'เจาะตลาด Longevity' ตรงจุด โอกาสทางธุรกิจที่กำลังมาแรง

'เจาะตลาด Longevity' ตรงจุด โอกาสทางธุรกิจที่กำลังมาแรง

ชีวิตของคนเรานับจากนี้อาจจะอยู่ได้อายุยืนยาวมากกว่า 100 ปี ซึ่งการจะใช้ชีวิตให้ยืนยาว ไม่ใช่เป็นเพียงเรื่องของตัวเลขว่าอายุเท่าใด?

KEY

POINTS

  • Longevity ขับเคลื่อนด้วยแนวคิดที่เรียกว่า "Proactive & Regenerative Healthcare"ดูแลสุขภาพเชิงรุกและฟื้นฟูร่างกายอย่างต่อเนื่อง
  • 4 ตลาด Longevity โอกาสทางธุรกิจที่กำลังมาแรงในประเทศไทยนั้น  มีPersonalized Health-Tech , ธุรกิจอาหารเสริม, ธุรกิจฟิตเนส&Wellness Retrea และAge-Tech Platforms
  • การเดินทางสู่ Healthspan ที่ยืนยาว ไม่ได้เริ่มต้นจากการทำสิ่งที่ซับซ้อนหรือแพงที่สุด แต่เริ่มต้นจาก "ก้าวเล็ก ๆ ที่สม่ำเสมอ" ในวันนี้ 

ชีวิตของคนเรานับจากนี้อาจจะอยู่ได้อายุยืนยาวมากกว่า 100 ปี ซึ่งการจะใช้ชีวิตให้ยืนยาว ไม่ใช่เป็นเพียงเรื่องของตัวเลขว่าอายุเท่าใด? แต่ “โลกของ “Longevity ศาสตร์และธุรกิจแห่งการมีอายุยืนอย่างมีคุณภาพ” คือการมีอายุยืนยาวอย่างมีคุณภาพ ไม่เป็นภาระตัวเอง และผู้อื่น ยังใช้ชีวิตตามแบบฉบับที่ตัวเองต้องการ

ความเข้าใจเดิม ๆ ที่จำกัดเพียงคำว่า "อายุยืน" นั้นยังไม่เพียงพอต่อการทำความเข้าใจศาสตร์นี้อย่างแท้จริง Longevity ไม่ได้มุ่งเน้นแค่การยืดอายุขัยให้ยาวที่สุด แต่เน้นไปที่การมีคุณภาพชีวิตที่ดีตลอดช่วงชีวิต

ในยุคที่ประชากรสูงวัยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ความสนใจในเรื่อง การยืดอายุขัยอย่างมีคุณภาพ (healthy longevity) กลายเป็นเทรนด์ที่กำลังเติบโตอย่างเห็นได้ชัด ปี 2026 ถือเป็นจุดเปลี่ยนที่เทคโนโลยีด้าน Longevity จะเปลี่ยนจากนวัตกรรมเฉพาะกลุ่ม มาเป็นเครื่องมือที่ใช้ในคลินิก โรงพยาบาล และศูนย์สุขภาพชั้นนำ

ตลาด Longevity ทั่วโลกคาดว่าจะมีมูลค่าสูงถึง 27 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2026 (Bank of America) และในประเทศไทยที่ได้ก้าวเข้าสู่ สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์ ( Complete Aged Society) ตั้งแต่ปี 2567 ดังนั้น โอกาสทางธุรกิจในตลาดนี้จึงมีศักยภาพการเติบโตเป็นอย่างสูง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

'Longevity' สุขภาพยั่งยืนมีคุณภาพ ความมั่นคงแบบใหม่ของทุกวัย

เมดพาร์คเปิดคลินิก Longevity รับสูงวัย 'สตรอง-พึ่งตนเอง-ชีวิตมีคุณค่า'

ความแตกต่าง Lifespan vs. Healthspan

หัวใจสำคัญของ Longevity คือการแยกแยะระหว่างสองคำที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง คือ Lifespan และ Healthspan

  • Lifespan (อายุขัย): คือ "จำนวนปีที่ยังมีลมหายใจ" ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันสุดท้าย เป็นตัวเลขที่สะท้อนถึงการอยู่รอดของร่างกาย
  • Healthspan (อายุขัยที่สุขภาพดี): คือ "จำนวนปีที่ใช้ชีวิตอย่างแข็งแรงและมีคุณภาพ ปราศจากโรคเรื้อรัง" เป็นตัวเลขที่สะท้อนถึงความสามารถในการใช้ชีวิตอย่างเต็มที่

