สูงวัยไทย จะไม่เดียวดายตายลำพัง มธ.ชู 'นักบริหารสูงวัย' ช่วยแก้ปัญหา

ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างรวดเร็วเนื่องจากการแพทย์ที่ดีขึ้นทำให้อายุขัยเฉลี่ยสูงขึ้น ในขณะที่อัตราการเกิดลดลง
KEY
POINTS
- "การเสียชีวิตตามลำพัง หรือตายเดียวดาย” ถือเป็นปัญหาใหญ่และปัญหาใหม่ที่กำลังเกิดขึ้นในสังคมผู้สูงอายุ ซึ่งประเทศไทยมุ่งเน้นเรื่องการตายดี ตายโดยไม่เจ็บป่วยตามร่างกาย แต่ไม่ได้มองเรื่องของจิตใจ
- คนรุ่นใหม่ และครอบครัวต้องกลับมาดูแลผู้สูงอายุ เพราะต่อให้ระบบของรัฐ พยายามออกแบบช่วยเหลือผู้สูงอายุ แต่หากลูกหลาน หรือครอบครัวไม่ดูแล จะทำให้ผู้สูงอายตายลำพังมากขึ้น
- ‘SMART AND STRONG Project’ ซึ่งมีพื้นที่รับผิดชอบ 39 แห่ง ทั่วประเทศ และตอนนี้ได้ขยายโครงการไปยังภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (APAC) พร้อมทั้งมีการพัฒนาอัพสกิล รีสกิล และผลิตนักบริหารจัดการสังคมสูงวัย เพื่อช่วยดูแลผู้สูงอายุในชุมชนท้องถิ่น
ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างรวดเร็วเนื่องจากการแพทย์ที่ดีขึ้นทำให้อายุขัยเฉลี่ยสูงขึ้น ในขณะที่อัตราการเกิดลดลง การดูแลผู้สูงอายุในปัจจุบันยังคงเน้นการดูแลในครอบครัวและชุมชน ซึ่งถือเป็นรากฐานของระบบและกลไกทางสังคมที่ยั่งยืนแต่ปัญหาใหญ่และปัญหาใหม่ที่กำลังเกิดขึ้นคือ ปรากฏการณ์ “การเสียชีวิตตามลำพัง” หรือ “ตายเดียวดาย”ซึ่งคล้ายคลึงกับที่เกิดขึ้นในประเทศญี่ปุ่น
จากสถานการณ์ความท้าทายนี้ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้กำหนดให้ “การดูแลผู้สูงอายุในชุมชน” เป็นวาระสำคัญเพื่อรับมือสังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์และสังคมสูงวัยระดับสุดยอดในอนาคต โดยเน้นการบูรณาการการดูแลทั้งแบบไม่เป็นทางการและเป็นทางการ
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในฐานะสถาบันการศึกษา ได้ประกาศความพร้อมที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลประชาชนและรับใช้สังคมผ่านภารกิจ “TU Care & Ageing Society” ธรรมศาสตร์เพื่อนร่วมทางสังคมสูงวัย โดยมีกลุ่มสาขาวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพ และสังคมศาสตร์ เข้ามาเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนสังคมฝ่ามรสุมสังคมสูงวัย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
‘ธรรมศาสตร์’ ตีแผ่สถานการณ์ ‘ตายลำพัง - The Long Goodbye’
'TU Care & Ageing Society' ธรรมศาสตร์กำแพงพิงหลัง ‘สังคมสูงวัย’
ผู้สูงอายุไทย“ตายลำพัง”เพียบ
ผศ.ดร.ณัฏฐพัชร สโรบล ภาควิชานโยบายสังคม การพัฒนาสังคมและการพัฒนาชุมชน สาขาเชี่ยวชาญสวัสดิการผู้สูงอายุ คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ให้สัมภาษณ์ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า ครอบครัวไทยปัจจุบัน ลูกหลานวัยทำงานมีภาระมากขึ้น หลายคนต้องไปทำงานที่อื่นเป็นเวลานานๆ และไม่ได้กลับมาดูแลพ่อแม่ของตนเอง ทุกครั้งที่ลงพื้นที่ไปในชุมชนท้องถิ่น มักจะพบว่าผู้สูงอายุต้องอยู่บ้านตามลำพัง และขอความช่วยเหลือทั้งเรื่องอาหาร การทำแผลจากการหกล้ม หรือบาดเจ็บ เพราะไม่มีใครดูแล และไม่สามารถพิงพิงใครได้ ที่สำคัญมีจำนวนไม่น้อยที่มีภาวะเหงา ซึมเศร้า ซึ่งคนกลุ่มนี้เสี่ยงฆ่าตัวตาย และเสียชีวิตตามลำพัง
