ฝนตกทุกวัน ดูแลตัวเองอย่างไร? ให้สตรอง ไอเทมที่ต้องพกติดตัว

ช่วงหน้าฝนของประเทศไทยจะมีสภาพอากาศที่แปรปรวน บางวันฝนตก บางวันอากาศร้อนอบอ้าว อาจทำให้ร่างกายปรับตัวไม่ทัน
KEY
POINTS
- ช่วงหน้าฝนอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย โดย 6 โรคที่มาพร้อมกับหน้าฝน ที่ทุกคนต้องเฝ้าระวัง โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง เด็กเล็ก และผู้สูงอายุ
- ดูแลตัวเองให้ห่างไกลจากโรคในช่วงหน้าฝนได้ง่ายๆ ทั้งการรักษาความสะอาด ป้องกันการถูกยุงกัด รักษาสุขภาพช่องปาก ระบบทางเดินหายใจ เลือกบริโภคอาหารและน้ำที่ถูกสุขลักษณะ
- How to ไอเทมที่ควรมีช่วงหน้าฝน อาทิ พกร่ม เสื้อกันฝน หรือโหลดแอปเช็กสภาพอากาศติดมือถือไว้ ควบคู่กับการทานวิตามินเสริม ผักผลไม้ อาหารที่ปรุงสุก ออกกำลังกาย
ช่วงหน้าฝนของประเทศไทยจะมีสภาพอากาศที่แปรปรวน บางวันฝนตก บางวันอากาศร้อนอบอ้าว อาจทำให้ร่างกายปรับตัวไม่ทัน ภูมิต้านทานลดต่ำลง โดยเฉพาะเด็ก ผู้สูงวัย และผู้ที่เป็นโรคประจำตัว ซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยง อาจติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ ส่งผลให้เป็นหวัด มีไข้ ไอ เจ็บคอได้
หากป่วยเป็นไข้หวัดและไม่มีการดูแลสุขภาพที่ดี อาจส่งผลให้กลายเป็นโรคหลอดลมอักเสบและโรคปอดบวมได้ในที่สุด และสำหรับผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ควรต้องดูแลตัวเองเป็นพิเศษมากกว่าคนอื่น และควรที่จะออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพราะการออกกำลังกาย นอกจากจะช่วยทำให้ร่างกายแข็งแรง แล้วยังช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันต่อโรคอีกด้วย
การออกกำลังกายสามารถทำได้หลายวิธี เช่น การเต้นแอโรบิค การเดินเร็วๆ การวิ่งเหยาะ การขี่จักรยาน หรือการเล่นกีฬาที่มีการเคลื่อนไหวต่อเนื่อง และการออกกำลังกายที่เหมาะสม คือ การออกกำลังกาย สัปดาห์ละ 5 วัน อย่างน้อยวันละ 30 นาที แค่นี้ก็เพียงพอ ที่จะเกิดภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
'Longevity' สุขภาพยั่งยืนมีคุณภาพ ความมั่นคงแบบใหม่ของทุกวัย
ไทยรับอิทธิพลมรสุม ฝนตกหนัก อุตุ ประกาศ ฉ.4 พายุแมตโม ใกล้ขึ้นฝั่ง
โรคที่มาพร้อมกับช่วงหน้าฝน
นพ.อาจ พรวรนันท์ แพทย์ประจำสาขาอายุรกรรม โรงพยาบาลเปาโล สมุทรปราการ กล่าวในบทความว่า ความเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศในช่วงหน้าฝน ส่งผลให้เชื้อโรคต่างๆ สามารถแพร่กระจายได้โดยง่าย โดยโรคที่มักพบในช่วงหน้าฝนได้แก่
