'สมดุลของฮอร์โมน' ควบคุมน้ำหนัก ป้องกันโรคได้อย่างยั่งยืน

เทรนด์สุขภาพมาแรง แต่โรคอ้วนยังคงพุ่งไม่หยุด แม้พฤติกรรมการบริโภคของคนไทยจะเริ่มเปลี่ยนไป โดยหันมากินอาหารคลีน คุมแคลอรี ควบคุมน้ำหนัก
KEY
POINTS
- ผู้ที่ใส่ใจสุขภาพเลิกมองเพียงแค่ “ปริมาณหรือแคลอรี” ของอาหาร แต่หันมาทำความเข้าใจผลของอาหารที่มีต่อฮอร์โมนและระบบเผาผลาญ
- เลือกรับประทานอาหารจากพืชที่ผ่านการแปรรูปน้อยที่สุดเป็นหลัก (Whole food Plant-based diet) ลดอาหารแปรรูป อาหารแช่แข็ง
- ออกกำลังกายให้เหมาะสมกับสภาพความพร้อมของร่างกาย ให้ความสำคัญกับการนอนหลับที่มีคุณภาพ และบริหารจัดการความเครียด
เทรนด์สุขภาพมาแรง แต่โรคอ้วนยังคงพุ่งไม่หยุด แม้พฤติกรรมการบริโภคของคนไทยจะเริ่มเปลี่ยนไป โดยหันมากินอาหาร คลีน คุมแคลอรี หรือการเลือกวัตถุดิบไขมันต่ำ โปรตีนสูง แต่ข้อมูลทางสถิติกลับแสดงให้เห็นอัตราการเกิดโรคอ้วน โรคเบาหวาน และโรคกลุ่มอาการเมตาบอลิก (Metabolic Syndrome)กลับยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะจริงๆ แล้วการลดน้ำหนักไม่ใช่แค่เรื่องพลังงานเข้า-ออก แต่คือ “สมดุลของฮอร์โมน”
นพ.พิจักษณ์ วงศ์วิศิษฎ์ แพทย์เวชศาสตร์ป้องกันและฟื้นฟูสุขภาพW9Wellness Center ให้ข้อมูลว่า การควบคุมน้ำหนักอย่างยั่งยืนนั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเพียงแค่การคำนวณพลังงานที่รับเข้าและพลังงานที่ใช้ออกไปเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับ “สมดุลของฮอร์โมน” หลายชนิดในร่างกาย เช่น อินซูลิน คอร์ติซอล เอสโตรเจน หรือ เลปติน ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อระบบเผาผลาญ ความหิว ความอิ่ม และการเก็บสะสมไขมัน โดยเฉพาะผู้ที่เคยลดน้ำหนักหลายครั้ง ระบบฮอร์โมนมักถูกปรับเปลี่ยนจนทำให้การลดน้ำหนักครั้งต่อไปยากยิ่งขึ้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
เช็กเลย! ทำไม? 'อ้วนง่าย ผอมยาก' คุมอาหารแล้วแต่น้ำหนักไม่ลง
กินอาหารคลีนอย่างเดียว อาจกระทบต่อสมดุลฮอร์โมน
อาหารคลีนในยุคนี้มักมาในรูปแบบอาหารสำเร็จรูป อาหารกล่องแช่แข็ง หรือของว่างสุขภาพอย่างกราโนล่าบาร์ หรือโยเกิร์ตไขมันต่ำ หลายชนิดมีการเติมสารให้ความหวานทดแทน หรือสารปรุงแต่งรสเพื่อให้รับประทานง่ายขึ้น แม้มีพลังงานต่ำ แต่สารเหล่านี้สามารถส่งผลกระทบต่อสมดุลฮอร์โมน โดยเฉพาะฮอร์โมนอินซูลิน และสมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้ ซึ่งมีผลโดยตรงต่อระบบเผาผลาญ
รวมทั้งอาจพบว่ามีการปนเบื้อนสารรบกวนฮอร์โมน (Endocrine disruptor) ในขั้นตอนบรรจุภัณฑ์และกระบวนการผลิตได้ มีงานวิจัยเชื่อมโยงกับโรคอ้วนและภาวะดื้อต่ออินซูลิน โดยส่งผลกระทบต่อฮอร์โมนอินซูลินและเลปติน ทำให้การควบคุมความหิว-อิ่มผิดปกติ และเริ่มพบไมโครพลาสติกในอาหารที่ผ่านกระบวนการบรรจุและเก็บนาน งานวิจัยใหม่ชี้ว่าอาจกระตุ้นการอักเสบเรื้อรังและมีผลต่อระบบเผาผลาญ
"เวย์โปรตีน" ไม่เหมาะกับผู้ที่กำลังควบคุมน้ำหนัก
