'ผายลม' กลิ่นที่บ่งบอกสุขภาพ จำนวนครั้งบอกโรค กลั้นตดก็เสี่ยง

'ผายลม' กลิ่นที่บ่งบอกสุขภาพ จำนวนครั้งบอกโรค กลั้นตดก็เสี่ยง

'ตด' หรือ ผายลม อย่าคิดว่าไม่สำคัญ กลิ่นสามารถบ่งบอกสุขภาพได้ รวมถึง จำนวนครั้งที่ปล่อยออกมาแต่ละวันอาจบอกโรคบางอย่าง  และควรปล่อยให้ตดออกมาตามธรรมชาติ อย่าพยายามกลั้น จะเพิ่มความเสี่ยงของโรคได้ 

Keypoints:

  •      ตดหรือผายลม เป็นเรื่องของธรรมชาติ แต่อาจจะแตกต่างกันในแต่ละบุคคลและช่วงเวลาตามสิ่งที่รับประทาน หรืออาการป่วย
  •      ลักษณะกลิ่น และจำนวนครั้งของการผายลมในแต่ละวัน  อาจเป็นการส่งสัญญาณสุขภาพบางอย่างจากร่างกาย  ลองมาเช็กกลิ่น  3 แบบ
  •       ถ้าพยายามกลั้นการผายลม อาจทำให้ลมนั้นถูกดูดซึมกลับเข้าสู่ร่างกายผ่านผนังลำไส้ รวมถึง เป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดโรคถุงผนังลำไส้อักเสบ

           ตด หรือผายลม เกิดขึ้นจากการระบายลมในลำไส้ออกทางทวารหนัก ซึ่งเป็นผลมาจากกระบวนกาารกลืนลมเวลาที่เรากลืนอาหารกลืนน้ำลาย หรือจากการระบายแก๊สที่กิดจากการย่อยอาหารสะสมในระบบย่อย อาจมีเฉพาะเสียง กลิ่น หรือทั้งสองอย่าง  

สาเหตุของการผายลม

  • อาหารบางชนิดที่ทำให้เกิดแก๊สมาก เช่น อาหารโปรตีนสูง เนื้อสัตว์ ไข่ ถั่ว น้ำอัดลมและแอลกอฮอล์ สำหรับอาหารที่ทำให้ตดมีกลิ่นรุนแรง เช่น คะน้า กะหล่ำปลี หน่อไม้ฝรั่งและผักที่มีกลิ่นแรง  
  • การกลืนอากาศระหว่างการเคี้ยวอาหาร หายใจ สูบบุหรี่   
  • โรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน โรคตับ โรคลำไส้อักเสบ   
  • อาหารไม่ย่อย   
  • รับประทานอาหารในปริมาณมากและเร็วเกินไป   

ประโยชน์การผายลม
     สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) มีการเผยแพร่ประโยชน์ของการผายลม โดยระบุว่า

1.บรรเทาอาการท้องอืด  เมื่ออาหารไม่ได้ย่อยจะทำให้เกิดแก๊ส อาจมีอาการท้องอืดได้  การผายลมจึงเป็นการปล่อยก๊าซออกมา ช่วยบรรเทาอาการท้องที่อืด

2.กลิ่นสัญญาณบอกสุขภาพ  หากเริ่มมีกลิ่นเน่าเหม็น อาจจะเป็นสัญญาณการแพ้แลคโตส อาหารไม่ย่อย หรือการติดเชื้อระบบทางเดินอาหาร
        3.ดมกลิ่น  ในการผายลม จะมีสารไฮโดรเจนซัลไฟด์ออกมาด้วย ซึ่งมีการวิจัยพบว่าการสูดดมก๊าซไฮโดรเจนซัลไฟด์ในปริมาณน้อยๆ จะสามารถลดความเสียหายของเซลล์ในระยะยาวได้ และสามารถป้องกันไม่ให้เกิดโรคไขข้อ และโรคหัวใจ
         4.บ่งบอกอาจขาดสารอาหาร เนื่องจากการรับประทานอาหารที่ทำให้เกิดก๊าซเป็นวิธีที่ทำให้จุลินทรีย์ในลำไส้จะได้รับสารอาหาร ถ้าไม่ค่อยผายลม นั่นก็เป็นเพราะ จุลินทรีย์ในลำไส้ของคุณไม่ได้รับสารอาหารที่ต้องการ นั่นหมายความว่าคุณต้องกินคาร์โบไฮเดรตให้มากขึ้น เช่น ถั่ว เมล็ดธัญพืช กะหล่ำปลี หัวหอม เป็นต้น

