จุฬาฯ ผนึกเบอริงเกอร์ อินเกลไฮม์ อัพสัตวแพทย์ พัฒนาหลักสูตร วิจัยสุขภาพสัตว์

จุฬาฯ ผนึกเบอริงเกอร์ อินเกลไฮม์ อัพสัตวแพทย์ พัฒนาหลักสูตร วิจัยสุขภาพสัตว์

คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และเบอริงเกอร์ อินเกลไฮม์ ร่วมลงนามข้อตกลงความร่วมมือ ยกระดับความเป็นเลิศด้านสัตวแพทยศาสตร์ในประเทศไทย พัฒนาหลักสูตร พร้อมวิจัยเกี่ยวกับสุขภาพสัตว์

ในปัจจุบัน ความสัมพันธ์ระหว่างคนกับสัตว์เลี้ยงเปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน จากเดิมที่ผู้คนเรียกตัวเองว่า "เจ้าของสัตว์เลี้ยง" ก็เปลี่ยนมาเป็น "พ่อ" หรือ "แม่" ของน้องหมาน้องแมว หรือที่นิยมเรียกว่า Pet Parent ซึ่งเป็นผลจากแนวโน้มที่เรียกว่า Pet Humanization หรือ การมองว่าสัตว์เลี้ยงเป็นเหมือนสมาชิกในครอบครัวมากกว่าจะเป็นเพียงสัตว์เลี้ยง

พฤติกรรมนี้ส่งผลให้เจ้าของสัตว์เลี้ยงให้ความใส่ใจด้านสุขภาพ อาหาร ความสะอาด และสุขภาพจิตของสัตว์เลี้ยงมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยมีการเลือกใช้บริการทางการแพทย์ที่ครบวงจร อาหารเกรดพรีเมียม หรือแม้แต่บริการสปาสัตว์เลี้ยง

จากข้อมูลของกรมปศุสัตว์ พบว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีสุนัขเลี้ยงประมาณ 9 ล้านตัว และแมว 5 ล้านตัว และยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี สะท้อนจากการเติบโตของตลาดผลิตภัณฑ์และบริการสำหรับสัตว์เลี้ยงที่มีมูลค่ากว่า 40,000 ล้านบาทในปี 2566 และคาดว่าจะทะลุ 50,000 ล้านบาทในปี 2570 (ที่มา: ศูนย์วิจัยกสิกรไทย, 2567)

การเพิ่มขึ้นของจำนวนสัตว์เลี้ยงยังนำมาซึ่งการขยายตัวของคลินิกสัตวแพทย์ โรงพยาบาลสัตว์ และบริการดูแลสัตว์เลี้ยงแบบครบวงจรทั่วประเทศ ทั้งในเขตเมืองและต่างจังหวัด

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

‘คาเฟ่สัตว์เลี้ยง’ 5 ข้อเหล่าทาส-เจ้าของร้านต้องรู้ ป้องกันโรค

ทาสแมวอย่าเล่นเพลิน! "โรคเชื้อราแมว" อันตรายที่มากับการสัมผัสเจ้าเหมียว

พัฒนาหลักสูตรอบรมสัตว์แพทย์ จัดทำโครงการวิจัยสุขภาพสัตว์

บริษัท เบอริงเกอร์ อินเกลไฮม์ แอนิมอล เฮลท์ (ประเทศไทย) จำกัด และคณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ลงนามในข้อตกลงความร่วมมือ (Collaboration Agreement) โครงการ Next Level Veterinary Excellence ซึ่งเป็นความร่วมมือเชิงกลยุทธ์เพื่อยกระดับองค์ความรู้และแนวทางการปฏิบัติทางสัตวแพทยศาสตร์ในประเทศไทย ผ่านการฝึกอบรมวิชาชีพ งานวิจัย และการให้ความรู้ด้านสุขภาพแก่ประชาชน

ภายใต้ข้อตกลงฉบับนี้ เบอริงเกอร์ อินเกลไฮม์ ร่วมกันกับคณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พัฒนาหลักสูตรอบรมขั้นสูงสำหรับสัตวแพทย์ จัดทำโครงการวิจัยเกี่ยวกับสุขภาพสัตว์ และดำเนินโครงการให้ความรู้ด้านสุขภาพแก่ชุมชนเกี่ยวกับโรคติดต่อจากสัตว์สู่คน โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับระบบสุขภาพสัตว์ในไทยให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และเสริมสร้างความตระหนักรู้ของประชาชนในวงกว้าง โดยงานลงนามข้อตกลงความร่วมมือในครั้งนี้ จัดขึ้นในวันที่ 2 พฤษภาคม 2568 ณ คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

โครงการหลักภายใต้ความร่วมมือครั้งนี้ ประกอบด้วย โครงการการพัฒนาหลักสูตรในด้านต่าง ๆ อาทิ โรคหัวใจ-ไตขั้นสูงสำหรับสัตวแพทย์ หลักสูตรดูแลแมวขั้นสูงสำหรับสัตวแพทย์ รวมกึงการวิจัยด้านโรคเบาหวานในแมว อีกทั้งโครงการการให้ความรู้ประชาชนเกี่ยวกับการเป็นเจ้าของสัตว์เลี้ยงอย่างมีความรับผิดชอบ โรคติดต่อจากสัตว์สู่คนและแนวทางป้องกัน เพื่อให้ประชาชนได้ตระหนักถึงความเชื่อมโยงระหว่างสุขภาพคนและสัตว์

