อาหารแห่งอนาคต-สุขภาพโต กำแพงภาษี-เศรษฐกิจโลกไม่ใช่อุปสรรค

เทรนด์สังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) ทำให้ผู้บริโภคทั่วโลกให้ความสำคัญกับการบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพและอาหาร
KEY
POINTS
- ภาคเหนือเป็นภาคที่มีศักยภาพในศาสตร์ด้านการเกษตรและพร้อมด้วยเครือข่ายมหาวิทยาลัยที่มีการสร้างนวัตกรรม จะสามารถช่วยกันต่อยอด ให้สินค้าการเกษตร มีมูลค่าสูงได้
- กระแสความสนใจในด้านความยั่งยืนและการดูแลสุขภาพยังผลักดันให้ตลาด Super Food และ Future Food เติบโตอย่างแข็งแกร่ง
- ความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยหรือสถาบันวิจัยกับภาคธุรกิจ มีความสำคัญที่จะสนับสนุนงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนา Future Food และ Functional Food
เทรนด์สังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) ทำให้ผู้บริโภคทั่วโลกให้ความสำคัญกับการบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพและอาหารที่ตอบโจทย์ด้านโภชนาการเฉพาะกลุ่มมากยิ่งขึ้น ซึ่งกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่พร้อมจ่ายสำหรับอาหารที่ทำให้สุขภาพดี
แม้ไทยต้องเผชิญกับความท้าทายจากกำแพงภาษีที่มีแนวโน้มสูงขึ้นตามกระแสเศรษฐกิจโลกที่ผันผวน แต่ประเทศไทยยังคงมีโอกาสสำคัญในการเติบโต เพราะเดิมประเทศจีนเป็นประเทศที่ผลิตอาหารเป็นหลัก แต่เมื่อถูกกีดกันทางการค้าทำให้ไทยกลายเป็นตลาดที่ผู้บริโภคมองหา แม้จะเจอกับกำแพงภาษีแต่ก็น้อยกว่าประเทศจีน
สถาบันด้านสุขภาพสากล หรือ Global Wellness Institute (GWI) ประเมินภาพรวมของเศรษฐกิจด้านการดูแลสุขภาพทั่วโลก มีแนวโน้มขยายตัวอย่างสูงถึง 8.6% ต่อปี จนถึงปี 2570 โดยมูลค่าตลาดที่ GWI ประเมินนั้นสูงกว่า 8.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 306 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าเมื่อเทียบกับปี 2562 ซึ่งเป็นการขยายตัวที่สูงกว่าการเติบโตของเศรษฐกิจโลก ขณะที่ประเทศไทย ภาครัฐตั้งเป้าหมายที่จะเป็น HUB สุขภาพนานาชาติ คาดว่ารายได้จากธุรกิจ Health & Wellness จะมีไม่ต่ำกว่า 8 แสนล้านบาท ในปี 2570
ระหว่างวันที่ 23 - 24 เมษายน 2568 อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ จัดงาน “Northern Food Ingredients and Nutrition Expo”ยกระดับธุรกิจส่วนผสมอาหารและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากภาคเหนือของไทยสู่เวทีโลก ฉายศักยภาพผู้ประกอบการ เพื่อยกระดับผลิตภัณฑ์ภาคเกษตรไทยให้มูลค่าสูง พร้อมให้ไทยก้าวสู่ฐานผลิต Foods – Fuctional Foods ระดับโลก ในลักษณะของ Processing Food ที่สามารถผลิตและส่งออกได้ และพบปะกับผู้ลงทุนและผู้ประกอบการ ทั้งจากในประเทศไทยและทั่วโลก“Fi Asia Thailand 2025’ และ ‘Vitafoods Asia 2025” ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (QSNCC) วันที่ 17 - 19 กันยายน 2568
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
เกษตรต้นน้ำสู่ผู้นำตลาดสุขภาพโลก
"รุ้งเพชร ชิตานุวัตร์" ผู้อำนวยการกลุ่มโครงการภูมิภาคอาเซียน อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ กล่าวว่า ประเทศไทย เป็นแหล่งผลิตสินค้าการเกษตร เกษตรแปรรูปที่สามารถสร้างสารสกัดมูลค่าสูงได้ เตรียมฉายศักยภาพสร้างโอกาสด้านอุตสาหกรรมอาหาร (Super Food,Functional Food and Future Food)
