"ข่มขืน"เรื่องที่ผู้หญิงไม่อยากเล่า"บุ๋ม-ปนัดดา"ขอเล่าแทนเหยื่อ

"ข่มขืน"เรื่องที่ผู้หญิงไม่อยากเล่า"บุ๋ม-ปนัดดา"ขอเล่าแทนเหยื่อ

ไม่มีผู้หญิงคนไหนอยากพูดเรื่องนี้ ถ้าไม่พูด ไม่มีหลักฐาน ผู้กระทำผิดก็ลอยนวล ลองอ่านเรื่องของเหยื่อที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศ เรื่องราวที่"บุ๋ม ปนัดดา" เล่า และแก้ปมปัญหาที่เกิดขึ้น

องค์การอนามัยโลก (WHO) รายงานว่าผู้หญิง 1 ใน 3 ทั่วโลก เคยผ่านประสบการณ์ถูกทำร้ายร่างกาย หรือถูกคุกคามทางเพศอย่างน้อยหนึ่งครั้งในชีวิต 

ตัวเลขเหล่านี้ไม่มีการเปลี่ยนแปลงตลอด 10 ปีที่ผ่านมา เพราะเรื่องคุกคามทางเพศ มักถูกซุกไว้ใต้พรม 

เรื่องล่วงละเมิดทางเพศที่ต้องเล่า

การตกเป็นเหยื่อล่วงละเมิดทางเพศ หากเกิดขึ้นกับคนระดับรากหญ้าที่ไม่มีอำนาจต่อรอง หรืออำนาจใดๆ ที่จะสู้กับผู้ชายที่ทรงอิทธิพล เรื่องก็จะเงียบหายไป

 

เรื่องนี้ ดร.ปนัดดา วงศ์ผู้ดี นักแสดง ประธานองค์กรทำดี เล่าถึงเด็กผู้หญิงคนหนึ่งยอมถูกข่มขืนซ้ำสอง เพื่อเก็บหลักฐานให้ตำรวจ

"กรณีผู้ชายเจ้าของร้านชำข่มขืนเด็ก ภรรยาเป็นสมาชิกอบต.แทนที่จะจัดการกับสามี กลับขู่ว่า ใครมาจัดการผัวเธอ เธอจะจัดการพวกเขา ชาวบ้านทนมา 10 ปี

วันนั้นบุ๋มไปกินข้าว เขาจูงลูกมายืนร้องไห้หน้าร้านอาหาร และบอกว่า ไม่รู้จะพึ่งใคร เด็กผู้หญิงเจอเรื่องนี้มาสิบกว่าคน และมีเด็กผู้ชายถูกล่วงละเมิดทางเพศด้วย พอแจ้งความ ตำรวจบอกว่า เด็กผู้ชายไม่เสียหาย ไม่ต้องแจ้งความ เด็กผู้ชายนั่งน้ำตาคลอ"

 

ตอนนั้นเธอยื่นเรื่องร้องเรียนไปทางอบต. แล้วตำรวจถามว่ามีหลักฐานไหม...ดร.บุ๋ม บอกว่า เด็กเล็กๆ จะไปตามเก็บหลักฐานที่ไหน

"เชื่อไหมมีเด็กคนหนึ่ง เมื่อไปแจ้งความแล้ว คดีไม่คืบหน้า เด็กคนนั้นยอมให้เพื่อนปีนเข้าไปซ่อนตัวในห้องผู้ชายคนนั้น ทั้งๆ ที่รู้ว่าจะโดนข่มขืนอีกรอบ เพื่อให้เพื่อนเอามือถือถ่ายภาพเก็บเป็นหลักฐาน สรุปคดีนี้ผู้ชายคนนั้นติดคุกแล้ว และเด็กๆ ก็ได้รับการเยียวยา"

อีกกรณี ดร.บุ๋ม เล่าถึงผู้ชายวัย 50 กว่า ข่มขืนหลานวัย 4 ปี เมื่อเด็กเล่าให้คนในครอบครัวฟัง ไม่มีใครเชื่อเด็ก เพราะผู้ชายคนนี้หาเงินเลี้ยงทุกคนในบ้าน และเชื่อกันว่า เขาเป็นคนดี

"เรื่องนี้จบอย่างไรรู้ไหม ตอนนั้นคนก็ด่าบุ๋มทุกคน เพราะผู้ชายคนนี้เป็นคนดี แต่หลักฐานมัดตัว เก็บอสุจิผู้ชายได้ คดีนี้ติดคุก 50 ปี 

หลังจากนั้นคนในครอบครัวนั้นโทษเด็กและบุ๋ม แล้วใครจะเลี้ยงดูพวกเขา และพวกเขาไม่แคร์หลานเลย มองแต่ตัวเอง ไม่ได้มองว่าชีวิตเด็กจะเปลี่ยนไปอย่างไร"

"ปนัดดา"ก็เคยถูกคุกคามทางเพศ ? 

