'นวัตกรรมทางการแพทย์ไทย'สู่ตลาดโลก สจล.โชว์ World Expo Osaka 2025

5 ปีมี 1 ครั้งสำหรับงานนิทรรศการระดับโลก World Expo ซึ่งปีนี้เมืองโอซากา ประเทศญี่ปุ่น รับเป็นเจ้าภาพจัดงาน “World Expo 2025 Osaka, Kansai, Japan”
KEY
POINTS
- ต้นกำเนิดของนวัตกรรม ไม่ได้มาจากไอเดียอย่างเดียว แต่ต้องมาจากความต้องการของผู้คน และต้องช่วยแก้ Pain Point ของปัญหาที่ผู้คนกำลังเผชิญ
- "นวัตกรรมทางการแพทย์" จะเป็นตัวช่วยเสริมสร้างความมั่นคงทางสาธารณสุข และสุขภาพ
- หากไทยมีเทคโนโลยีต้นทุนต่ำ ก็จะช่วยสนับสนุนโรงพยาบาลขนาดกลางและขนาดเล็กทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัดให้สามารถพึ่งพาตนเองได้
5 ปีมี 1 ครั้งสำหรับงานนิทรรศการระดับโลก World Expo ซึ่งปีนี้เมืองโอซากา ประเทศญี่ปุ่น รับเป็นเจ้าภาพจัดงาน “World Expo 2025 Osaka, Kansai, Japan” ระหว่างวันที่ 13 เม.ย. ถึง 13 ต.ค. 2025 ณ เกาะยูเมะชิมะ โดยประเทศไทยหน่วยงานหลักที่ได้รับมอบหมายให้จัดงาน คือ “กระทรวงสาธารณสุข” โดยใช้ชื่อ Thailand Pavillion ว่า ‘วิมานไทย’ (Vimana Thai)
ภาพรวม “Thailand Pavillion” ปีนี้จะนำเสนอเนื้อหาผ่าน Soft Power ด้านสุขภาพ วัฒนธรรมประเพณี ภูมิปัญญา และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ที่สำคัญคือการแสดงศักยภาพของสาธารณสุขไทยเพื่อปักหมุดให้ไทยเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (Medical Hub) ซึ่งมีทั้งการนำเสนอนวัตกรรมทางการแพทย์ และภูมิปัญญาทางการแพทย์ของไทย
ปัจจุบันตลาดเครื่องมือแพทย์ของโลกเติบโตเฉลี่ยปีละ 6.1% คาดว่า ในปี 2027 จะมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 7.44 แสนล้านดอลลาร์ ขณะที่ตลาดเครื่องมือแพทย์ของไทย คาดว่าจะมีมูลค่ากว่า 3.38 พันล้านดอลลาร์ หรือกว่าแสนล้านบาท ในปี 2027 มีอัตราเติบโตเฉลี่ย (ปี 2019-2027) 8.1% ต่อปี โดยสัดส่วนมูลค่าส่งออกเครื่องมือแพทย์ของไทย แยกตามประเภท ไทยส่งออกวัสดุทางการแพทย์มากที่สุดกว่า 92% ครุภัณฑ์ทางการแพทย์ 7% และน้ำยา ชุดวินิจฉัยโรค 1%
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
สจล.เปิดศูนย์ K-EQSAN สแกนตึกสั่น ใช้คลื่นจริง รันโมเดลตรวจจุดเสี่ยง
สุดปัง! GPO โชว์ Plant-Based ใน WORLD EXPO ดันสมุนไพรไทยสู่เทรนด์โลก
สจล.ยกทีมนักวิจัยโชว์เครื่องมือแพทย์
“คณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.)” อีกหนึ่งองค์กรที่ได้รับคัดเลือกจาก สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ให้เข้าร่วมงาน โดยมี“รศ.ดร.สมยศ เกียรติวณิชวิไล"คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ สจล.” นำทีมนักวิจัยและนวัตกรรมเข้าร่วมเพื่อจัดแสดงนวัตกรรมทางการแพทย์ โซนนิทรรศการหมุนเวียน ภายใต้หัวข้อ “Future of Community and Mobility” ระหว่างวันที่ 15 - 26 พ.ค. 2568 โดยได้รับการสนับสนุนจากกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข
