‘วิมุต’ บุกตลาดสูงวัย เน้นป้องกัน บริการทางการแพทย์ด้วยศูนย์เฉพาะทาง

ปี 2568 ประเทศไทยมีประชากรผู้สูงอายุ (อายุ 60 ปีขึ้นไป) ประมาณ 14.8 ล้านคน คิดเป็นสัดส่วนกว่า 22.5% ของประชากรทั้งหมด
KEY
POINTS
- ผู้สูงอายุจะมีคุณภาพที่ดีได้นั้น ต้องเริ่มจากการดูแลสุขภาพ และตรวจสุขภาพเป็นประจำเพื่อป้องกันโรคและรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ
- ขณะเดียวกัน ผู้ดูแลผู้สูงอายุ ที่อยู่ในช่วงวัย 30-50 ปี ต้องมีแผนในการดูแลผู้สูงอายุที่บ้าน ทำอย่างไรให้ผู้สูงอายุไม่อยู่ในภาวะพึ่งพิง
- สี่แกนหลักในการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ ได้แก่ อาหาร การนอนหลับ ออกกำลังกาย และการจัดการโรค
ไทยเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์ หรือ Aged Society โดยมีผู้สูงอายุกลุ่ม 60-69 ปี เป็นกลุ่มใหญ่ที่สุด แต่กลุ่มผู้สูงอายุที่อายุมากก็กำลังเพิ่มขึ้น ซึ่งสะท้อนถึงความก้าวหน้าทางการแพทย์และแนวโน้มสังคมอายุยืน
นพ.สุวาณิช เตรียมชาญชูชัย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวิมุต และอายุรแพทย์ผู้ชำนาญการโรคหัวใจ โรงพยาบาลวิมุต ให้สัมภาษณ์ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่าโรงพยาบาลวิมุตให้ความสำคัญในการดูแลผู้สูงอายุ โดยมุ่งเน้นการป้องกัน(Prevention) เพื่อให้ผู้สูงอายุเกิดโรคน้อยที่สุดผ่านโครงการ “Health to Home” ที่ให้ความรู้และบริการดูแลสุขภาพถึงบ้าน
รวมถึงการรักษาสำหรับผู้สูงอายุที่เป็นโรค ซึ่งจะให้บริการผ่านศูนย์เฉพาะทางที่ครอบคลุมโรคที่พบได้บ่อยในกลุ่มผู้สูงอายุ เช่น ศูนย์หัวใจ, ศูนย์โรคข้อและกระดูก, ศูนย์โรคทางสมอง, ศูนย์โรคทางเดินอาหาร (มะเร็งลำไส้, มะเร็งตับ และปัญหาการกลืน)
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
เน้นป้องกัน ดูแลเฉพาะทางสูงวัย
“โรงพยาบาลวิมุตได้เปิดให้บริการปีนี้เข้าสู่ปีที่ 4 ซึ่งโมเดลธุรกิจของโรงพยาบาลได้ให้ความสำคัญในการดูแลผู้คนทุกช่วงวัยให้มีสุขภาพ คุณภาพชีวิตที่ดี โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุ(อายุ 60 ปีขึ้นไป) ที่เข้ามาใช้บริการประมาณ 20% ของผู้ใช้บริการโรงพยาบาล โดยโรคที่พบบ่อย คือ โรคหัวใจ, โรคทางเดินอาหาร และโรคข้อกระดูก ซึ่งแนวโน้มผู้สูงอายุในปัจจุบันจะมีอายุยืนยาวขึ้น ถึง 90 ปี และส่วนใหญ่มีความ Active แข็งแรง การศึกษาที่ดีกว่าในอดีต ฉะนั้น โรงพยาบาลจะส่งเสริมให้ผู้สูงอายุยังคงเป็นกำลังสำคัญของประเทศ โดยรักษาความแข็งแรงให้ได้มากที่สุด” นพ.สุวาณิช กล่าว
ทั้งนี้โรงพยาบาลมีการเปิดศูนย์สุขภาพผู้สูงอายุ GERIATRIC CENTER ที่ให้ความสำคัญในการดูแล รักษา ฟื้นฟูสุขภาพและส่งเสริมการป้องกันโรคของผู้สูงอายุ หรือผู้สูงวัย ที่ดูแลภายใต้ทีมแพทย์ผู้ชำนาญการอายุรศาสตร์ผู้สูงอายุและแพทย์ผู้ชำนาญการเวชศาสตร์ครอบครัว ที่เน้นให้ความสำคัญต่อการดูแลผู้สูงอายุโดยเฉพาะ เพราะการดูแลสุขภาพและการตรวจวินิจฉัยผู้สูงอายุนั้นแตกต่างจากการดูแลผู้ป่วยทั่วไป ที่ศูนย์สุขภาพผู้สูงอายุเราจึงเข้าใจและสามารถดูแลสุขภาพ ประเมินการตรวจรักษาโรคต่างๆ ได้อย่างแม่นยำ
เช็กอัปสุขภาพ ป้องกันก่อนเกิดโรค