- โรคไข้เลือดออก (Dengue Fever)
เกิดจากไวรัสที่มียุงลายเป็นพาหะนำโรค ซึ่งจำนวนของยุงมักจะเพิ่มจำนวนขึ้นในช่วงหน้าฝน เนื่องจากมีแหล่งน้ำขังต่างๆ ที่เป็นแหล่งแพร่พันธุ์ของยุง
- โรคไข้มาลาเรีย (Malaria)
เกิดจากโปรโตซัวที่แพร่กระจายโดยยุงก้นปล่อง มักพบในพื้นที่ที่มีน้ำขัง เนื่องจากเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของยุง
- โรคไข้หวัดใหญ่ (Influenza)
อากาศที่เปลี่ยนแปลงในช่วงหน้าฝน เป็นสาเหตุให้เชื้อไวรัสอินฟลูเอนซ่า (Influenza Virus) ที่เป็นสาเหตุของโรคไข้หวัดใหญ่แพร่กระจายในอากาศได้ง่าย
- โรคระบบทางเดินหายใจ (Respiratory Infections)
ตัวอย่างเช่น ไข้หวัดทั่วไป โรคหลอดลมอักเสบ และปอดบวม ซึ่งมีโอกาสเกิดมากได้บ่อยในช่วงหน้าฝน
- โรคผิวหนัง (Skin Infections)
การสัมผัสน้ำที่ไม่สะอาดหรือความชื้นที่เพิ่มขึ้นในอากาศอาจทำให้เกิดการติดเชื้อที่ผิวหนัง เช่น โรคน้ำกัดเท้า และเชื้อราที่ผิวหนัง
- โรคท้องร่วง (Diarrheal Diseases)
การบริโภคอาหารหรือน้ำที่ไม่สะอาดอาจทำให้เกิดโรคท้องร่วงได้ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีน้ำท่วมและสุขาภิบาลไม่ถูกสุขลักษณะ
ดูแลตัวเอง ให้ปลอดภัยในช่วงหน้าฝน
การดูแลและป้องกันตัวเองให้ห่างไกลเชื้อโรคในช่วงหน้าฝน สามารถทำได้โดยการรักษาความสะอาดส่วนตัว ป้องกันการถูกยุงกัด และระมัดระวังการบริโภคอาหารและน้ำที่สะอาด หรือปฏิบัติตามคำแนะนำดังนี้
รักษาความสะอาดตนเอง :
- ล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่และน้ำสะอาด โดยเฉพาะก่อนรับประทานอาหารและหลังจากใช้ห้องน้ำ
- อาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าทันทีหลังจากเปียกฝนเพื่อป้องกันการติดเชื้อที่มากับฝน
ป้องกันการถูกยุงกัด :
- ใช้ยาทากันยุงหรือสเปรย์กันยุง โดยเฉพาะในช่วงเช้าและเย็นที่ยุงชุกชุม
- สวมเสื้อผ้าที่ปกปิดผิวหนัง เช่น เสื้อแขนยาวและกางเกงขายาว
- ตรวจสอบและทำลายแหล่งน้ำขังบริเวณรอบบ้านเพื่อป้องกันการเพาะพันธุ์ของยุง
รักษาสุขภาพช่องปากและระบบทางเดินหายใจ :
- ดื่มน้ำอุ่นและน้ำสะอาดเพื่อรักษาความชุ่มชื้นของร่างกายและป้องกันการติดเชื้อในช่องปากและลำคอ
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้ป่วยที่มีอาการไอหรือจาม และควรสวมหน้ากากอนามัยหากจำเป็นต้องอยู่ในที่แออัด
เลือกบริโภคอาหารและน้ำดื่มที่ถูกสุขลักษณะ :
