การโชว์อัตลักษณ์ LGBTQ+ ผ่านบทเพลง HEAVEN ของ “ทรอย ซีวาน”
หากพูดถึงบทเพลงที่เรียกว่าเพลงชาติของ LGBTQ+ หลายคนอาจนึกถึงเพลงอมตะอย่าง I Will Survive ของ Gloria Gaynor หรือเพลงสุดปังของตัวแม่ Born this way ของ Lady GAGA แต่ยังมีอีกเพลงหนึ่งที่เป็นการแสดงออกถึงตัวตนของ LGBTQ+ นั่นคือ "HEAVEN"
“Without losing a piece of me. How do I get to heaven? Without changing a part of me. How do I get to heaven? All my time is wasted. Feeling like my heart's mistaken, oh So if I'm losing a piece of me. Maybe I don't want heaven?”
ท่อนฮุคที่ติดหูของเพลง "HEAVEN" ของศิลปินชาวออสเตรเลียวัย 27 ปี Troye Sivan หรือ “ทรอย ซีวาน” ผู้ออกมาเปิดเผยว่าตนเองเป็นเกย์ตั้งแต่อายุ 15 ปี ผ่านชาแนลยูทูปของตนเอง
ดังนั้นหลากหลายบทเพลงที่ ทรอย ซีวาน แต่งและขับร้องนั้นจะมีเนื้อหาที่เกี่ยวกับความหลากหลายทางเพศในหลายประเด็น ไม่ว่าจะเป็นในแง่เชิงความสัมพันธ์กับคนรัก การต้องการเป็นที่ยอมรับในสังคม การเปิดเผยตัวตน (Come Out) ความเจ็บปวด ความผิดหวัง และความคาดหวัง ความกดดันต่าง ๆ ในฐานะที่ตัวเขาเองเป็น “เพศทางเลือก”
ซึ่งท่อนฮุคของเพลง HEAVEN นั้น หากแปลตรงตัวจะได้ความหมายว่า “หากไม่เสียความเป็นตัวตนของฉันไป ฉันจะขึ้นสวรรค์ได้อย่างไร หากไม่เปลี่ยนแปลงตัวตนของฉัน ฉันจะขึ้นสวรรค์ได้อีกไหม เวลาทั้งหมดของฉันสูญเสียไป รู้สึกเหมือนว่าหัวใจของฉันทำผิดร้ายแรง ถ้าหากฉันต้องสูญเสียความเป็นตัวเองไป บางทีฉันอาจจะไม่ต้องการที่จะขึ้นสวรรค์แล้ว”
ถ้าหากฟังผ่านๆ อาจจะเป็นเพียงท่อนฮุคของเพลงธรรมดาเพลงหนึ่ง แต่ถ้ามองให้ลึกลงไปในใจความที่ "ทรอย ซีวาน" ต้องการจะสื่อสารออกมาผ่านบทเพลงนั้น อาจจะสามารถมองได้ว่า ในเมื่อการที่ตนเองเป็นเกย์นั้น เหมือนกับว่าเป็นสิ่งที่ผิด เป็นสิ่งที่ทำให้ไม่สามารถประสบความสำเร็จหรือขึ้นสวรรค์ได้ หากไม่ยอมเปลี่ยนแปลงตนเอง และหากจำเป็นจะต้องเปลี่ยนแปลงตนเองยอมสูญเสียความเป็นตัวตนไปก็เลือกที่จะไม่ขึ้นสวรรค์เสียดีกว่า
เพลงนี้ยังมีอีกหลายนัยยะน่าสนใจที่ถูกซุกซ่อนอยู่ภายในเสียงเพลง อย่างเช่น การที่เพลงเปิดมาด้วยท่อนแรกว่า “The truth runs wild. Like a tear down a cheek. Trying to save face, and daddy heart break. I'm lying through my teeth”
ซึ่งสามารถแปลตรงตัวได้เลยว่า “ความเป็นจริงวิ่งผ่านอย่างบ้าคลั่ง เหมือนน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม พยายามจะรักษาภาพพจน์ และหัวใจแตกสลายของพ่อ ฉันกัดฟันโกหกออกไป”
- ทำความรู้จัก ทรอย ซีวาน เมลเล็ต
“ทรอย ซีวาน” คือศิลปินชาวออสเตรเลียผู้ยอมรับและเข้าใจถึงความหลากหลายทางเพศ โดยการออกมาเปิดเผยกับโลกว่าตนเองเป็นเกย์เมื่ออายุ 15 ปี และนำมาเป็นแรงบันดาลใจในการแต่งเพลง การนำเสนอความหลากหลายทางเพศผ่านมิวสิควิดีโอ การจัดโชว์ในการทัวร์คอนเสิร์ต และแฟชั่นในงานเดินพรมแดง
ทรอย ซีวาน เริ่มต้นเข้าสู่วงการบันเทิงด้วยการเป็นนักแสดงเด็ก โดยรับบทเป็น เจมส์ ฮาวเล็ต หรือในชื่อ เจมส์ โลแกน ในวัยเด็ก จากภาพยนตร์เรื่อง เอ็กซ์เมน กำเนิดวูล์ฟเวอรีน
แต่สิ่งที่ทำให้ ทรอย ซีวาน โด่งดังมากขึ้นกว่าเดิมคือการรับบท แกรี่ จากภาพยนตร์เรื่อง Boy Erased ซึ่งเป็นภาพยนตร์เกี่ยวกับความเชื่อที่ว่าการเป็นเกย์นั้นเป็นเรื่องผิดบาปจะต้องได้รับการรักษาโดยศาสนา