ปัจจุบันอุตสาหกรรมอาหารของไทย โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าเกษตรแปรรูป อาหารเพื่อสุขภาพ (Functional Food) อาหารซูเปอร์ฟู้ด (Super Food) และอาหารแห่งอนาคต (Future Food) มีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจไทยอย่างมาก ปี 2567 ที่ผ่านมา การส่งออกสินค้าอาหารและสินค้าเกษตรของไทยสร้างรายได้กว่า 1 ล้านล้านบาท และยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องตามกระแสความต้องการทั่วโลกที่เปลี่ยนไป
ปัจจัยสำคัญที่ผลักดันตลาดนี้ คือ เทรนด์สังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) ซึ่งทำให้ผู้บริโภคทั่วโลกให้ความสำคัญกับการบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพและอาหารที่ตอบโจทย์ด้านโภชนาการเฉพาะกลุ่มมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ กระแสความสนใจในด้านความยั่งยืนและการดูแลสุขภาพยังผลักดันให้ตลาด Super Food และ Future Food เติบโตอย่างแข็งแกร่ง ซึ่งรัฐบาลไทยเองก็มีนโยบายในการผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางด้าน Functional Food และ Future Food ของภูมิภาค
“ภาคเหนือผลิต ingredien และ food ค่อนข้างเยอะ แต่ว่ายังเป็นระดับที่ SMEs อยู่ ถ้าเขามีโอกาสได้เจอบริษัทที่ผลิตที่เป็นบริษัทชั้นนำ อาจจะเอามาพัฒนา ingredien ในภาคเหนือได้ เพราะฉะนั้น ingredien ที่หลากหลาย สามารถมาสร้างความหลากหลายของอุตสาหกรรมอาหารได้ ภาคเหนือเป็นภาคที่มีศักยภาพในศาสตร์ด้านการเกษตรและพร้อมด้วยเครือข่ายมหาวิทยาลัยที่มีการสร้างนวัตกรรม จะสามารถช่วยกันต่อยอด ให้สินค้าการเกษตร มีมูลค่าสูงได้”
ทั่วโลกต้องการอาหารเพื่อสุขภาพ
“สมิต ทวีเลิศนิธิ”กรรมการผู้จัดการ บริษัท นิธิฟู้ดส์ จำกัด / รองประธาน สภาอุตสาหกรรม จังหวัดเชียงใหม่/ อุปนายกสมาคมการค้าอาหารอนาคต กล่าวว่า ภาคการเกษตรและอุตสาหกรรมอาหารของไทยที่ต้องเผชิญกับความท้าทายจากนโยบายกีดกันทางการค้าในหลายประเทศ รวมถึงกำแพงภาษีที่มีแนวโน้มสูงขึ้นตามกระแสเศรษฐกิจโลกที่ผันผวน แต่ประเทศไทยยังคงมีโอกาสสำคัญในการเติบโต และขยายฐานรายได้จากภาคธุรกิจอาหารได้อย่างต่อเนื่อง
ข้อมูลจากสภาอุตสาหกรรมอาหารแห่งประเทศไทย ระบุว่า ไทยยังมีศักยภาพแข็งแกร่งในการผลิตและส่งออกสินค้าอาหาร โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าเกษตรแปรรูป อาหารเพื่อสุขภาพ (Functional Food) และอาหารแห่งอนาคต (Future Food) ที่กำลังเป็นที่ต้องการเพิ่มขึ้นทั่วโลก ปัจจัยสนับสนุนสำคัญ คือ ความหลากหลายของวัตถุดิบเกษตรพื้นถิ่น การพัฒนาเทคโนโลยีการแปรรูปที่ต่อยอดได้รวดเร็ว และการสนับสนุนเชิงนโยบายจากภาครัฐในการยกระดับมาตรฐานการผลิตเพื่อให้แข่งขันในตลาดสากล
“สมาคมการค้าอาหารอนาคต มองว่าประเทศไทยของเราส่งออกได้เยอะขึ้น และตลาดหลัก ๆ คือ สหรัฐ แม้จะมีปัญหาเรื่องภาษีเข้ามา แต่มองว่ายังสามารถโตได้ เพราะภาคธุรกิจอาหาร ยังไงคนก็ต้องบริโภคต่อ เป็นที่ทราบกันดีว่าตลาดหลักในการผลิตอาหารคือประเทศจีน เมื่อประเทศจีนส่งออกไม่ได้ ก็ต้องมาหาตลาดใหม่ แม้จะมีภัยคุกคามเรื่องภาษี แต่ยังไงก็ถูกกว่าประเทศจีน ซึ่งผู้ประกอบการหลายคนมองว่า นี่คือโอกาสแต่เราต้องรีบปรับตัว”
