จริงหรือ? 'ขาดธาตุเหล็ก โลหิตจาง' ส่งผลเด็ก IQ ต่ำ ฉลาดน้อย

ธาตุเหล็กและความฉลาดในเด็กภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กเรื้อรังในเด็กเล็ก ส่งผลต่อความฉลาดทางสติปัญญา
KEY
POINTS
- เป็นโรคโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กส่งผลต่อพัฒนาการทั้งทางร่างกายและสติปัญญา
- ในเด็กวัยเรียน ถ้ามีโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กทำให้การเรียนรู้ลดลง IQ ต่ำลง ฉลาดน้อยลง
- "นมแม่" เป็นแหล่งอาหารที่ให้ธาตุเหล็กมากที่สุด และควรเสริมอาหารที่มีธาตุเหล็กสูงให้เด็ก ได้แก่ เนื้อสัตว์ ไข่แดง นม ผักใบ เขียว
ธาตุเหล็กและความฉลาดในเด็กภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กเรื้อรังในเด็กเล็ก ส่งผลต่อความฉลาดทางสติปัญญา เพราะธาตุเหล็กเป็นสารอาหารสำคัญในกระบวนการเจริญเติบโตของร่างกายและสมองเกิดอะไรขึ้น???...เมื่อลูกตัวน้อยซีดเรื้อรังส่งผลให้ IQ ลดลงได้ถึง 5-10 จุด
IQ เป็นค่ามาตรฐานสากล ซึ่งบ่งบอกถึงระดับสติปัญญา จากการศึกษาที่ผ่านมา พบว่า เด็กที่มีการทดสอบ IQ แล้วได้ค่าคะแนนน้อยกว่า 90 ถือว่ามีปัญหาการเรียนรู้อย่างชัดเจน เด็กที่มีค่าคะแนน IQ ปกติคือมากกว่า 90 – 100 อาจมีปัญหาการเรียนรู้บ้าง เด็กกลุ่มที่ค่าคะแนน IQ มากกว่า 100 จะมีความสำเร็จทางการศึกษาได้จนถึงระดับอุดมศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อระดับสติปัญญา และค่าคะแนน IQ นอกจากการเลี้ยงดู&สิ่งแวดล้อม ที่สำคัญ มากกว่า 60% คือ ปัจจัยด้านภาวะโภชนาการ
- นมแม่ มีงานวิจัยที่สนับสนุนว่าทานนมแม่มากกว่า 6 เดือน ทำให้IQ เพิ่มขึ้น9 คะแนน
- ในพื้นที่ที่ขาดไอโอดีนรุนแรง ทำให้IQ ลดลง 12 คะแนน
- การขาดธาตุเหล็กเรื้อรัง IQ ลดลง 5 - 10 คะแนน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
'ผักที่มีธาตุเหล็ก' แก้อ่อนเพลีย บำรุงเลือด 'สร้างภูมิต้านทาน'
เช็ก 'ภาวะโลหิตจาง' จากการขาดธาตุเหล็ก
จากผลสำรวจ IQ เด็กไทยล่าสุด เมื่อปี2552 พบว่า IQ เด็กไทยอยู่ที่ 91 จุด ปี2554 อยู่ที่ 98.59 ขณะที่มาตรฐานสากลอยู่ที่มากกว่า 100 จุด และเมื่อดูภาพรวมของประเทศ พบว่ามีเด็กที่มีIQ ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน IQ < 90 ประมาณร้อยละ 28.4 และยังมีนักเรียนที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา IQ < 70 อยู่ถึงร้อยละ 6.5 ซึ่งสูงมากเมื่อเทียบกับมาตรฐานสากล คือไม่ควรเกิน ร้อยละ 2
สำหรับข้อมูลการจัดอันดับ IQ รายจังหวัดปี2554 พบว่า จังหวัดในพื้นที่สาธารณสุขเขต 14 ได้คะแนนดังนี้ จังหวัดบุรีรัมย์อันดับที่ 31 (IQ 99.23) สุรินทร์อันดับที่ 50 (IQ 97.42) ชัยภูมิอันดับที่ 62 (IQ 96.16) และนครราชสีมา อันดับที่ 64 (IQ 95.69)
ภาวะซีดหรือที่เรียกว่าภาวะโลหิตจาง หมายถึง ภาวะที่มีปริมาณของเม็ดเลือดแดงลดลง ปัญหาโลหิตจางถือว่า เป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญทั่วโลก องค์การอนามัยโลก (WHO) ประมาณการว่าประชากรทั่วโลก 1 ใน 3 มีภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก และเป็นสาเหตุทำให้เสียชีวิตปีละเกือบล้านคน เด็กวัยก่อนเรียน
โลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก หมายถึง ภาวะที่ร่างกายมีการสร้างเม็ดเลือดแดงน้อยลง ทำให้ความเข้มข้นของฮีโมโกลบินในเลือดลดลงจากค่าปกติ เนื่องจากการขาด หรือพร่องธาตุเหล็กที่จะนำมาใช้ในการสร้างเม็ดเลือดแดง
เกณฑ์ในการวินิจฉัยภาวะโลหิตจางขององค์การอนามัยโลก (WHO)
- สำหรับเด็กวัย 3 เดือน – 4 ปีคือ มีระดับความเข้มข้นของฮีโมโกลบินน้อยกว่า
- 11 กรัม/เดซิลิตร หรือมีระดับฮีมาโมโตคริท น้อยกว่าร้อยละ 33
ความสำคัญของธาตุเหล็กต่อร่างกาย
ธาตุเหล็ก เป็นสารอาหารที่จำเป็นในการสร้างฮีโมโกลบินซึ่งเป็นองค์ ประกอบสำคัญในเม็ดเลือดแดง ทำหน้าที่ในการนำออกซิเจนไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย ผลจากการขาดธาตุเหล็กทำให้ร่างกายมีภาวะซีด อ่อนเพลีย หน้ามืด เวียนศีรษะ เหนื่อยง่าย ลิ้นอักเสบ น้ำย่อยในกระเพาะอาหารลดลงทำให้เบื่ออาหาร ติดเชื้อง่ายเนื่องจากภูมิต้านทานลดลง
สาเหตุของการเกิดภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก
1. ร่างกายได้รับธาตุเหล็กไม่พอเพียง อาจเกิดขึ้นเนื่องจากปริมาณของธาตุเหล็กในอาหารที่กินมีน้อยเกินปกติหรือมีความผิดปกติของการดูดซึมของลำไส้ผิดปกติเป็นต้น บางคนอาจรับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็ก เพียงพอแต่ร่างกายไม่สามารถดูดซึมไปใช้ได้ดีซึ่งอาจเป็นผลมาจากการรับประทานอาหารที่มีส่วนประกอบของแคลเซียม ไฟเตท ออกซาเลท ซึ่งมีสารที่ขัดขวางการดูดซึมธาตุเหล็ก
2. ความต้องการธาตุเหล็กเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสตรีมีครรภ์ มารดาที่ให้นมบุตรและในเด็ก ซึ่งกำลังเจริญเติบโต วัยเด็กเล็กต่ำกว่า 2 ปีถ้าร่างกายไม่ได้รับธาตุเหล็กให้พอเพียงก็อาจทำให้อาการของภาวะโรคเลือดจางจากการขาดธาตุเหล็กได้
3. การเสียเลือดเรื้อรัง เช่น เลือดจากทางเดินอาหาร และโรคพยาธิปากขอ ซึ่งพบได้บ่อยในภาคใต้ของประเทศไทย
4. รับประทานอาหารที่มีวิตามินซีต่ำ เพราะธาตุเหล็กจะดูดซึมได้ดีเมื่อมีอาหารที่มีวิตามินซีสูง
กินอะไร ถึงได้ธาตุเหล็ก
1. "นมแม่" เป็นแหล่งอาหารที่ให้ธาตุเหล็กมากที่สุด เด็กแรกเกิดควรได้ รับนมแม่ในช่วงขวบปีแรก หรืออย่างน้อยจนกระทั่งถึง 6 เดือน นอกจากธาตุเหล็กที่ ได้รับจากนมแม่ ยังมีDHA กรดไขมันสายพันธุ์โอเมกา 3 และ AA กรดไขมันสาย พันธุ์โอเมกา 6 ซึ่งมีผลต่อการพัฒนาสมองและจอประสาทตาในช่วง 2 ปีแรก
2. เสริมอาหารที่มีธาตุเหล็กสูงให้เด็ก ได้แก่ เนื้อสัตว์ ไข่แดง นม ผักใบ เขียว ซึ่งการกินอาหารที่มีธาตุเหล็กนั้น ก็ไม่ควรมุ่งเน้นกินอาหารชนิดใดชนิดหนึ่ง แต่ควรเลือกให้หลากหลาย เช่น เนื้อแดง ถึงแม้จะมีธาตุเหล็กมาก แต่ถ้ากินเยอะ เกินไป อาจทำให้มีภาวะโภชนาการเกินได้เป็นต้น ไม่ควรดื่มนมพร้อมกับอาหารที่มี ธาตุเหล็ก
หลักการคือ คุณแม่ควรให้อาหารเสริมที่มีส่วนประกอบของธาตุเหล็ก มากกว่าหรือเท่ากับ 2 มื้อ/วัน เพื่อให้เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย ถ้าไม่ เพียงพอควรได้รับการเสริมธาตุเหล็กวันละ 1 มิลลิกรัม/กิโลกรัมโดยเฉพาะเด็กที่ มีอายุ 2 ขวบ ซึ่งจะมีอัตราการเจริญเติบโตที่เร็วขึ้นกว่าในช่วง 1 – 2 ขวบ ธาตุ เหล็กจึงมีความจำเป็นมากขึ้น และไม่ใช่แต่ธาตุเหล็กเท่านั้น เด็กๆ ยังต้องการสาร อาหารอื่นๆ อย่างครบถ้วนด้วยเช่นกัน
อ้างอิง: สำนักโภชนาการ ,กรมอนามัย