เรื่องที่ดร.บุ๋มเล่า ทั้งสองกรณีมากกว่าคำว่า"คุกคามทางเพศ" และตัวเธอเองก็เคยเจอเรื่องการถูกคุกคามทางเพศ ไม่ว่าทางสายตา คำพูด  หรือกรณีที่รอดพ้นจากการถูกคุกคามจากอดีตรัฐมนตรีที่ล่วงลับไปแล้ว ที่เธอเคยเล่าผ่านสื่อ 

เพราะเป็นนักแสดงที่บางทีก็ต้องแต่งตัวเซ็กซี่บ้าง แต่ก็รู้กาลเทศะ ดร.บุ๋ม บอกว่า ถ้าไปวัดจะแต่งตัวมิดชิดเรียบร้อย

"ความรู้สึกทางเพศเป็นเรื่องธรรมชาติ ถ้ารู้ว่ามีอารมณ์ก็ช่วยตัวเอง จัดการตัวเอง ไม่ควรข่มขืนคนอื่น 

ตอนบุ๋มมีตำแหน่งในสภา เป็นวุฒิสภา ตั้งแต่ปี 2546 มีครั้งหนึ่งไปดูงานที่ต่างประเทศ ตอนนั้นได้ที่นั่งชั้นธุรกิจ เราก็เลือกไม่ได้ว่าจะนั่งกับใคร และตอนนั้นยังไม่มีสามี

แต่สิ่งที่เจอคือ แอร์โฮสเตส ไปซุบซิบกันว่า บุ๋มมากับผู้ชายแก่ๆ ตอนนั้นคุณป้านั่งชั้นประหยัด แยกกันนั่ง เล่าให้ฟัง ดิฉันโดนนินทาแบบเผาขน นี่คือสิ่งที่คนอื่นมองดารา หรือผู้หญิงสวยว่าต้องมากับเสี่ยแก่ๆ หรือเป็นเด็กใครสักคน "

เธอเฉลี่ยหลังจากเล่าจบว่า เสี่ยแก่ๆ ที่นั่งข้างเธอ ก็คือ คุณลุงที่มาดูแลหลานคือเธอ

อะไรๆ ก็โทษเหยื่อ 

วาทกรรมเดิมๆ ที่มักพูดว่า "เธอไปอยู่ตรงนั้นได้ยังไง เธอแต่งตัวยังไง ทำไมไปกับเขา"

เรื่องเหล่านี้  ดร.บุ๋ม ย้อนถามว่า ทำไมไม่ถามว่า แล้วมันทำชั่วทำไม ถ้าสังคมอยากเดินไปในทางที่ดีคือ ต้องดูแลซึ่งกันและกัน และกำจัดคนชั่ว

"บุ๋มทำงานเรื่องการคุกคามทางเพศมาหลายปี เราต้องค่อยๆ ปรับ ต้องรู้เรื่องกฎหมายและมุมมอง ถ้าไม่ติดเรื่องโควิด เรามีโครงการไปตามโรงเรียน เพื่อให้ความรู้เรื่องคุกคามทางเพศกับเด็กๆ ในโรงเรียน

สิ่งที่ต้องสอนทั้งผู้ชายและผู้หญิงตั้งแต่วัยนั้นๆ อาทิ ใช้สัญลักษณ์สีแดง แทนว่า ห้ามแตะหน้าอกและอวัยวะเพศ สีส้ม แทนหัวไหล่ ครูมาจับต้นคอ ล้วงเข้าไปในกระโปรงไม่ได้นะ 

เด็กชั้นประถม ต้องให้รู้ว่าคำพูดแบบไหน เป็นการคุกคามเพื่อน ระดับมัธยม ถ้ามีปัญหา ปรึกษาใครได้บ้าง

แล้วทำไมพ่อแม่ปรึกษาไม่ได้...เพราะพ่อแม่จะพูดว่า ทำไมโง่แบบนี้ ไม่เคยถามเลยว่า เด็กรู้สึกยังไง ครูปรึกษาได้ไหม...บางทีครูแคร์ชื่อเสียงโรงเรียนมากกว่าความถูกต้องที่เกิดขึ้นในโรงเรียน

ทุกครั้งที่มีโอกาสบรรยายตามมหาวิทยาลัย บุ๋มจะบอกว่า ถ้าหนูหรือเพื่อนหนูถูกคุกคามทางเพศให้เก็บหลักฐานก่อน ถ้าไม่กล้าแจ้งความ ไปโรงพยาบาล ถ้าตรวจแล้วเห็นว่าถูกล่วงละเมิดทางเพศ บางทีทางโรงพยาบาลก็แจ้งตำรวจให้ ต้องสอนให้เด็กหาทางออก ถ้าคิดไม่ออกบอกป้าบุ๋ม จะช่วยแนะนำแนวทางให้"

แม้จะช่วยทำคดีถูกข่มขืนมาเยอะ ดร.บุ๋ม บอกว่า ไม่เคยเปิดเผยชื่อผู้เสียหาย เรารู้ว่า ผู้เสียหายกลัวมาก เพราะคดีทางเพศ มักจะเกิดจากคนใกล้ตัว

"แล้วคนตกเป็นเหยื่อจะใช้ชีวิตต่อไปยังไง"

.............

หมายเหตุ : จากงานเสวนา คุกคามทางเพศ คุกคามการเมือง ของมหาวิทยาลัยรังสิต