'ปวดกล้ามเนื้อ' 3 เดือน ยังไม่หาย อาจจะไม่ใช่แค่เมื่อย

โรคปวดพังผืดกล้ามเนื้อเรื้อรัง (Myofascial Pain Syndrome) เป็นภาวะที่พบได้บ่อย โดยประเมินว่าผู้ใหญ่อาจมีอาการนี้ได้ถึงร้อยละ 85
KEY
POINTS
- ลองกดตรงที่ปวด กลับรู้สึกเจ็บจี๊ดแบบสะท้านไปถึงหัวใจ จี้ด ร้าวไป อีกที่ เสี่ยง myofascial pain syndrome ปวดพังผืดกล้ามเนื้อเรื้อรัง
- ความเครียดสะสม ทำให้กล้ามเนื้อตึงโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะบริเวณไหล่ บ่า คอ หรือบาดเจ็บเล็ก ๆ ที่ไม่เคยรักษาให้หายดี และนอนผิดท่า
- อย่าให้สมองเข้าใจผิดว่า “ปวดคือเรื่องปกติ” เพราะสมองเรียนรู้จากประสบการณ์ ถ้าปวดกล้ามเนื้อบ่อย ๆ สมองอาจไม่พยายามแก้ไขอะไรอีก
โรคปวดพังผืดกล้ามเนื้อเรื้อรัง (Myofascial Pain Syndrome) เป็นภาวะที่พบได้บ่อย โดยประเมินว่าผู้ใหญ่อาจมีอาการนี้ได้ถึงร้อยละ 85 ในช่วงชีวิตหนึ่ง แม้จะยังไม่มีข้อมูลอุบัติการณ์ที่แน่ชัด แต่เชื่อว่าส่งผลกระทบต่อผู้ป่วยประมาณ 30-93% ของผู้ที่เข้ารับการรักษาอาการปวดกล้ามเนื้อและกระดูก
โรคนี้พบบ่อยในผู้ใหญ่อายุระหว่าง 27-50 ปี แต่ก็ส่งผลกระทบต่อผู้สูงอายุและกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงได้เช่นกัน เช่น ผู้ที่ทำงานซ้ำๆ, นักกีฬา, หรือผู้ที่มีวิถีชีวิตไม่ค่อยเคลื่อนไหว
ทั้งนี้ “กลุ่มอาการปวดเรื้อรัง” เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยที่สุดในปัจจุบัน โดยมีผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาทางกายภาพบำบัดด้วยอาการปวดเรื้อรังนี้เป็นจำนวนมาก ซึ่งมีทั้งปวดกล้ามเนื้อ ปวดเส้นเอ็น ปวดข้อต่อ และอีกมากมายที่มีอาการปวดมาเป็นระยะเวลานาน สร้างความทรมานทั้งร่างกายและจิตใจ อีกทั้งยังส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยอีกด้วย บางอาการปวดสามารถวินิจฉัยได้โดยง่ายและแม่นยำ ผู้ป่วยก็ได้รับการรักษาที่ถูกจุดและหายได้ในที่สุด
แต่บางอาการปวด อาจมีความซับซ้อน ทำให้สับสนในการวินิจฉัยโรคได้ ซึ่งกลุ่มอาการปวดเรื้อรังนี้ สามารถวินิจฉัยได้มากมาย แม้ปวดในลักษณะคล้าย ๆ กัน หรือมีอาการปวดในบริเวณเดียวกัน แต่ก็สามารถเป็นคนละโรคได้ ดังนั้นในบทความนี้ จะมาไขข้อข้องใจกับกลุ่มอาการปวดเรื้อรังที่พบได้บ่อยที่สุด นั่นคือ กลุ่มอาการปวดกล้ามเนื้อเรื้อรัง (myofascial pain syndrome: MPS) และกลุ่มอาการปวดกล้ามเนื้อและพังผืดไฟโบรมัยอัลเจีย (fibromyalgia: FM)
