เรอบ่อย อันตราย! อย่ามองข้ามสัญญาณร่างกาย ต้องรีบพบแพทย์

เรอบ่อย อันตราย! อย่ามองข้ามสัญญาณร่างกาย ต้องรีบพบแพทย์

"อาการเรอ หรือ Belching" เป็นปฏิกิริยาอัตโนมัติของร่างกายที่เกิดขึ้นเนื่องมาจากการมีลมหรือกลุ่มแก๊สในกระเพาะอาหารที่มากเกินพอดี

KEY

POINTS

  • อาการเรอ  เป็นการขับลมจากกระเพาะอาหาร ผ่านหลอดอาหารออกมาทางปาก อาจมีแค่เสียง หรือเรอออกมาพร้อมกลิ่นอาหาร 
  • หากมีอาการเรอบ่อยกว่า 3 ครั้งต่อวัน ต่อเนื่องกันไปเกิน 1 สัปดาห์ แสดงให้เห็นว่าอาการเรออาจไม่ได้เกิดจากอากาศในท้องตามปกติ แต่อาจเป็นเพราะคุณมีภาวะการณ์กลืนอากาศมากเกินไป
  • ถ้าพบปัญหาท้องเฟ้อ เรอ ผายลม ที่ผิดปกติหรือมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น แสบร้อนกลางอก ปวดเกร็งท้อง เจ็บหน้าอก ถ่ายเป็นเลือด ควรรีบพบแพทย์

"อาการเรอ หรือ Belching" เป็นปฏิกิริยาอัตโนมัติของร่างกายที่เกิดขึ้นเนื่องมาจากการมีลมหรือกลุ่มแก๊สในกระเพาะอาหารที่มากเกินพอดี ลมหรือกลุ่มแก๊สเหล่านั้นจะถูกขับออกมาจากกระเพาะอาหารย้อนกลับไปยังทางเดินอาหารอันประกอบด้วยหลอดอาหารส่วนปลาย หลอดอาหารส่วนต้น

เป็นการขับลมจากกระเพาะอาหาร ผ่านหลอดอาหารออกมาทางปาก อาจมีแค่เสียง หรือเรอออกมาพร้อมกลิ่นอาหาร เป็นหนึ่งในอาการที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะผู้ที่ชอบรับประทานอาหารเร็วและมากเกินจำเป็น

เมื่อเรอออกมา อาจช่วยให้รู้สึกดีขึ้น แต่หากเรอบ่อยๆ อาจเป็นสัญญาณเตือนโรคระบบทางเดินอาหารบางชนิด โดยเฉพาะเรอเปรี้ยว ขมปากและมีอาการแสบร้อนกลางอก  อาจเป็นจุดเริ่มต้นของโรคกรดไหลย้อน ซึ่งสามารถเกิดได้กับทุกช่วงวัยและกลุ่มที่มีความเสี่ยง เช่น มีน้ำหนักมาก หญิงตั้งครรภ์ ผู้ที่ดื่มสุราหรือสูบบุหรี่เป็นประจำ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