"คนแก่เยอะ แก่เร็ว แต่แก่ไม่ดี” เมื่อ2-3 ปีที่ผ่านมา จากการทำงานกับพื้นที่จังหวัดปทุมธานี ลงพื้นที่ในหมู่บ้าน และชุมชน พบว่าในหมู่บ้านจัดสรรที่อยู่อาศัยของคนชั้นกลางไปจนถึงชนชั้นนำ มีจำนวนผู้สูงอายุไทยไม่น้อยกำลังเผชิญกับปรากฎการณ์ ‘โคโดกุชิ’ หรือ “การตายอย่างลำพัง” โดยไม่ได้รับความสนใจจากครอบครัว หรือคนรอบข้าง ซึ่งคล้ายคลึงกับประเทศญี่ปุ่น”
SMART AND STRONG Project
"การเสียชีวิตตามลำพัง หรือตายเดียวดาย” ถือเป็นปัญหาใหญ่และปัญหาใหม่ที่กำลังเกิดขึ้นในสังคมผู้สูงอายุ ซึ่งประเทศไทยมุ่งเน้นเรื่องการตายดี ตายโดยไม่เจ็บป่วยตามร่างกาย แต่ไม่ได้มองเรื่องของจิตใจ ผู้สูงอายุไทยส่วนใหญ่มีภาวะเจ็บปวดทางจิตใจ การตายลำพังของผู้สูงอายุ จะมีองค์ประกอบ 2 ส่วน ทั้งก่อนตาย และหลังตาย
โดยก่อนตาย ผู้สูงอายุจะอยู่คนเดียวและเกิดการเจ็บป่วยกะทันหัน เช่น ลื่นล้มในห้องน้ำ หรือหัวใจวายกะทันหัน และกว่าลูกหลานหรือเพื่อนบ้านมาพบเจอ ต้องใช้เวลาหลายอาทิตย์ หรือเป็นเดือน หรือมีภาวะเจ็บป่วย แต่อยู่ช่วงสุดท้ายบนเตียงอย่างโดดเดี่ยว ส่วนหลังการตาย อาทิ ผู้สูงอายุเสียชีวิต แล้วไม่มีคนทำศพ ไร้ญาติ ติดต่อญาติไม่ได้ ทำให้ท้องถิ่นต้องจัดการศพให้
คณะสังคมสงเคราะห์ ทำงานกับเครือข่ายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ภายใต้ ‘SMART AND STRONG Project’ ซึ่งมีพื้นที่รับผิดชอบ 39 แห่ง ทั่วประเทศ และตอนนี้ได้ขยายโครงการไปยังภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (APAC) พร้อมทั้งมีการพัฒนาอัพสกิล รีสกิล และผลิตนักบริหารจัดการสังคมสูงวัย เพื่อช่วยดูแลผู้สูงอายุในชุมชนท้องถิ่น ประกอบด้วยนักสังคมสงเคราะห์ นักพัฒนาชุมชน แพทย์ พยาบาล นักวิชาการสาธารณสุข นักกายภาพบำบัด นักจิตวิทยา นักโภชนาการ นักกิจกรรมบำบัด นักบริบาลผู้สูงอายุ อาสาสมัครสาธารณสุข อาสาสมัครดูแลผู้สูงอายุ และผู้จัดการดูแล (Care Manager)
การบริการผู้สูงอายุใช้ใจและมองเชิงบวก
การจัดบริการสำหรับผู้สูงอายุเป็นเรื่องที่ต้องใช้ใจและการมีมุมมองเชิงบวกสูงในการให้บริการ ซึ่งแต่ละองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไม่จำเป็นต้องมีองค์ประกอบเหมือนกันทั้งจำนวนหรือประเภทของวิชาชีพแต่ให้ขึ้นอยู่กับความพร้อมและนโยบายสำคัญของผู้บริหารท้องถิ่นและความสมัครใจของผู้ปฏิบัติงานเป็นสำคัญ อปท.เกือบทุกแห่งต่างอยากมีนักบริหารจัดการสังคมสูงวัย เพื่อช่วยดูแลแก้ปัญหาสังคมสูงวัยในชุมชนท้องถิ่นของตนเอง แต่มีหลายแห่งมีข้อจำกัดเรื่องของการขาดแคลนกำลังคน
“การดูแลผู้สูงอายุเรื่องคนให้บริการ หรือนักบริหารจัดการสังคมสูงวัย คนที่มีความรู้ความเข้าใจในการดูแลผู้สูงอายุที่มีความหลากหลาย ไม่ใช่เพียง 3 กลุ่ม (กลุ่มติดเตียง กลุ่มติดบ้าน และกลุ่มติดสังคม) แต่ปัญหาผู้สูงอายุมีเยอะมาก โดยเฉพาะเรื่องของจิตใจ ผู้สูงอายุไทยจำนวนมากมีปัญหาเรื่องสภาพจิตใจ เหงา ซึมเศร้า แม้จะมีงบประมาณมาก หรืองบน้อย แต่ไม่มีคนให้บริการ คนดูแลผู้สูงอายุ การแก้ปัญหาสูงวัยก็ไม่สามารถสำเร็จได้”
ทีม Happy Oldie บริการผู้สูงอายุ