ปัญหาใหญ่ในปัจจุบันคือ "ช่องว่าง" (The Gap) ระหว่าง Lifespan และ Healthspan ข้อมูลล่าสุดจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ในปี 2024 ระบุว่า อายุขัยเฉลี่ยของคนไทยอยู่ที่ 79.27 ปี แต่ Healthspan เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 69-70 ปี นั่นหมายความว่าคนไทยส่วนใหญ่ใช้เวลาเกือบ 10 ปีสุดท้ายของชีวิตอยู่กับภาวะสุขภาพที่ไม่ดี หรือมีโรคเรื้อรังที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต

เป้าหมายสูงสุดของ Longevity จึงไม่ใช่การมีชีวิตอยู่ให้ได้ถึง 100 ปี แต่คือ การทำให้ช่วง Healthspan ใกล้เคียงกับ Lifespan มากที่สุด หรือพูดง่าย ๆ คือ "บีบอัดช่วงเวลาแห่งความเจ็บป่วย" (Compressing Morbidity) ให้สั้นที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

ดังที่ Dr. Peter Attia ผู้เชี่ยวชาญด้าน Longevity ได้นิยามถึงแนวคิดที่ชื่อว่า "The Centenarian Decathlon" ซึ่งหมายถึง กิจกรรมที่เราต้องการจะทำได้ในวันที่เข้าสู่วัยชรา เช่น การปีนบันได การอุ้มหลาน หรือการเดินทางท่องเที่ยวได้

แพทย์เชิง "รักษา" สู่สุขภาพเชิง "ป้องกันและฟื้นฟู"

แนวทางการแพทย์แบบดั้งเดิม (Reactive Medicine) เปรียบเสมือน "หน่วยดับเพลิง" ที่จะเริ่มทำงานก็ต่อเมื่อมีไฟไหม้แล้วเท่านั้น หรือก็คือรอให้เกิดโรคก่อนแล้วค่อยทำการรักษา ซึ่งทำให้เราต้องใช้ชีวิตอย่างมีความเสี่ยงและอาจสายเกินไปในหลาย ๆ ครั้ง

ในทางกลับกัน Longevity ขับเคลื่อนด้วยแนวคิดที่เรียกว่า "Proactive & Regenerative Healthcare" ที่เป็นเหมือน "การวางระบบป้องกันอัคคีภัย" คือการป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ตั้งแต่แรก ด้วยการดูแลสุขภาพเชิงรุกและฟื้นฟูร่างกายอย่างต่อเนื่อง แนวคิดนี้เป็นรากฐานของสิ่งที่เรียกว่า "Medicine 3.0" ซึ่งเน้นหลักการสำคัญ 3 อย่าง ได้แก่ การป้องกัน (Prevention), การปรับให้เข้ากับแต่ละบุคคล (Personalization) และการใช้ข้อมูลในการตัดสินใจ (Data-driven)

การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ไม่ได้มีแค่ผลดีต่อตัวบุคคล แต่ยังสร้างผลตอบแทนทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล รายงานจาก Milken Institute ในปี 2024 ระบุว่า การลงทุนในการป้องกันโรคและการส่งเสริมสุขภาพสามารถให้ผลตอบแทนทางเศรษฐกิจได้สูงถึง 4.4 เท่า จากการลดค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลและการเพิ่มประสิทธิภาพของกำลังแรงงาน

ตลาด Longevity โอกาสทางธุรกิจที่กำลังมาแรง

1.บริการตรวจสุขภาพเชิงลึกและให้คำปรึกษาเฉพาะบุคคล (Personalized Health-Tech)

อาทิ การใช้เทคโนโลยีและ AI ในการวิเคราะห์ข้อมูลพันธุกรรม , การตรวจเลือดเชิงลึก, อุปกรณ์ Wearable Device , การให้คำแนะนำด้านสุขภาพแบบเฉพาะบุคคล

2.ธุรกิจอาหารเสริมและอาหารฟังก์ชัน (Supplements & Functional Foods)

ตลาดอาหารและเครื่องดื่มที่ไม่ได้เน้นแค่รสชาติ แต่ผสมสารอาหารหรือส่วนประกอบที่มีคุณสมบัติด้านสุขภาพโดยเฉพาะ เช่น อาหารที่มีโปรไบโอติกเพื่อสุขภาพลำไส้ หรือเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของสารที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสมอง

3.ธุรกิจฟิตเนสและ Wellness Retreat รูปแบบใหม่

สวนทางกับฟิตเนสแบบเดิม ๆ ที่เน้นความเหนื่อยล้า ฟิตเนสยุคใหม่จะเน้นการฟื้นฟูและ Biohacking โดยมีการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาใช้ เช่น การบำบัดด้วยความเย็น (Cryotherapy) หรือห้องอุณหภูมิต่ำ (Cold Plunge)

4.แพลตฟอร์มและเทคโนโลยีสำหรับผู้สูงวัย (Age-Tech Platforms)