- รับประทานอาหารที่ปรุงสุกและถูกสุขลักษณะ หลีกเลี่ยงการบริโภคอาหารดิบหรือกึ่งสุกกึ่งดิบ
- ดื่มน้ำสะอาด หรือน้ำที่ผ่านการต้มสุกแล้วเพื่อป้องกันการติดเชื้อทางระบบทางเดินอาหาร
การดูแลผิวหนัง :
- รักษาผิวหนังให้แห้งและสะอาด หลีกเลี่ยงการสวมใส่เสื้อผ้าที่เปียกหรือชื้น
- ใช้ครีมหรือยาทาผิวหนังที่มีส่วนผสมของสารต้านเชื้อราหรือแบคทีเรียเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
การรักษาสุขภาพจิต :
- พักผ่อนให้เพียงพอและทำกิจกรรมที่ช่วยลดความเครียด เช่น การอ่านหนังสือ ฟังเพลง หรือออกกำลังกายเบาๆ ภายในบ้าน
7 How To ดูแลตัวเองช่วงหน้าฝน
พอฝนตก นอกจากความชุ่มฉ่ำที่ฝนมอบให้แล้ว ก็มักจะมีอันตรายแฝงมาให้เราต้องคอยระวังอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของปัญหาสุขภาพ หรืออุบัติเหตุที่มักจะเกิดขึ้นได้ง่ายมากกว่าในฤดูอื่น ๆ ดังนั้น การดูแลตัวเองเป็นพิเศษตาม 7 How To ต่อไปนี้จึงช่วยได้
1. เพื่อความอุ่นใจ ไปไหนควรพกร่มไว้ก่อน
ด้วยสภาพอากาศบ้านเราที่คาดเดายากเพราะเป็นเขตร้อน จนกรมอุตุฯเองก็ต้องทำงานหนักกันทั้งปี หากจะให้ดีเราควรพกร่มติดตัวไว้ อาจจะเป็นร่มที่พับเก็บได้ง่าย เพื่อความสะดวกในการพกพา เพราะบางทีเราไม่สามารถคาดเดาได้ว่าฝนจะมาตอนเราอยู่นอกบ้านหรือที่ทำงานรึเปล่า นอกจากนี้ในช่วงหน้าฝนควรงดใส่เครื่องประดับที่เป็นสิ่งนำไฟฟ้า เช่น ทอง เงิน นาค หากเกิดพายุฝนฟ้าคะนอง ควรเลี่ยงการอยู่ในพื้นที่โล่งแจ้ง เพราะเป็นจุดเสี่ยงอันตราย และห้ามหลบฝนใต้ต้นไม้ หรือใช้โทรศัพท์ตอนอยู่ข้างนอกเด็ดขาด เพื่อความปลอดภัย ให้รีบหลบเข้าไปในตัวอาคารก่อน
2. โหลดแอปเช็กสภาพอากาศติดมือถือไว้ อุ่นใจคูณสอง
นอกจากจะพกร่มติดตัวแล้ว การมีแอปพลิเคชันพยากรณ์อากาศติดมือถือไว้ เพื่อคอยเช็กเรดาห์น้ำฝนก่อนออกจากบ้านหรือที่ทำงาน ก็ทำให้เราวางแผนการเดินทางและลดความเสี่ยงเจอฝนแบบไม่ทันตั้งตัวได้ด้วย เช่นแอป TVIS, RainViewer หรือ AccuWeather เป็นต้น
3. เลี่ยงการเดินในที่น้ำขัง ระวังสัตว์มีพิษ
หน้าฝนทีไร มักมีคนที่ต้องเผชิญกับโรคน้ำกัดเท้า หรือโรคฉี่หนูกันมากมาย เพียงเพราะเดินในที่ที่มีน้ำขัง ซึ่งมักเป็นแหล่งพาหะนำโรคต่าง ๆ นอกจากนี้ให้ระวังบริเวณพงหญ้าข้างทาง เพราะเราอาจจะเจอบรรดาสัตว์มีพิษทั้งหลาย เช่น งู ตะขาบ หรือแมงป่องเอาได้ง่าย ๆ แต่ถ้าใครสายแฟ ก็อาจจะออกจากบ้านพร้อมร้องเท้าบูทกันน้ำเก๋ ๆ สักคู่ ก็ดูไม่เลวเลยทีเดียว
4. ดูแลตัวเอง หมั่นออกกำลัง ระวังโรคติดต่อ