ปี 2568 นี้ ทางโรงพยาบาลวิมุต ได้มีการเปิดศูนย์หัวใจ, ศูนย์โรคข้อและกระดูก และศูนย์โรคปอด ส่วนปี 2569 จะเปิดศูนย์สมอง ซึ่งศูนย์เหล่านี้จะช่วยดูแลป้องกัน และรักษาเพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุ โดยเน้นการป้องกันและการรักษาที่ได้มาตรฐานระดับโลก
นพ.สุวาณิช กล่าวต่อว่าโมเดลธุรกิจของโรงพยาบาลวิมุต เน้นการป้องกันสุขภาพและความเฉพาะทาง ซึ่งมีทีมแพทย์เฉพาะทางและพยาบาลมืออาชีพในการดูแลผู้สูงอายุครอบคลุมทุกมิติ โดยมี Transitional Care Board (ศูนย์ฟื้นฟูสภาวะหลังวิกฤติ เพื่อดูแลผู้สูงอายุหลังออกจากโรงพยาบาล) บริการดูแลผู้สูงอายุอย่างดี เสมือนอยู่ที่บ้าน มีศูนย์กายภาพบำบัด ดูแลโดยแพทย์เฉพาะทางด้านกายภาพ
ที่สำคัญมีเทคโนโลยีการรักษาที่ทันสมัย เช่น การผ่าตัดโรคข้อและหัวใจ รวมถึงการตรวจปอดด้วยเครื่องมือทันสมัยอย่าง EBUS หรือมีการใช้หุ่นยนต์ ดูแลผู้สูงอายุที่มีปัญหากล้ามเนื้ออ่อนแรงและหลอดเลือดสมอง ถือเป็นนวัตกรรมทางเลือกใหม่ที่เข้ามาช่วยในการรักษาที่ตอบโจทย์ความแม่นยำและตรงจุด
“การตรวจสุขภาพในกลุ่มผู้สูงอายุมีความสำคัญอย่างมาก เพราะช่วยในการป้องกันก่อนเกิดโรค หรือทำให้ค้นหาโรคตั้งแต่เนิ่นๆ ส่งผลให้การรักษาดีขึ้น รวมถึงการให้ความรู้ ให้การศึกษาเกี่ยวกับการป้องกันโรคต่างๆ เช่น โรคหัวใจ โรคข้อและกระดูก โรคปอด หรือกลุ่มโรค NCDs ที่พบผู้ป่วยสูงวัยจำนวนมาก และโรคเหล่านี้สามารถป้องกันได้ หากผู้สูงอายุได้รับการดูแลสุขภาพตั้งแต่แรกเริ่ม” นพ.สุวาณิช กล่าว
สี่แกนหลักของการดูแลผู้สูงอายุ
นพ.สุวาณิช กล่าวด้วยว่าแนวทางการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุนั้น หลักๆ มี 4 ประเด็น คือ
1.อาหาร โดยเน้นโภชนาการที่เหมาะสม และการดูแลโดยนักโภชนาการ เนื่องจากผู้สูงอายุอาจมีปัญหาในการกิน
2.การนอนหลับ มุ่งแก้ไขปัญหาการนอนไม่หลับหรือหลับยาก โดยทีมแพทย์จิตวิทยาและจิตแพทย์
3.การออกกำลังกาย ควรส่งเสริมการออกกำลังกายที่เหมาะสมกับร่างกาย รวมถึงการทำกายภาพบำบัดสำหรับปัญหาข้อหรือการเดิน
4.การจัดการโรค สำหรับผู้ที่มีโรคอยู่แล้ว มีทีมแพทย์ดูแลเพื่อป้องกันไม่ให้โรครุนแรงขึ้น และช่วยฟื้นฟูร่างกายให้กลับมาปกติมากที่สุด
“ผู้สูงอายุของไทยจะมีคุณภาพที่ดีได้นั้น ต้องเริ่มจากการดูแลสุขภาพตนเองของผู้สูงอายุด้วยการควบคุมอาหาร ออกกำลังกาย และการตรวจสุขภาพเป็นประจำเพื่อป้องกันโรคและรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ ขณะเดียวกัน ผู้ดูแลผู้สูงอายุ ที่อยู่ในช่วงวัย 30-50 ปี ต้องมีแผนในการดูแลผู้สูงอายุที่บ้าน ทำอย่างไรให้ผู้สูงอายุไม่อยู่ในภาวะพึ่งพิง ซึ่งโรงพยาบาลวิมุตพร้อมให้การสนับสนุนในการดูแลสุขภาพของพ่อแม่ เพื่อให้คลายความกังวล” นพ.สุวาณิช กล่าว
อย่างไรก็ตาม การยกระดับคนในสังคมผู้สูงอายุ ไม่สามารถทำได้ด้วยหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกัน ซึ่งโรงพยาบาลวิมุต ได้มีการทำงานร่วมกับภาครัฐและภาคเอกชน ในการป้องกันโรคในผู้สูงอายุ อีกทั้งมีความร่วมมือกับโครงการกับพฤกษา อย่าง โครงการ “Health to Home” ที่จะให้ความรู้และดูแลสุขภาพแก่ลูกบ้านพฤกษาถึงที่บ้าน หรือความร่วมมือกับเขตพญาไทในการจัดกิจกรรม CSR ต่างๆ เช่น วันแม่ เปิดรับบริจาคโลหิต จัดกิจกรรมวันผู้สูงอายุ เพื่อสนับสนุนผู้สูงอายุให้มีสุขภาพดีและไม่พึ่งพาผู้อื่นในระยะยาว