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
'ปวดกล้ามเนื้อเฉียบพลัน' เช็กอาการ วิธีดูแลตัวเองเบื้องต้น
สิ่งที่ไม่ควรพลาด ทำทุกวันตอนเย็น สร้าง 'Longevity' อายุจะยืนยาว
ทำความเข้าใจ 'ปวดพังผืดกล้ามเนื้อเรื้อรัง'
ผศ.นพ.สุรัตน์ ตันประเวช แพทย์เวชปฏิบัติทางประสาทวิทยาที่มีความเชี่ยวชาญพิเศษด้านสมองและความผิดปกติทางประสาทวิทยา เปิดเผยผ่านเพจเฟซบุ๊ก ชื่อ “สาระสมองกับ อจ.หมอสุรัตน์” ว่าไม่น่าเชื่อ ว่าคนส่วนใหญ่ ไม่รู้จัก myofascial pain syndrome ปวดพังผืดกล้ามเนื้อเรื้อรัง ซึ่งที่ไม่รู้ใเพราะคิดว่า มันก็แค่ปวดกล้ามเนื้อ ไม่ก็กระดูกคือเสื่อม บางคนปวดก็กินยา ไปหาหมอก็ได้ยาแก้ปวด ไม่กด ไม่ตรวจ ก็ ไม่เจอ
“ไม่รู้ ไม่เจอ ก็ไม่หาย ดังนั้น ง่ายๆ ลองกดตรงที่ปวด กลับรู้สึกเจ็บจี๊ดแบบสะท้านไปถึงหัวใจ จี้ด ร้าวไป อีกที่ บางคนบ่น “มันไม่ใช่แค่ปวด… มันเหมือนมีอะไรฝังอยู่ในกล้ามเนื้อ” มา clarify กันก่อน Myofascial Pain Syndrome คืออะไร? ชื่ออาจจะฟังดูเป็นวิชาการ แต่ง่ายๆ “Myo” แปลว่า กล้ามเนื้อ “Fascia” คือ พังผืด หรือเยื่อหุ้มกล้ามเนื้อส่วนคำว่า Pain ไม่ต้องแปล คือ เจ็บแน่นอน”
อาการปวดชนิดนี้เกิดจาก จุดเล็กๆ ที่เรียกว่า Trigger Point ซึ่งมักซ่อนตัวอยู่ในกล้ามเนื้อที่ตึงแข็งผิดปกติ เมื่อคลำดูจะรู้สึกเป็นก้อนเล็ก ๆ คล้าย “เอ็นยึด” หรือที่เรียกว่า Taut Band ใครเคยนวดบ่อยๆ ก็จะบอกหมอนวดว่า ใช่แล้วจุดนั้น เน้นๆ
ทำไม เกิด “Taut Band”
ถ้าจะให้เปรียบเทียบง่าย ๆ กล้ามเนื้อปกติ เหมือนยางยืดที่หยืดหยุ่นดี แต่กล้ามเนื้อที่เกิด taut band เหมือนยางยืดที่ “เป็นปม” ทั้งแข็ง ตึง และเจ็บ พอเราขยับร่างกาย หรือใช้งานซ้ำ ๆ บริเวณนั้นก็จะรู้สึกปวดลึก ๆ เจ็บจี๊ด ๆ เหมือน “เส้นเอ็นมันสะดุดกันเอง”
กลไกของ Taut Band: ปมกล้ามเนื้อที่ไม่ยอมคลาย สิ่งที่น่าสนใจคือ กล้ามเนื้อเราปกติจะทำงานแบบ “ยืด-หด” แต่ในภาวะ taut band นั้น เส้นใยกล้ามเนื้อบางส่วนจะเกิดการ หดตัวค้าง เพราะแคลเซียมหลั่งออกมาเกินพอดี โดยไม่มีแมกนีเซียมเพียงพอไปช่วยคลาย เมื่อเป็นแบบนี้ เลือดก็ไหลเวียนไม่สะดวก ออกซิเจนส่งไปไม่พอ ของเสียก็สะสมอยู่ในบริเวณนั้นวงจรอุบาทว์ก็เกิด วนๆ เหมือนเขาวงกต “ปวด-หดตัว-ขาดเลือด-ปวดซ้ำ”
Taut Band ใครกันเป็นคนผูกปม?