ช่วงหน้าฝน เป็นช่วงที่อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยที่สุด เดี๋ยวร้อนสลับหนาว อากาศทั้งเย็นและชื้น ทำให้เชื้อโรคต่าง ๆ มีโอกาสแพร่กระจายได้ง่ายมากขึ้น ซึ่งโรคสุดฮิตที่คนมักติดกันในหน้าฝน ได้แก่ โรคไข้หวัดใหญ่ ปอดอักเสบ ทอนซิลอักเสบ ทางที่ดีเราจึงควรดูแลตัวเองในช่วงนี้เป็นพิเศษ หมั่นออกกำลังกาย ดูแลร่างกายให้อบอุ่น เลี่ยงการอยู่ใกล้หรือสัมผัสผู้ป่วยที่มีอาการ
5. ทานผักผลไม้ที่มีวิตามินซี และอาหารที่ปรุงสุกใหม่ ๆ
การเลือกทานอาหารต่าง ๆ ก็เป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญเป็นพิเศษในช่วงหน้าฝน เพราะหากอาหารที่เราทานไม่สะอาด มีการปนเปื้อนเชื้อโรค ก็อาจจะทำให้เราเจ็บป่วยได้ง่ายกว่าปกติ นอกจากนี้การทานผักผลไม้ที่มีวิตามินซี ก็จะช่วยให้ร่างกายเราแข็งแรง ไม่เป็นหวัดง่าย เช่น ส้ม ฝรั่ง ลิ้นจี่ บร็อคโคลี่ ปวยเล้ง เป็นต้น
6. หมั่นเช็กเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน ป้องกันไฟรั่วลัดวงจร
อีกหนึ่งอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นได้ในช่วงหน้าฝนที่เรามักเห็นกันบ่อยตามข่าวนั่นก็คือ การถูกไฟช็อตจากเหตุไฟฟ้าลัดวงจรจนถึงเหตุไฟไหม้ ดังนั้นเราจึงควรหมั่นเช็กอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ หากมีการเสื่อมหรือชำรุด ควรรีบเปลี่ยนทันที เพื่อป้องกันไฟรั่ว นอกจากนี้เราควรติดตั้งเครื่องตัดไฟ และต่อสายดินสำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าให้เรียบร้อย และควรมีสติโดยเช็ดมือให้แห้งทุกครั้ง หากจะต้องใช้มือสัมผัสกับสวิตช์ไฟ หรือเสียบปลั๊กไฟ เพื่อความปลอดภัยของตัวเราเอง
7. ขับรถอย่างปลอดภัย ฝนตกเมื่อไหร่ต้องไม่ประมาท
หลายคนเวลาฝนตกอาจจะอยากรีบขับรถกลับบ้านเพื่อให้ถึงไว ๆ กันใจจะขาด แต่อย่าลืมว่าสถิติอุบัติเหตุบนท้องถนนมักจะมาในหน้าฝนมากที่สุด เพราะเวลาฝนตกทีไรก็ยิ่งเป็นเหตุทำให้ถนนลื่น ยางไม่เกาะพื้นถนน แถมวิสัยทัศน์การมองเห็นก็ทำได้ยากกว่าปกติ ดังนั้นเราจึงควรหมั่นมองกระจกหลัง กระจกข้าง เปิดไฟเลี้ยวทุกครั้งเมื่อจะเปลี่ยนเลน และไม่ขับชิดคันหน้ามากจนเกินไป หากใจร้อนขับรถไว ก็อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย ๆ สิ่งสำคัญจึงต้องปลอดภัยไว้ก่อน มีสติและลดความเร็วลงอีกสักนิด ถึงช้าแต่ถึงชัวร์ดีที่สุด นอกจากนี้ ควรหมั่นตรวจเช็กสภาพรถยนต์ให้มีความพร้อมอยู่เสมอ
อ้างอิง: โรงพยาบาลเปาโล , โรงพยาบาลวิภาวดี ,ttb