'กรดไหลย้อน' โรคใกล้ตัวที่ใครก็เป็นได้ กินแล้วนอน เสี่ยง 2 เท่า

'ผายลม' กลิ่นที่บ่งบอกสุขภาพ จำนวนครั้งบอกโรค กลั้นตดก็เสี่ยง

ทำไม? คนเราถึงมีอาการเรอ

  • เกิดจากมีลมในกระเพาะอาหารมาก ทำให้กระเพาะอาหารพองตัวและขับลมออกมา   ซึ่งการเกิดลม หรือแก๊สในกระเพาะ  เกิดได้จากหลายสาเหตุ ดังนี้
  • กลืนลมหรืออากาศโดยไม่รู้ตัว เช่น รับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มเร็วเกินไป พูดคุยระหว่างมื้ออาหาร การสูบบุหรี่
  • รับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มที่ทำให้เกิดแก๊ส เช่น อาหารไขมันและคาร์โบรไฮเดรทสูง ยีสต์ ถั่วชนิดต่างๆ น้ำอัดลม และแอลกอฮอล์
  • ยาบางชนิดหากใช้ในปริมาณมาก อาจส่งผลให้กระเพาะอาหารเกิดการอักเสบ ทำให้เรอบ่อย เช่น ยารักษาโรคเบาหวาน ยาระบาย   ยาแก้ปวด
  • โรคประจำตัว ทำให้ เรอบ่อย หรือมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น เจ็บหน้าอก จุกแน่นลิ้นปี่ อาจเป็นโรคกรดไหลย้อน หรือโรคกระเพาะ นอกจากนี้อาการเรอบ่อยอาจมาจากโรคอื่นๆ  เช่น โรคตับอ่อน ที่ไม่สามารถผลิตน้ำย่อยออกมาย่อยอาหาร 
  • ความเครียด ภาวะความกดดันสูง ความวิตกกังวล หรือปัจจัยกระตุ้นอื่นๆ

เรอบ่อยแค่ไหนที่เรียกว่ามากเกินไป

หากมีอาการเรอบ่อยกว่า 3 ครั้งต่อวัน ต่อเนื่องกันไปเกิน 1 สัปดาห์ แสดงให้เห็นว่าอาการเรออาจไม่ได้เกิดจากอากาศในท้องตามปกติ แต่อาจเป็นเพราะคุณมีภาวการณ์กลืนอากาศมากเกินไป (Swallowing air) ก็เป็นได้

ซึ่งมักจะทำให้เกิดอาการเรอแบบลูกใหญ่ตามมา โชคดีอาการเรอที่เกิดจากการกลืนอากาศ ก็ไม่ใช่อาการป่วยที่ร้ายแรง หากอาการเรอของคุณพ่วงมาด้วยอาการอื่นๆ แนะนำว่าไม่ควรนิ่ง

  • ท้องบวม

หากรู้สึกอึดอัดกับปริมาณลมมากที่อยู่ในท้อง เป็นไปได้ว่าอาจเกิดอาการท้องอืดซึ่งเกิดขึ้นได้หลายสาเหตุ เช่น การระคายเคืองในลำไส้ , ท้องอืดจากการแพ้นมวัว ซึ่งส่วนใหญ่มักจะไม่ใช่อาการรุนแรง แต่หากพบว่าอาการท้องบวมร่วมกับอาเจียน ควรรีบไปพบแพทย์

  • แสบร้อนในลำคอ

หากอาการเรอของคุณมักเกิดขึ้นหลังจากการทานอาหาร พร้อมกับอาการแสบร้อนในลำคอและภายในทรวงอก ค่อนข้างชัดเจนว่านี่คืออาการของโรคกรดไหลย้อน หากปล่อยไว้นานโดยไม่รักษา จะยิ่งทำให้หลอดอาหารถูกทำลายด้วยกรดและมีอาการแสบร้อนมากขึ้น

  • ระบบขับถ่ายแปรปรวน

อาการเรอเป็นอาการหนึ่งของโรคลำไส้แปรปรวน ซึ่งมักพบว่ามีอาการร่วมกับการผายลมมากผิดปกติ ท้องเสียบ่อย ขับถ่ายกระปริดกระปรอย โดยนอกจากลำไส้แปรปรวนแล้ว อาการเหล่านี้ยังสามารถเกิดขึ้นได้กับผู้ที่แพ้น้ำตาลแลคโตสและอาหารบางประเภทด้วย