แม้จะไม่ใช่ “ปมด้าย” แต่คนเราก็ “ผูกปมกล้ามเนื้อ” กันได้ง่าย ๆ แต่ไม่ได้ใช้ มือผูกนะ เหตุจากใช้งานกล้ามเนื้อซ้ำ ๆ โดยเฉพาะพฤติกรรมที่อยู่ในท่าเดิมนาน ๆ เช่น นั่งพิมพ์คอมฯ นาน ๆ เงยหน้ามองมือถือบ่อย ๆ
ลองจับต้นคอตัวเองดูสิครับ… มีจุดเจ็บซ่อนอยู่ไหม?
- ความเครียดสะสม ความเครียดไม่ได้ทำให้แค่ใจหนัก แต่ทำให้กล้ามเนื้อตึงโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะบริเวณไหล่ บ่า คอ เป็นจุดโปรดของ taut band เลยครับ
- บาดเจ็บเล็ก ๆ ที่ไม่เคยรักษาให้หายดี บางคนเคยแพลงคอ เคล็ดหลัง แล้วปล่อยไว้เฉย ๆ กล้ามเนื้อก็ชดเชยด้วยการหดตัวจนกลายเป็นปมถาวร
- การนอนผิดท่า หรือที่นอนไม่ดี หมอนสูงเกินไป ที่นอนยวบเกินไป ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้กล้ามเนื้อเกร็งตลอดคืนพอตื่นมาก็… เจ็บจนสงสัยว่าไปต่อยมวยในฝันรึเปล่า
ลองสำรวจตัวเองดู เรื่องนี้สำคัญ และต้องรู้ เราต้อง คลี่คลาย taut band ก่อนที่สมองจะเข้าใจผิดว่า “ปวดคือเรื่องปกติ” อย่าลืมนะครับ… สมองของเราเรียนรู้จากประสบการณ์ ถ้าปวดกล้ามเนื้อบ่อย ๆ จนกลายเป็น “พื้นหลังของชีวิต”วันหนึ่งสมองอาจจะไม่พยายามแก้ไขอะไรอีก เพราะมันคิดว่า… ปวดแบบนี้แหละ “ธรรมดา” และ เคยชิน
วิธีรักษา "ปวดพังผืดกล้ามเนื้อเรื้อรัง"
มาแล้ว มาตามสัญญา มาเพื่อ บอก วิธีรักษา Myofascial pain syndrome ปวดพังผืดกล้ามเนื้อเรื้อรัง มีตุ่มปมกดเจ็บ กดแล้วร้าว รักษาไม่หาย เพราะกล้ามเนื้อมันหดเกร็ง บางคน ยิ่งนวดยิ่งปวด ยิ่งปวดยิ่งเครียด ยิ่งเครียด ก็ยิ่งปวดอีก วน ๆ กันไป
วันนี้ เอาว่า มาบอกว่าการรักษาโรคนี้ มี หลายมิตินะ รักษาอย่างเดียว ฝันไปว่าหายนาน เดี๋ยวมันก็มาอีก ผีร้าย พังผืด บางคนบอก งั้นเลาะออกเลยละกัน อจ เฮ้ย คนนะไม่ใช่หมู มาถลกหนัง เลาะอะไรกัน ไม่ด้ายย
มาดู วิธีกันนะครับ รับปากเอาไว้แล้ว ไล่เรียงไป ทำหลาย ๆ อย่าง ก็ยิ่งดี
1. ยืดกล้ามเนื้อ อันนี้ basic สุดครับ
- ยืดแบบเจาะจงกล้ามเนื้อที่มีปัญหา เช่น บ่า, คอ, เอว
- ยืดอย่างถูกวิธี ไม่ใช่โยคะแบบ "มั่วมัด" อันนั้นไม่หาย เท่าไป เช้าเย็น เพราะกล้ามเนื้อ มันหด เราก็ยืด ทำบ่อย ทำนาน จะดีขึ้น