แม้โอกาสในการสร้างรายได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยอาจลดลงจากแรงกดดันด้านนโยบายระหว่างประเทศ แต่การปรับตัวเชิงนวัตกรรมและการขยายตลาดใหม่ ๆ เช่น ตะวันออกกลาง เอเชียใต้ และแอฟริกา ก็ถือเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้ธุรกิจอาหารของไทยเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว
กระเทียมดำหลักสิบสู่หลักพัน
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา อุตสาหกรรมอาหารและสุขภาพของประเทศไทยได้รับความสนใจจากทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มซูเปอร์ฟู้ดส์ ที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง หนึ่งในตัวอย่างที่โดดเด่นคือ “นพดา ซูเปอร์ฟู้ดส์” จากจังหวัดลำพูน ซึ่งได้พัฒนาและแปรรูปกระเทียมดำเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมทั้งในประเทศและต่างประเทศ
จากกระเทียมสดกิโลกรัมละหลักสิบ ที่ถูกบ่มภายใต้สภาวะควบคุมเป็นเวลา 30 วัน โดยใช้เทคโนโลยีและความรู้เฉพาะทางที่ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) นานถึง 2 ปี รวมถึงการวิจัยจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กระบวนการนี้ทำให้สาร Allicin ในกระเทียมสดเปลี่ยนเป็น S-allyl-L-cysteine (SAC) จนกลายเป็นกระเทียมดำกิโลกรัมหลักพัน ซึ่งมีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระและส่งเสริมสุขภาพหัวใจ เป็นการเพิ่มมูลค่าและยกระดับสินค้าสมุนไพรไทยด้วยนวัตกรรม กระเทียมดำขึ้นส่งออกไปต่างประเทศ
“นพดา อธิกากัมพู”ประธานเจ้าหน้าที่บริหารนพดา ซูเปอร์ฟู้ดส์ กล่าวว่านอกจากนี้ นพดา ซูเปอร์ฟู้ดส์ สร้างมูลค่าเพิ่มจากวัตถุดิบท้องถิ่นและการสร้างเครือข่ายกับเกษตรกรในพื้นที่ เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชนกว่า 3 จังหวัดภาคเหนือ เชียงใหม่ เชียงรายและแม่ฮ่องสอน รวมพื้นที่เกือบ 20,000 ไร่ กว่า 250 ครัวเรือน นอกจากนี้ ยังมีการส่งเสริมการตลาดผ่านช่องทางออนไลน์จัดจำหน่ายผ่านแพลตฟอร์ม Amazon.com ซึ่งทำให้ผลิตภัณฑ์ได้รับความนิยมและเป็นที่รู้จักในตลาดต่างประเทศ
ภาครัฐ-สถาบันการศึกษาสนับสนุน
มหาวิทยาลัยและสถาบันวิจัยมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งสำหรับการหนุนเสริมผู้ประกอบการ เนื่องจากมหาวิทยาลัยเป็นสถาบันที่สร้างนวัตกรรมเป็นทุนเดิม การร่วมมือกับระหว่างมหาวิทยาลัยหรือสถาบันวิจัยกับภาคธุรกิจ จึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ที่จะสนับสนุนงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนา Future Food และ Functional Food อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างองค์ความรู้ใหม่และต่อยอดการผลิตเชิงพาณิชย์
นอกจากนี้ภาครัฐของไทยยังมีนโยบายชัดเจนในการผลักดันประเทศให้เป็นศูนย์กลางด้านอาหารและ Functional Food ในระดับนานาชาติ ผ่านยุทธศาสตร์สำคัญ เช่น การสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีอาหาร การส่งเสริมการลงทุนในเขตนวัตกรรมอาหาร (Food Innopolis) การจัดตั้งมาตรฐานความปลอดภัยอาหารระดับสากล และการส่งเสริมตลาดส่งออกผ่านความร่วมมือทางการค้าเสรีกับหลายประเทศ