ผศ.ดร.ณัฏฐพัชร ยกตัวอย่าง เทศบาลที่เกิดทีมนักบริหารจัดการสังคมสูงวัย ได้แก่ เทศบาลเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน เทศบาลตำบลท่าสายลวด จังหวัดตาก เทศบาลเมืองหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เทศบาลเมืองนาสาร จังหวัดสุราษฏร์ธานี และที่มีความโดดเด่นเรื่อง สหศาสตร์ คือ ทีมเทศบาลตำบลเขาพระงาม จังหวัดลพบุรี ที่มีการออกแบบให้ทุกกองงานในเทศบาลมีบทบาทในการจัดบริการสำหรับผู้สูงอายุภายใต้ชื่อทีม Happy Oldie
“อยากให้คนรุ่นใหม่ และครอบครัวกลับมาดูแลผู้สูงอายุ เพราะต่อให้ระบบของรัฐ พยายามออกแบบช่วยเหลือผู้สูงอายุ แต่หากลูกหลาน หรือครอบครัวไม่ดูแล จะทำให้ผู้สูงอายตายลำพังมากขึ้น ดังนั้น การเสริมสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญต่อให้รูปแบบการใช้ชีวิตของผู้คนเปลี่ยนแปลงไป อยากเห็นหน่วยงานจัดการสังคมสูงวัยในชุมชนที่มีโครงสร้างองค์กรชัดเจน อทป.ต้องฟอร์มทีมและเป็นฐานหลักในการทำเรื่องนี้ โดยมีภาครัฐส่วนกลางให้การสนับสนุน” ผศ.ดร.ณัฏฐพัชร กล่าว
“STRONG”โมเดลดูแลสูงวัย
กลยุทธ์ “STRONG”โมเดล.ประกอบด้วย
S:Strengthening team cohesion (การสร้างทีมที่มีความเข้มแข็ง)
T: Training and knowledge sharing (การพัฒนาศักยภาพทีมงาน)
R :Research experimentation, and development (การศึกษาวิจัย)
O:Observing and Study Visits (การสังเกตและการศึกษาดูงาน)
N:Networking and Collaboration (การสร้างเครือข่ายและความร่วมมือ)
G:Gathering and integration (การรวมไว้ด้วยกันและการบูรณาการ)
เป็นรูปแบบการทำงานร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นแหล่งรวมบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านการจัดบริการผู้สูงอายุ เป็นการรวมพลังของผู้ปฏิบัติงานที่มีหัวใจเดียวกันและมีเป้าหมายร่วมในการพัฒนารูปแบบการจัดบริการด้านผู้สูงอายุ
โดยมีการจัดประชุมแลกเปลี่ยนความรู้ทุก 3 เดือน การประชุมคณะกรรมการในโครงการปีละ 2 ครั้ง การจัดสัมมนาและประชุมเชิงปฏิบัติการปีละ 1 ครั้ง และมีการสร้างให้เกิดระบบการพูดคุยสื่อสารอย่างสม่ำเสมอผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น Facebook และ LINE Application เน้นการทำงานบูรณาการแบบสหศาสตร์ และสหวิชาชีพ และการบูรณาการการทำงานระหว่างกองต่าง ๆ ในองค์กรปกครอส่วนท้องถิ่น ระยะเวลาดำเนินการ 3 ปี ซึ่งปีนี้เป็นปีสุดท้าย
ซึ่งใช้หลักการตามแนวคิดการสูงวัยในถิ่นที่อยู่ (Aging in Place) จัดบริการที่ตอบสนองแนวคิดการสูงวัยในถิ่นที่อยู่ในชุมชน สร้างระบบบริการที่หลากหลายและครอบคลุมเพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกันของผู้สูงอายุ โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ผู้สูงอายุสามารถใช้ชีวิตได้อย่างยาวนานและมีคุณภาพชีวิตที่ดีในพื้นที่ชุมชนเดิม
โดยปลายปี 2568 จะดำเนินการในอปท. ที่สนใจจะทำเรื่องนี้เพื่อให้เกิดผลงานเชิงประจักษ์และจะขยายหลักสูตรนี้ไปต่างประเทศ แถบภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เพราะการทำเรื่องผู้สูงอายุ ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน รวมถึงการบริการอบรมพัฒนาเพิ่มนักบริหารจัดการสังคมสูงวัยให้มากขึ้น ให้คนทำงานมีความพร้อม ทำงานได้จริง ช่วยแก้ปัญหาสูงวัยได้จริง