- Pirates อันนี้ ก็ ยืดทั่วๆ แต่หาก ตรงมัดก็พอใช้ได้ แต่ระวัง ยืดแบบทำให้เจ็บกว่าเดิม เจอมาแล้ว
2. ปรับท่าเสียใหม่
- มันคือพฤติกรรมนะเข้าใจ ไม่ก็การงาน บางคนหลังค่อม ก็ฝึกซะ บางคนเล่นแต่มือถือ ก็ฝึกไม่เล่นซะ บางคนทำงาน อย่าคองุ้ม เหมือนไก่กระต๊าก ให้นั่งตรง หู ตรงไหล่ ไม่งุ่มไปข้างหน้า เพราะ กล้ามเนื้อผิดสรีระมันเครียด เครียดก็ตึง ตึงก็ปวด
3. นวดได้ไหม บอกว่าได้
- นวด ต้อง 1 ไม่แรงจัดจนกล้ามเนื้อ trauma บางคน หมอก็กดซะช้ำ มันจะอักเสบแล้วเกาะเป็นพังผืดกว่าเดิม
- การกด ต้องเรียนมา กดหนัดพอดีงาม pressure ต้องพอดี ไม่มาก ไม่น้อยไป มีการยืดรีดกล้ามเนื้อด้วย ไม่งั้น อักเสบ โอ้ย ๆ กลับมานวดใหม่ หนักกว่าเดิม
- บางคน ก็ใช้ ลูกกลม ๆ คลึง อันนี้ ก็ได้ แต่ต้องไม่แรงไปนะ
- มันก็จะมี เทคนิค เช่น acuprassure กดจุด หรือ ก็ active release technique ART ที่ กดจุดร่วมกับ การเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ อันนี้ก็ดี
4. ฝังเข็ม Chinese acupuncture
- อันนี้ตามจุดจีน มันก็ใช้ได้ อาจจะไม่เหมือนฝังเข็มฝรั่ง มันอาจจะคนละกลไก อันนี้ ให้หลัง neurotransmitter ปรับสมดุลสมองด้วย
5. ฝังเข็มฝรั่ง หรือ dry needling
- อันนี้ ส่วนตัวชอบ เพราะ ฝังแบบจีนไม่เป็น และอันนี้ ก็อัดไปตรงจุด ที่เป็น trigger point เลย เมื่อโดนตำแหน่งนะ คนไข้ จะแบบ เฮ้ย ใช่แล้ว และมันก็คลายตัว หัวโล่ง ทำไป คนไข้ติดใจ มาทำซ้ำทุกที
6. Trigger Point Injection (TPI) ฉีดจุดกดเจ็บ ด้วยยาชา Lidocaine
- ฉีดยาชาเข้า “จุดกดเจ็บของกล้ามเนื้อ (trigger point)” ไม่ได้ให้ชานะ มันช่วย ลดสัญญาณปวดจากกล้ามเนื้อ, คลายการหดเกร็ง, เพิ่มเลือดไปเลี้ยง ช่วยลด peripheral sensitization และอาจลดการกระตุ้นสมองส่วนรับความเจ็บ
- ส่วน ฉีด botox ที่จุดกดเจ็บ มีหลักฐาน แต่น้อยกว่า ฉีดยาชาครับ ไม่ได้ ฉีด ให้ผิวตึงนะ แต่มันยับยั้งการปลดปล่อยสารสื่อประสาท เช่น CGRP, Substance P, Glutamate เป็นสารอักเสบ และ ทำให้กล้ามเนื้อคลาย ลดแรงตึงและการส่งสัญญาณปวดจากรอบศีรษะด้วย ยิ่งเป็นไมเกรน ด้วยยิ่งช่วย