ครอบคลุมตั้งแต่แพลตฟอร์มดูแลผู้สูงอายุถึงบ้าน, อุปกรณ์ Smart Home ที่ช่วยอำนวยความสะดวกและความปลอดภัย, ไปจนถึงแอปพลิเคชันที่ช่วยให้ผู้สูงอายุเชื่อมต่อกับสังคม

5 เสาหลักของไลฟ์สไตล์แบบ Longevity

Longevity อาจฟังดูเป็นเรื่องซับซ้อน แต่รากฐานที่สำคัญที่สุดกลับเป็นเรื่องใกล้ตัวที่ทุกคนสามารถเริ่มต้นได้ นี่คือ 5 เสาหลักของไลฟ์สไตล์ที่ช่วยเพิ่มทั้งLifespan และ Healthspan

  • โภชนาการ (Nutrition)

ในศาสตร์ Longevity อาหารไม่ใช่แค่ “แหล่งพลังงาน” แต่คือ "ข้อมูล" ที่ส่งผลต่อการทำงานของยีนและเซลล์ ทั้งนี้ การจำกัดแคลอรี่, การทานพืชผักมากขึ้น และการทำ Intermittent Fasting สามารถช่วยกระตุ้นกระบวนการ Autophagy ซึ่งเปรียบเสมือนการ "รีไซเคิลเซลล์เก่า" ให้ร่างกายกลับมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  • การออกกำลังกาย (Exercise)

ไม่ใช่แค่ออกกำลังกายหนัก แต่ต้องทำอย่างถูกหลัก เน้นฝึกความแข็งแรง (Strength Training) เพื่อช่วยลดการสูญเสียมวลกล้ามเนื้อในวัยชรา รวมถึง การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอในระดับ Zone 2 (อัตราการเต้นของหัวใจ 60-70% ของอัตราสูงสุด) เพื่อช่วยเพิ่มระดับพลังงานให้กับร่างกาย

  • การนอนหลับและการฟื้นฟู (Sleep & Recovery)

การนอนหลับที่ดีคือ การซ่อมแซมร่างกายที่สำคัญที่สุด โดยเฉพาะในช่วง Deep Sleep ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สมองจะเปิดใช้งาน ระบบกำจัดของเสีย (Glymphatic System) และการลดความเสี่ยงของโรคทางสมอง เช่น อัลไซเมอร์

  • การจัดการความเครียดและสุขภาพจิต (Stress & Mental Health)

ความเครียดเรื้อรังทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมน Cortisol ออกมา และส่งผลเสียในระยะยาว ดังนั้น การหาวิธีจัดการความเครียดที่เหมาะสม เช่น การฝึกสมาธิ การทำกิจกรรมที่ชอบ และการมีสายสัมพันธ์ทางสังคมที่แข็งแรง  จึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและยืนยาว

  • วิทยาศาสตร์และอาหารเสริม (Science & Supplementation)

 นอกจากรากฐานที่แข็งแรงแล้ว วิทยาศาสตร์ยังเข้ามาช่วยเสริมให้เรามีสุขภาพดีขึ้นได้ อาหารเสริมอย่าง Nicotinamide Mononucleotide (NMN) เป็นสารตั้งต้นของ NAD+ ซึ่งเป็นโคเอนไซม์ที่จำเป็นต่อการซ่อมแซม DNA และการทำงานของเซลล์ อย่างไรก็ตาม อาหารเสริมเป็นเพียง "ส่วนเสริม" ที่มีสัดส่วนเพียง 5-10% ของทั้งหมด และจำเป็นต้องได้รับคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเสมอ

การมีอายุยืนอย่างมีคุณภาพ เริ่มต้นตั้งแต่วันนี้

Longevity ไม่ใช่แค่เทรนด์สุขภาพ แต่คือการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่จะส่งผลกระทบต่อทุกสิ่ง ตั้งแต่ระบบสาธารณสุข การวางแผนการเงิน ไปจนถึงโครงสร้างทางสังคมในทศวรรษหน้า โดยเป้าหมายสูงสุดของศาสตร์นี้ ไม่ใช่การมีชีวิตอมตะ แต่คือการ "เติมชีวิตชีวาให้กับทุกปีที่เรามี"

การเดินทางสู่ Healthspan ที่ยืนยาว ไม่ได้เริ่มต้นจากการทำสิ่งที่ซับซ้อนหรือแพงที่สุด แต่เริ่มต้นจาก "ก้าวเล็ก ๆ ที่สม่ำเสมอ" ในวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกเดินขึ้นบันไดแทนลิฟต์ หรือการนอนให้เร็วขึ้น 30 นาที

ทั้งนี้ เพราะ การลงทุนในสุขภาพคือ การลงทุนที่คุ้มค่าที่สุด และเป็นโอกาสธุรกิจแห่งอนาคตที่รอให้ผู้ประกอบการที่มองเห็นคุณค่าเข้ามาขับเคลื่อนให้เติบโตต่อไป

อ้างอิง: ธนาคารกรุงเทพ