ขณะเดียวกันการเลือกบริโภคเวย์โปรตีนเป็นหลักแทนแหล่งโปรตีนจากอาหารหลัก เช่น เนื้อสัตว์ ไข่ ถั่ว หรือปลา อาจสะดวกและดูเป็นทางเลือกสุขภาพที่ดีสำหรับหลายคน โดยเฉพาะผู้ที่ออกกำลังกายหรือควบคุมน้ำหนัก แต่อาจจะมีความเสี่ยงหลายประการที่ควรระวัง ด้วยความที่เป็นอาหารแปรรูปที่อาจมีสารเติมแต่งอย่างสารให้ความหวานเทียม สารแต่งกลิ่น หรือสารกันบูด ซึ่งอาจไปรบกวนสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้ ส่งผลให้ระบบย่อยอาหารไม่สมดุล เกิดอาการท้องอืด ท้องเสีย หรือการดูดซึมสารอาหารลดลง
มีงานวิจัยพบว่า เวย์โปรตีนสามารถกระตุ้นการหลั่งอินซูลินได้มากพอๆ กับคาร์โบไฮเดรตบางชนิด ซึ่งอาจไม่เหมาะกับผู้ที่กำลังควบคุมน้ำหนัก หรือมีภาวะดื้อต่ออินซูลิน (Insulin Resistance)บางชนิดอาจมีสารกระตุ้นที่แฝงอยู่ เช่น สารเร่งดูดซึม หรือฮอร์โมนจากกระบวนการผลิตในนมวัว ซึ่งอาจไปรบกวนฮอร์โมนเพศชายหรือหญิงได้ โดยเฉพาะในผู้ที่มีความผิดปกติของระบบฮอร์โมนอยู่เดิม เพราะฮอร์โมนคือปัจจัยสำคัญที่ควบคุมทั้งความหิว ความอิ่ม และการสะสมไขมัน หากสมดุลถูกรบกวน แม้กินน้อยหรือเลือกทานอาหารคลีนก็ยังไม่สามารถลดน้ำหนักได้
ตัวอย่างเช่น ฮอร์โมนคอร์ติซอล ซึ่งเป็นฮอร์โมนแห่งความเครียดที่ผลิตจากต่อมหมวกไต ทำหน้าที่หลักในการตอบสนองต่อความเครียด ช่วยให้ร่างกายมีพลังงานเพื่อรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉิน และยังควบคุมวงจรการตื่น-หลับของร่างกาย
โดยจะหลั่งมากที่สุดในตอนเช้าเพื่อให้ร่างกายตื่นตัวและลดลงในตอนกลางคืน เพื่อเตรียมพร้อมเข้าสู่การนอนหลับ หากคอร์ติซอลสูงเรื้อรัง จะเพิ่ม ความอยากอาหาร โดยเฉพาะอาหารหวาน มัน เค็ม และส่งผลต่ออินซูลิน ทำให้ดื้อต่ออินซูลิน และเพิ่มการสะสมไขมันในช่องท้อง (viceral fat)
อาหารที่มีต่อฮอร์โมนและระบบเผาผลาญ
“การลดน้ำหนักไม่ใช่เรื่องของการนับแคลอรีเท่านั้น แต่เป็นเรื่องของการรักษาสมดุลฮอร์โมนด้วย ขณะเดียวกันการเลือกแต่อาหารคลีน ขณะที่ฮอร์โมนกลับถูกรบกวน ก็อาจทำให้ลดน้ำหนักไม่ลงซึ่งปัจจุบันเราพบเคสดังกล่าวเพิ่มมากขึ้น” นพ.พิจักษณ์ กล่าว
สำหรับคำแนะนำให้ผู้ที่ใส่ใจสุขภาพ
- เลิกมองเพียงแค่ “ปริมาณหรือแคลอรี” ของอาหาร แต่หันมาทำความเข้าใจผลของอาหารที่มีต่อฮอร์โมนและระบบเผาผลาญ
- “ปัญหาน้ำหนักเกิน”ไม่ได้มาจากแค่แคลอรี แต่เกี่ยวข้องกับฮอร์โมนที่ไม่สมดุล โดยเลือกอาหารที่บรรจุในกล่องแก้ว แทนภาชนะพลาสติก
- หลีกเลี่ยงการอุ่นอาหารในกล่องพลาสติก โดยเฉพาะในไมโครเวฟ เพราะความร้อนเพิ่มการปล่อยสารเคมี
- ทานอาหารให้หลากหลาย สมดุลสารอาหารให้ดี ไม่กินอาหารซ้ำ เช่น บางคนกินแต่อกไก่กับผักลวก เป็นหลัก แต่ขาดไขมันดีและคาร์บเชิงซ้อน จะทำให้ระบบเผาผลาญช้าลงและอ่อนเพลียได้
- เลือกอาหารคลีนที่สดใหม่ ไม่เก็บนาน ไม่แช่แข็ง หากทำอาหารคลีนทานเองได้จะสามารถควบคุมคุณภาพวัตถุดิบและบรรจุภัณฑ์ได้ดีที่สุด
แนวทางที่ยั่งยืน คือ เลือกรับประทานอาหารจากพืชที่ผ่านการแปรรูปน้อยที่สุดเป็นหลัก (Whole food Plant-based diet) ลดอาหารแปรรูป อาหารแช่แข็ง ออกกำลังกายให้เหมาะสมกับสภาพความพร้อมของร่างกาย ให้ความสำคัญกับการนอนหลับที่มีคุณภาพ และบริหารจัดการความเครียด
การตรวจสุขภาพฮอร์โมนและเมตาบอลิซึมเชิงลึกอาจให้ข้อมูลเพิ่มเติมในเคสที่ร่างกายเสียสมดุล เพื่อเป็นประโยชน์ในการวางแผนโภชนาการ การเสริมวิตามิน–โภชนเภสัช เพื่อปรับสมดุลและการดูแลสุขภาพที่ออกแบบเฉพาะบุคคล