7. ใช้เครื่องมือ กายภาพบำบัด
- พวก ultrasound, shock wave, Low level laser อันนี้ ใช้ได้ แต่หากเป็นมาก ๆ ก็ต้อง Dry needling ครับ และ พวกนี้ ไม่ใช่ magic bullet ยิ่งปุ้บหาย มันต้องซ้ำ บางคน ต้อง ทุกสัปดาห์
8. คลายเครียด stress management
- พูดง่าย แต่หาก ทำได้ มันโคตรดีเลย เป็นการปิดวงจรอุบาท อย่าบอกว่า ฉันไม่เครียด อาจเป็นเครียดไม่รู้ตัว เพราะตัวเองเป็นneuroticism พวก คิดมาก คิดเยอะ เครียด ง่าย พวกนี้ กล้ามเนื้อตึงเป็นของแถม หยุดทำงาน หยุดฟุ้งซ่าน ปล่อยวางบ้างก็ดี
- ฝึกหายใจแบบ 4-7-8 (หายใจเข้า 4 วินาที – กลั้น 7 – ออก
- หัดผ่อนคลายร่างกาย-จิตใจพร้อมกัน
- การฝึกหายใจ ทำให้ระบบประสาทสบาย ๆ parasympathetic ทำงาน ตรงข้ามกับเครียด
9. วิตามิน สมุนไพร
- เอาจริงๆ หลักฐานไม่มาก แต่ หากจะแนะนำ magensium 400 mg/d , vitamin D3 1000 IU ต่อวัน หรือ เสริม พวก Omega 3 1000 mg, L-Carnitine 1000 mg , CoQ10 100 mg ก็เสริมครับ มีหลักฐานเชิงกลไกด้วย
10. ยา
- ตำราบอก ไม่ค่อยมียา แต่ ยาที่ช่วย ได้ พวก Tizanidine , Amitrip, SSRIs กลุ่มยาลดเครียด อันนี้ ช่วยได้
11. สุดท้าย การออกกำลังกายแบบแอโรบิกช่วย MPS ได้ด้วย
- เพิ่มการไหลเวียนเลือดทั่วร่างกาย ลดการขาดเลือดในจุด trigger point
- หลั่งสารเอนดอร์ฟิน ลดการรับรู้ความเจ็บปวดจากสมอง
- กระตุ้นระบบประสาทอัตโนมัติ ลด sympathetic tone
- ช่วยให้หลับดีขึ้น ร่างกายฟื้นฟูได้เร็ว
- เดินเร็ววันละ 30 นาที หรือปั่นจักรยานเบา ๆ / ว่ายน้ำ / เต้นแอโรบิกเบา ๆ ควรทำต่อเนื่องสัปดาห์ละ 3–5 วัน
- หลีกเลี่ยงการออกแรงหนักเฉพาะจุดที่ยังมีอาการ บางคนบอก ให้ยกน้ำหนัก ตรงนี้เลยจะได้หาย คือ ไม่หายครับ ผิดวิธี
- ทำหลายๆ อย่าง ครับ มัน ประกอบกัน ต่อเนื่อง 1 เดือน จะเห็นผล ไอ้ทำ แบบ 1 สัปดาห์ จะเห็นผล มันไม่ง่ายครับ สมองยังไม่จำภาวะปกติเลย ใจร้อนเกิน
**อจ สุรัตน์ ขอบคุณ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่ ประสาทวิชาเด้อครับ
อ้างอิง: สาระสมองกับ อจ.หมอสุรัตน์