  • อาเจียนแบบกะทันหัน

อาการเรอที่ตามมาด้วยการอาเจียนแบบควบคุมไม่ได้ หรือไม่ได้มีสัญญาณเตือนล่วงหน้า อาจบ่งบอกว่าคุณมีบางอย่างที่กำลังขัดขวางลำไส้ หรือเป็นอุปสรรคภายในทางเดินอาหาร อาการแบบนี้ต้องรีบพบแพทย์ เพราะมีความเป็นไปได้หลายโรค เช่น โรคลำไส้ใหญ่อักเสบ , ติดเชื้อในลำไส้ หรือเป็นไปได้ว่าอาจมีก้อนเนื้อหรือมะเร็งลำไส้ก็เป็นได้

  • ปวดร้าวบริเวณซี่โครง

อาการเรอที่มาร่วมกับการเจ็บร้าวบริเวณซี่โครง หรือหน้าท้องร่วมด้วย เป็นไปได้ว่าอาจเกิดจากอาการไส้เลื่อน แม้ว่าจะไม่ใช่โรครุนแรง แต่ก็ไม่ใช่อาการที่จะปล่อยทิ้งไว้ เพราะอาจเกิดอันตรายตามมาในภายหลัง เช่น การติดเชื้อในกระแสเลือดซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิตได้

  • น้ำหนักลดอย่างรวดเร็วโดยไม่ได้ลดน้ำหนัก

อาการน้ำหนักลดอย่างรวดเร็วเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ซึ่งหากผู้ป่วยมีอาการเรอมากผิดปกติอาจมาจากโรคที่ไม่รุนแรงอย่างการแพ้อาหาร แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงที่สุดของอาการประเภทนี้ คือมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดจากโรคมะเร็งลำไส้ด้วย

ลมในท้องเยอะ ตดบ่อย ทำอย่างไร?

ทั้งปัญหาท้องเฟ้อ เรอ ตด เกิดจากสาเหตุคล้ายคลึงกัน  การป้องกันจึงสามารถทำได้คล้าย ๆ กัน ดังนี้

  • หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้เกิดกรดและแก๊ส เช่น อาหารไขมันสูง ย่อยยาก ถั่ว และผักตระกูลกะหล่ำ รวมถึงกาแฟ น้ำอัดลม และแอลกอฮอล์
  • รับประทานอาหารแต่ละครั้งไม่มากเกินไป
  • ลดการพูดคุยในระหว่างมื้ออาหาร
  • หลีกเลี่ยงอาหารที่แพ้ หรืออาหารที่ร่างกายย่อยไม่ได้
  • ไม่รีบรับประทานอาหารและเคี้ยวอาหารให้ละเอียด
  • หลีกเลี่ยงการล้มตัวลงนอน หรืออยู่ในท่าก้มงอตัว หรือรัดเข็มขัดแน่นเกินไป หลังรับประทานอาหาร
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ โดยเฉพาะหากต้องทำงานแบบนั่งโต๊ะเป็นประจำ
  • งดสูบบุหรี่
  • ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรหากพบว่าสาเหตุของอาการดังกล่าวมาจากยา
  • ดูแลและควบคุมโรคประจำตัว โดยพบแพทย์ตามนัด

แม้ภาวะท้องเฟ้อ เรอ ตด จะเป็นเพียงอาการ ซึ่งไม่ใช่โรคร้ายแรง แต่หากพบความผิดปกติร่วมกับอาการอื่นๆ อาจบ่งบอกถึงโรคร้ายที่ซ่อนอยู่ในระบบทางเดินอาหาร หรืออาจพัฒนาไปสู่โรคอื่นๆ ได้ ดังนั้นควรรีบพบแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัย และรักษาอย่างมีประสิทธิภาพ  

สำหรับผู้ที่ไม่มีข้อบ่งชี้ว่าเป็นโรคที่อันตราย แพทย์อาจรักษาโดยการให้รับประทานยาแนะนำการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและการรับประทานอาหาร  รวมถึงนัดเพื่อติดตามอาการเป็นระยะ

อ้างอิง : โรงพยาบาลบางปะกอก1 , โรงพยาบาลสมิติเวช