องที่มีสาระอย่างลึกซึ้ง (Deep talk) กับเพื่อนของคุณ คุณจะมีโอกาสพบความสุขได้มากกว่า” แต่ไม่ใช่ว่าการพูดคุยแบบทั่วไป หรือที่เรียกว่า Small Talk จะไม่มีประโยชน์อะไรเลย

ลองมาดูความแตกต่างและความสำคัญของการพูดคุย ระหว่าง Deep Talk กับ Small Talk ว่าเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไรบ้าง

 

  • Deep Talk VS Small Talk ต่างกันยังไง? เลือกหัวข้อพูดคุยแบบไหนดี?

สำหรับการพูดคุยที่เรียกว่า “Small Talk” นั้น หมายถึงการพูดคุยเพียงเล็กๆ เบาๆ เป็นการคุยเรื่องทั่วๆ ไปและไม่ลึกซึ้ง ไม่เจาะจงเรื่องไหนเป็นพิเศษ การพูดคุยแบบนี้เราจะสัมผัสได้บ่อยเวลาเจอเพื่อนร่วมทีมคนใหม่ หรือคนที่ยังไม่สนิท และการคุยประเภทนี้ก็มีประโยชน์เฉพาะตัวของมันเช่นกัน เนื่องจากการเริ่มบทสนทนาด้วย “Small Talk” จะเป็นตัวแปรสำคัญ ที่นำไปสู่การพูดคุยแบบลึกซึ้ง หรือ Deep Talk ได้อย่างเป็นธรรมชาติ 

แล้วเรื่องอะไรล่ะ? ที่เพื่อนร่วมงานนิยมพูดคุยในวงสนทนา ก่อนจะไปถึงจุดนั้น เราอาจเริ่มต้นจากการประมวลภาพรวมเบื้องต้นว่า คู่สนทนาของคุณมีความสนใจไปในทิศทางไหน เมื่อรู้แล้วก็ลองชวนคุยในหัวข้อนั้นๆ แต่ถ้าหากยังนึกไม่ออก อาจนำหัวข้อที่เราจะแนะนำต่อไปนี้ มาลองใช้ดูก็ได้ ได้แก่ 

เรื่องปรัชญา เข้าถึงได้ไม่ยาก : คุณอาจจะตั้งคำถามง่ายๆ ว่า “ความรักแบบไหนที่ใช่เลย” ความรักเป็นเรื่องเบสิกสำหรับทุกคน สามารถยกมาคุยในวงสนทนาเมื่อไหร่ก็ได้ เพราะเรื่องของหัวใจใครๆ ก็ให้ความสำคัญ

ทัศนคติสะท้อนนิสัย : แน่นอนว่าสมัยนี้คงจะหนีไม่พ้นเรื่องของ “ทัศนคติ” หลายคนคงเคยได้ยินประโยคที่ว่า “ทัศนคติดี มีชัยไปกว่าครึ่ง” แล้วแบบไหนล่ะ ที่เรียกว่าทัศนคติดี อาจชวนเพื่อนแลกเปลี่ยนมุมมองในหัวข้อนี้ก็เป็นตัวเลือกที่ดีเลยทีเดียว

รู้จัก “Deep Talk” เมื่อการพูดคุยที่ลึกซึ้ง ช่วยเพิ่มความสุขให้ “วัยทำงาน”

ทริกการดูแลสุขภาพง่ายๆ : เทรนด์สุขภาพยังคงมาแรงสำหรับวัยทำงาน ลองสังเกตดูว่าคู่สนทนาของคุณสนใจเรื่องสุขภาพมากน้อยแค่ไหน คุณอาจแนะนำทริกดีๆ ให้พวกเขาก็ทำให้ได้ประโยชน์จากการพูดคุยที่ดีเช่นกัน

ครอบครัวและความสัมพันธ์อันดี : คำถามเรื่องการวางแผนครอบครัว ก็สะท้อนอะไรได้หลายอย่าง ยิ่งถ้าฝ่ายตรงข้ามเป็นเพื่อนที่คุณอยากสนิทด้วย คำถามประมาณนี้จะทำให้เรามีโอกาสได้รู้จักเขาได้มากขึ้น

อย่างไรก็ตาม คุณไม่จำเป็นต้องคุยเรื่องทำนองนี้เสมอไป เพราะยังมีประเด็นชวนให้พูดคุยได้อีกมากมายนับไม่ถ้วน ที่สามารถยกมาคุยลึกแบบ Deep Talk ได้ ทั้งนี้แม้ว่าเรื่องประเด็นเป็นสิ่งสำคัญ แต่ที่สำคัญไม่แพ้กันเลยก็คือวิธีพูดคุย

แล้วคุยแบบไหนถึงจะดี? บางคนอาจจะมีพรสวรรค์เป็นเลิศในการคุยกับคนอื่น กลับกันบางคนต้องใช้พรแสวงอย่างหนักหน่วง เพื่อพูดคุยกับใครสักคน 

 

  • ชวนคุย “Deep Talk” แบบไหนที่ดีต่อใจทั้งสองฝ่าย?