และที่สำคัญเขายังได้แต่งเพลง Revelation ร่วมกับ Jónsi เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่องนี้อีกด้วย และได้เข้าชิงรางวัล Golden Globe สาขา Best Original Song ทำให้ ทรอย ซีวาน โด่งดังเป็นพลุแตกไม่เฉพาะในกลุ่มของ LGTBQ+ เท่านั้น แต่ดังระดับโลกจนมีเวิลด์ทัวร์ในหลายประเทศทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยในปี 2019
โดยรวม ทรอย ซีวาน ได้ออกอีพีอัลบั้มทั้งหมด 5 อัลบั้ม และอัลบั้มตัวเต็มอีก 2 อัลบั้ม มีทัวร์คอนเสิร์ตทั้งหมด 4 ทัวร์ด้วยกัน เรียกได้ว่าเป็นศิลปินที่ประสบความสำเร็จคนหนึ่งก็ว่าได้
- เรื่องราวที่ซ่อนอยู่ในเพลง HEAVEN
เมื่อครั้งที่ "ทรอย ซีวาน" มาแสดงคอนเสิร์ตที่ประเทศไทยนั้น ก่อนที่เขาจะร้องเพลง HEAVEN เขาได้พูดกับบรรดาแฟนคลับว่า “Somebody call this gay’s song that’s ok” ด้วยน้ำเสียงและใบหน้าที่แสดงออกถึงความสนุกสนานและความภูมิใจก่อนที่แฟนคลับจะเฮกันทั่วทั้งฮอลล์พร้อมโบกธงสีรุ้งที่เป็นสัญลักษณ์ของ LGTBQ+
ซึ่งบทเพลงนั้นทำให้หลายคนในคอนเสิร์ตถึงกับหลั่งน้ำตาออกมา เนื่องด้วยเนื้อหาที่มีความเกี่ยวข้องกับการเปิดเผยตัวตน การแสดงออกถึงอัตลักษณ์ของความหลากหลายทางเพศ บวกกับการแสดงที่ประทับใจคนดูซึ่งแน่นอนว่าจะต้องมีกลุ่มผู้มีความหลากหลายอยู่ในนั้นด้วย
ภาพการแสดง The Bloom Tour 2018 - 2019
อีกท่อนหนึ่งของเพลงที่แสดงออกได้ถึงความโศกเศร้าและความอึดอัดก็คือ “This voice inside. Has been eating at me. Trying to embrace the picture I paint and colour me free.” หรือ เสียงภายในตัวฉันนั้นคอยกัดกินจิตใจมาตลอด พยายามจะโอบกอดรูปที่ฉันวาดละเลงสีตามอิสรภาพของฉัน อาจมองได้ว่าที่ผ่านมานั้น ทรอย ซีวาน เอง ก็ต้องคอยต่อสู้กับจิตใจภายในของเขาเองด้วย เพื่อที่จะปลดปล่อยตัวเองไปสู่อิสรภาพ
ไม่ใช่เพียงแค่เนื้อเพลงเท่านั้นแต่ในมิวสิควิดีโอของเพลงนี้ ทรอยเลือกที่จะใช้เป็นภาพขาวดำทั้งหมด และสิ่งที่น่าสนใจก็คือการใช้ภาพของคู่รักที่มีความหลากหลายทางเพศ การประท้วงเพื่อสิทธิของ LGTBQ+ ในอดีตและปัจจุบัน
รวมไปถึงภาพการเคลื่อนไหวต่อสู้ของ ฮาร์วี มิลค์ (Harvey Milk) นักการเมืองที่ยอมรับว่าตัวเอง เป็น LGBTQ+ คนแรกที่ได้รับการเลือกตั้งจากชาวสหรัฐฯ ในปี 1977 เพื่อแสดงให้เห็นถึงการมีอยู่ของความหลากหลายทางเพศ การต่อสู้เรียกร้องความเท่าเทียมทางเพศ และสิทธิต่างๆ ของเพศทางเลือก ที่ยังไม่รู้ว่าจะจบลงเมื่อไร สลับกับภาพของตัวเองที่อยู่เคียงคู่กับผู้ชายอีกคนหนึ่งเพื่อเป็นการตอกย้ำว่า LGBTQ+ มีอยู่จริง
นอกจากนั้นที่ผ่านมาแม้ว่าจะว่างเว้นจากงานในวงการ แต่ ทรอย ซีวาน ยังคงคอยสนับสนุนให้เกิดความเท่าเทียมในส่วนของความหลากหลายทางเพศอยู่เสมออย่างเช่น การโพสต์อินสตาแกรมสนับสนุนกิจกรรมต่างๆ การสวมกระโปรงออกงานต่างๆ แทนกางสวมกางเกง การพูดถึงเรื่องราวของ LGBTQ+ ผ่านยูทูปเพื่อระดมทุนให้กับ National LGBT Chamber of Commerce เพื่อนำไปใช้ในการจัดกิจกรรมต่างๆ การร่วมงาน Can't Cancel Pride เพื่อการบริจาคสนับสนุนกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ
คลิปที่ ทรอย ซีวาน ออกมาประกาศตัวว่าตนเองเป็นเกย์
อ้างอิงข้อมูล : Troye Sivan , The People , SPRING , Troye Sivan (Page)
ขอบคุณคลิปจาก : YouTube