กลิ่น-จำนวนครั้งตดบอกสุขภาพ

      กลิ่นของการผายลม สามารถบอกสุขภาพภายในสำไส้ได้ 3 แบบ

  1. ไร้กลิ่น เกิดได้จากทานโปรตีนน้อย
  2. มีกลิ่น เกิดจากการทานอาหารที่มีโปรตีนหรือผักที่มีกลิ่นแรง
  3. มีกลิ่นแรง มากผิดปกติอาจเกิดจากลำไส้มีการติดเชื้อแบคทีเรีย ลำไส้ที่มีอุจจาระค้างอยู่นานหรือลำไส้อุดตัน

สำหรับจำนวนครั้งที่ควรผายลดต่อวัน 

  • จำนวนครั้งที่ผายลมต่อวันอาจมากน้อยแตกต่างกันไป ซึ่งขึ้นอยู่กับอาหารที่รับประทาน และสุขนิสัยการขับถ่าย ตราบใดที่ไม่มีอาการแน่นท้องก็ถือว่าปกติ
  • ถ้าสังเกตุพบว่าผายลมน้อยกว่าปกติหรือแน่นท้อง อาจเสียงต่อการเป็นโรคลำไส้อุดตัน

          อย่างไรก็ตาม ทางการแพทย์ระบุว่ามนุษย์ต้องตดเฉลี่ยวันละ 10-20 ครั้ง  ซึ่งเป็นเรื่องธรรมชาติเป็นการระบายแก๊สที่สะสมอยู่ในร่างกายที่อาจส่งผลให้ท้องอืด แต่หากมีกลิ่นและเสียงผิดปกติ หรือเกิดขึ้นพร้อมกับอาการทางเดินอาหารอื่นๆ  อาจเป็นสัญญาณเตือนว่าระบบการย่อยมีความผิดปกติ หรืออาจบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพได้ เช่น โรคเบาหวาน  โรคตับ โรคลำไส้อักเสบ 

\'ผายลม\' กลิ่นที่บ่งบอกสุขภาพ จำนวนครั้งบอกโรค กลั้นตดก็เสี่ยง
อันตรายของการกลั้นผายลม

      การกลั้นผายลม  จะทำให้ลมในลำไส้ไม่สามารถออกมาได้ เกิดการสะสมอยู่ในลำไส้มากขึ้น  และอาจจะดันลมออกมา เมื่อลำไส้มีการบีบตัวแรงขึ้น ลมก็อาจออกมาทางทวารหนักในรูปแบบของผายลม หรืออาจถูกดูดซึมกลับเข้าสู่ร่างกายผ่านผนังลำไส้
       ทั้งนี้ การกลั้นผานลม อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดโรคถุงผนังลำไส้อักเสบ ที่เกิดการอักเสบ นูนพอง บริเวณลำไส้ใหญ่ส่วนล่าง หรือผนังช่องท้องที่ไม่แข็งแรง และมีถุงเล็กๆ ขึ้นมา ส่งผลให้มีการบวม แดง เป็นฝี กลายเป็นแผลแตกได้

       ความเสี่ยงของโรคถุงผนังลำไส้อักเสบ มีสาเหตุเกิดได้จาก  

  • อายุที่สูงขึ้น
  • พันธุกรรม หรือการเป็นฝาแฝดกัน
  • การสูบบุหรี่
  • การใช้ยาสเตียรอยด์ การใช้ยาแก้ปวดที่ก่อให้เกิดการเสพติด รวมทั้งการใช้ยาแอสไพริน หรือยาแก้อักเสบในกลุ่มเอ็นเสดติดต่อกันเป็นเวลานาน
  • คนอ้วน
  • ผู้ที่ไม่ออกกำลังกาย
  • ผู้ที่ไม่รับประทานผัก ผลไม้ จะไม่มีไฟเบอร์ หรือกากใยอาหารในการกระตุ้นการขับถ่าย รวมทั้งการขาดวิตามินดี
  • การกลั้นการผายลม ทำให้เกิดการสะสมของแก๊สในระบบทางเดินอาหาร ช่องท้องจึงเกิดการขยายตัว และเป็นสาเหตุของโรคถุงผนังลำไส้อักเสบได้

อ้างอิง: รพ.จุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ,รพ.เพชรเวช,สสส.,รพ.สมิติเวช