นวัตกรรมทางการแพทย์มีความจำเป็นอย่างมากในการเสริมสร้างความมั่นคงทางสาธารณสุขและระบบสุขภาพที่ดีทั่วประเทศไทย ซึ่งคณะวิศวกรรม สจล.ได้มีการพัฒนานวัตกรรมทางการแพทย์ โดยเฉพาะกลุ่มเครื่องมือแพทย์และระบบสุขภาพที่ออกแบบ พัฒนา และผลิตได้ภายในประเทศไทย เพื่อลดการพึ่งพาจากต่างประเทศ อีกทั้งเป็นการส่งเสริมนักวิจัยของไทย ให้นำองค์ความรู้พื้นฐานและวิทยาศาสตร์ประยุกต์ มาสร้างสรรค์เทคโนโลยีที่ตอบโจทย์สังคมไทย
นวัตกรรมทางการแพทย์ไทยสู่ตลาดโลก
ทั้งนี้ สจล.ได้มีการนำนวัตกรรมทางการแพทย์ไปร่วมแสดง อาทิ เครื่องจ่ายออกซิเจน (KMITL High Flow) ผลงาน รศ.ดร.สมยศ เกียรติวณิชวิไล, ผศ.ดร.ภูมิ คงห้วยรอบ และทีมวิจัย ภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า โดยเครื่องดังกล่าว เน้นการออกแบบให้ใช้งานได้ในโรงพยาบาล หลักการคือนำอากาศจากแหล่งกำเนิดออกซิเจนไม่ว่าจะเป็นท่อนำออกซิเจนหรือแท็งก์ออกซิเจน 100% มาผสมกับอากาศสะอาด ให้ได้ความเข้มข้นที่ต้องการในห้องผสมอากาศ (Air Tank) ซึ่งเมื่ออากาศถูกดูดเข้าสู่ห้องผสมอากาศ จะมีวาล์วจ่ายออกซิเจนที่ถูกควบคุมแบบป้อนกลับเพื่อควบคุมให้อัตราออกซิเจนคงที่เป็นไปตามการรักษา
“เครื่องช่วยหายใจแบบฉุกเฉิน (KNIN ventilator)” ผลงาน ศ.ดร.สุรินทร์ คำฝอย ภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า โดยเครื่องดังกล่าวสามารถเลือกตั้งค่า operation setting mode เพื่อให้เหมาะสมกับภาวะการหายใจของผู้ป่วยแต่ละราย ตั้งค่าแจ้งเตือน highest pressure ช่วยลดสัมผัสผู้ป่วย แบ่งเบาภาระของบุคลากรทางการแพทย์
อุปกรณ์ช่วยฟังเสียงหัวใจและเสียงปอดแบบดิจิทัล (DIGITAL STETHOSCOPE) ผลงาน รศ.ดร.สรินพร วิสิฐสัทธาพงศ์ ภาควิชาวิศวกรรมชีวการแพทย์ อุปกรณ์นี้สามารถเก็บเสียงหัวใจและเสียงปอ ช่วยให้แพทย์ได้เห็นและได้ยินเสียงการเต้นของหัวใจผ่านวงจรความถี่ต่ำและขยายสัญญาณผ่านบลูทูธแสดงผลในแท็บเล็ตและบันทึกสัญญาณไว้วินิจฉัยภายหลัง
รวมถึงโชว์ “ห้องไอซียูความดันลบโมบาย (Mobile Negative Pressure Room)” ผลงาน ผศ.ดร.ณัฐพล ฤกษ์เกษมสันติ์ อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมเคมี, กล้องสเตริโอกราฟฟิกเอนโดสโคปแบบสามมิติพร้อมระบบจำแนกภาพอัตโนมัติสำหรับการตรวจมะเร็งปากมดลูกระยะเริ่มต้น (3D stereoscopic) ผลงาน รศ.ดร.วิบูลย์ ปิยวัฒนเมธา ภาควิชาวิศวกรรมชีวการแพทย์, ปุ่มกดลิฟต์ไร้สัมผัส (NON-TOUCH ELEVATOR BUTTONS) ผลงาน ผศ.ดร.ดุสิต สุขสวัสดิ์ ภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า เป็นต้น