จริงๆ แล้วเรื่องนี้มักจะมาพร้อมกับคนมีพรสวรรค์ด้านการพูดคุย แต่ไม่ต้องน้อยใจไปสำหรับคนที่ยังพึ่งพาพรแสวงอยู่ เพราะของแบบน้ีมันฝึกกันได้ และจะมีทริกเล็กๆ ซ่อนอยู่เสมอ มีอะไรบ้างไปดูพร้อมกัน

1. ฟังอย่างจริงใจ 

เมื่อชวนใครสักคนหนึ่งมาคุยกับเราในหัวข้อใดหัวข้อหนึ่ง เราไม่ควรพูดอยู่ฝ่ายเดียว แต่ต้องเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้พูดเช่นกัน และควรฟังพวกเขาอย่างตั้งใจ และแสดงความจริงใจออกมาให้คู่สนทนาเห็น การตั้งใจฟังจะทำให้พวกเขารู้ว่าคุณกำลังให้ความสนใจอยู่

2. ชื่นชมคนอื่นอยู่เสมอ

การกล่าวชื่นชมคนอื่น เป็นการแสดงน้ำใจที่คุณไม่ควรมองข้าม เพราะจะทำให้คู่สนทนารู้สึกดีกับตัวเองมากขึ้น ใครๆ ก็ชอบคำชื่นชมเเละต้องออกมาจากใจจริงด้วย

3. ไลฟ์สไตล์ที่แมทช์กัน

หูของคุณอาจต้องทำงานหนักหน่อย เปิดหูของคุณให้กว้างอยู่เสมอ เมื่อคุณพบจุดร่วมหรือประสบการณ์ที่คล้ายๆ กันจะทำให้การพูดคุยและการต่อบทสนทนาต่างๆ ทำได้ง่ายขึ้น 

4. ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ

การยิ้มและการสบตาเป็นเรื่องที่สำคัญ สองสิ่งนี้จะแสดงให้เห็นว่า คุณเป็นคนเข้าถึงได้ง่ายและเป็นมิตร คู่สนทนาอาจเปิดใจให้คุณได้แบบง่ายๆ 

5. หัดสงสัยบ้าง

การถามคำถามกลับไปบ้าง แสดงให้เห็นว่าคุณเป็นผู้ฟังที่ดี อีกทั้งการขอคำแนะนำจากคู่สนทนา จะทำให้เขารู้สึกว่าคุณสนใจและให้ความสำคัญกับเรื่องที่เขาพูด

รู้จัก “Deep Talk” เมื่อการพูดคุยที่ลึกซึ้ง ช่วยเพิ่มความสุขให้ “วัยทำงาน”

 

  • การพูดคุยแบบ Deep Talk อาจไม่ได้เหมาะกับทุกคน 

แม้การพูดคุยแบบลึกซึ้งจะมีประโยชน์มากขนาดไหน แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนจะสามารถเปิดใจได้แบบหมดเปลือก ดังนั้น “Deep Talk” อาจไม่ได้เหมาะกับทุกคนเสมอไป บางคนสามารถพูดเรื่องลึกซึ้งได้อย่างชิลๆ แต่บางคนก็ไม่ได้อยากให้ใครมารู้เรื่องส่วนตัวของพวกเขา

อีกทั้ง การพูดคุยแบบลึกซึ้งเป็นตัววัดความสุขของใครแบบ 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะนิยามคำว่า “ความสุข” ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน คุณอาจจะมีความสุขกับการเลือกฟังเพลงโปรด หรือชอบอยู่เงียบๆ ใช้ความคิดกับตัวเองมากกว่าก็ได้ ไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดอะไร ทุกคนสามารถเลือกสไตล์การใช้ชีวิตในแบบที่ชอบได้เลย เมื่อเจอสไตล์ที่คลิกกับเราแล้ว ความสุขก็จะตามมาเอง 

แต่ถ้าอยากลองมองหาความสุขในแง่มุมใหม่ๆ ที่นอกเหนือจากสไตล์เดิมของคุณ ก็อาจนำวิธีการพูดคุยแบบ “Deep Talk” มาลองใช้พูดคุยกับเพื่อนๆ ดูบ้างก็ได้ อาจทำให้คุณค้นพบความสุขรูปแบบใหม่ได้อย่างคาดไม่ถึง

หากลองเปรียบเทียบให้ Deep Talk เป็นป่าใหญ่ที่ลึกลับ แล้วให้ Small Talk เป็นสะพานข้ามแม่น้ำที่แสนกว้างใหญ่ ระหว่างทางที่เข้าป่าลึก เราอาจเจอสัตว์หายากหลายชนิด สัตว์เหล่านั้นก็คือมุมมองของคู่สนทนาของคุณ ยิ่งพอเดินไปเรื่อยๆ (คุยแบบ Deep Talk) ก็จะพบว่าไม่ได้มีแค่สัตว์ต่างๆ เท่านั้น แต่อาจจะทำให้คุณมองเห็นน้ำตกสวยงามแบบไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนก็เป็นได้

---------------------------------------------

อ้างอิง : PsychologytodayPsychologytoday2, NewYorkTimes, Betterup