ต่างชาติสนใจเครื่องมือแพทย์ไทย
รศ.ดร.สมยศ กล่าวอีกว่าจากการไปจัดแสดงนวัตกรรมทางการแพทย์ครั้งนี้ได้รับความสนใจจากชาวญี่ปุ่น และต่างชาติแต่ละวันมีคนมาเยี่ยมบูธประมาณ 300-400 คน อีกทั้งได้เครือข่ายกลุ่มนวัตกรรม และผู้ประกอบการที่มีความสนใจอยากต่อยอดนวัตกรรมทางการแพทย์ เครื่องมือแพทย์ในเชิงพาณิชย์มากขึ้น
ขณะเดียวกัน ทีมนักวิจัย คณาจารย์และนักศึกษาที่ได้ไปร่วมงานได้เห็นองค์ความรู้ นวัตกรรมใหม่ๆ ที่เกี่ยวกับการแพทย์และสุขภาพจากประเทศต่างๆ ทำให้มีความตื่นตัว และเป็นการสร้างแรงบันดาลใจในการพัฒนาและคิดค้นเครื่องมือแพทย์ใหม่ๆ เพื่อช่วยดูแลผู้ป่วย ป้องกันโรค ได้ไอเดียนำมาต่อยอดในเชิงพาณิชย์มากขึ้น อย่างการแสดงหุ่นยนต์ทางการแพทย์ของประเทศญี่ปุ่น หรือการสอบใบขับขี่โดยใช้เครื่องฝึกทดสอบขับหรือ Simulator ซึ่งประเทศไทยกำลังพัฒนาในเรื่องนี้ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ขับขี่รถยนต์ รถจักรยานยนต์มากขึ้น
“ขณะนี้ภาครัฐให้ความสำคัญและสนับสนุนการพัฒนา ผลิต คิดค้นนวัตกรรมทางการแพทย์ เครื่องมือทางการแพทย์และสุขภาพอย่างมาก ทั้งการอบรมให้ความรู้ การสนับสนุนทุนวิจัย การสร้างความร่วมมือ และการเปิดตลาดใหม่ๆ ในต่างประเทศ ซึ่งคณะวิศวกรรม สจล.ผลิตและจัดส่งนวัตกรรมที่เป็นเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ไปยังประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ จัดส่งตู้ตรวจเชื้อความดันลบ ตู้ตรวจเชื้อความดันบวก เครื่องวัดอุณหภูมิอัตโนมัติ และ PAPR ให้ประเทศเพื่อนบ้าน เมียนมา ลาว มัลดีฟ เป็นต้น” รศ.ดร.สมยศ กล่าว
Pain Point ต้นกำเนิดนวัตกรรม
ต้นกำเนิดของนวัตกรรม ไม่ได้มาจากไอเดียอย่างเดียว แต่ต้องมาจากความต้องการของผู้คน และต้องช่วยแก้ Pain Point ของปัญหาที่ผู้คนกำลังเผชิญ ดังนั้น นวัตกรรมทุกชิ้นต้องช่วยแก้ปัญหาได้จริง และผลิตขึ้นมาเป็นรูปธรรมจับต้องได้จริงๆ รวมถึงต้องต่อยอดเชิงพาณิชย์ได้ด้วย
ถ้าประเทศไทยมีสถาบันทดสอบเครื่องมือแพทย์ที่ได้รับรองมาตรฐาน เข้าถึงง่าย ราคาไม่แพงมากขึ้น รวมทั้งมีการพัฒนานักนวัตกร นักวิจัย รวมถึงผู้ประกอบการให้มีความรู้ ความเข้าใจ และมีช่องทางในการพัฒนาต่อยอดผลงานวิจัยต่างๆ สู่พาณิชย์ มีตลาดรองรับ เชื่อว่าประเทศไทยจะมีนวัตกรรมทางการแพทย์มากขึ้น
“นวัตกรรมทางการแพทย์ จะเป็นตัวช่วยเสริมสร้างความมั่นคงทางสาธารณสุข และสุขภาพหากไทยมีเทคโนโลยีต้นทุนต่ำ ก็จะช่วยสนับสนุนโรงพยาบาลขนาดกลางและขนาดเล็กทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัดให้สามารถพึ่งพาตนเองได้ ประหยัดการลงทุน ช่วยลดการนำเข้าอุปกรณ์ราคาแพง ช่วยให้แพทย์และบุคลากรได้ใช้เทคโนโลยีพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนไทยได้ดีขึ้น”