จุฬาฯ ผนึกเบอริงเกอร์ อินเกลไฮม์ อัพสัตวแพทย์ พัฒนาหลักสูตร วิจัยสุขภาพสัตว์

ยกระดับมาตรฐานวิชาชีพสัตวแพทย์ในไทย

ศ.สพ.ญ.ดร.สันนิภา สุรทัตต์ คณบดีคณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงความร่วมมือในครั้งนี้ว่า คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับบริษัท เบอริงเกอร์ อินเกลไฮม์ แอนิมอล เฮลท์ ซึ่งเป็นผู้นำระดับโลกในด้านชีวเภสัชภัณฑ์ ความร่วมมือในครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงการลงนามในข้อตกลงความร่วมมือ แต่เป็นการประกาศเจตนารมณ์ร่วมกันในการยกระดับมาตรฐานวิชาชีพสัตวแพทย์ในประเทศไทยให้ก้าวหน้าไปอีกขั้น

เราเชื่อมั่นว่าโครงการ 'Next Level Veterinary Excellence' จะเป็นฟันเฟืองสำคัญในการพัฒนาองค์ความรู้และทักษะของนิสิตและบุคลากรของเราให้มีความพร้อมในการรับมือกับความท้าทายใหม่ ๆ ในอนาคต นอกจากนี้ โครงการนี้ยังสะท้อนถึงความรับผิดชอบต่อสังคมของเราในการส่งเสริมสุขภาพสัตว์ สร้างความตระหนักรู้ และส่งเสริมความเข้าใจที่ถูกต้องแก่ประชาชนเกี่ยวกับโรคที่เกี่ยวข้องกับสัตว์ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อเจ้าของและคุณภาพชีวิตของสัตว์เลี้ยงในระยะยาว

จุฬาฯ ผนึกเบอริงเกอร์ อินเกลไฮม์ อัพสัตวแพทย์ พัฒนาหลักสูตร วิจัยสุขภาพสัตว์

เช็กโรคที่เกิดขึ้นในสัตว​เลี้ยง

เมื่อสัตว์เลี้ยงอายุเพิ่มขึ้น ความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจ โรคไต และโรคเบาหวาน ก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย ซึ่งหากตรวจพบช้า อาจสายเกินแก้ การป้องกัน และการตรวจสุขภาพประจำปีจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง

โรคหัวใจในสัตว์เลี้ยง

  • อาการที่พบบ่อย: หายใจหอบ ไอ โดยเฉพาะตอนกลางคืน หรือหลังออกแรง
  • สาเหตุส่วนหนึ่งเกิดจากภาวะหัวใจวาย มีของเหลวสะสมในปอด (บวมน้ำ)
  • การป้องกัน: หมั่นสังเกตอาการผิดปกติของระบบหายใจ และเข้ารับการตรวจอัลตราซาวด์หัวใจ เป็นระยะ
  • หากเริ่มมีอาการ ควรพบสัตวแพทย์ทันทีเพื่อวางแผนการรักษา เช่น การให้ยาขับน้ำหรือยาลดความดัน

 โรคไตในสัตว์เลี้ยง

  • อาการที่พบบ่อย: ปัสสาวะบ่อยขึ้น, กินน้ำเยอะขึ้น, น้ำหนักลด
  • สัตว์เลี้ยงมักแสดงอาการเมื่อโรคเข้าสู่ระยะรุนแรงแล้ว จึงควรตรวจเลือดและปัสสาวะเป็นประจำทุกปี
  • หากตรวจพบ ควรให้การดูแลอย่างใกล้ชิด เช่น ควบคุมอาหารเฉพาะโรค และให้ยาเพื่อควบคุมความดันเลือด
  • โรคไตและโรคหัวใจมักเกิดร่วมกัน ในสัตว์เลี้ยงสูงวัย เช่นเดียวกับในคน

 โรคเบาหวานในแมว

  • เกิดจากภาวะ พร่องอินซูลิน หรือ ดื้อต่ออินซูลิน
  • อาการที่ควรเฝ้าระวัง: ปัสสาวะมาก, ดื่มน้ำเยอะ, น้ำหนักลด แม้กินอาหารมาก
  • การวินิจฉัย: ตรวจระดับน้ำตาลในเลือดและปัสสาวะ, ตรวจฮอร์โมนที่เกี่ยวข้อง
  • แนวทางการดูแล ได้แก่ ควบคุมอาหาร ลดคาร์โบไฮเดรต, ฉีดอินซูลินภายใต้การควบคุมของสัตวแพทย์, ตรวจน้ำตาลเป็นประจำ และปรับแผนการรักษาอย่างต่อเนื่อง

การตรวจพบโรคตั้งแต่เนิ่น ๆ ช่วยให้สัตวแพทย์สามารถออกแบบแผนการดูแลที่เหมาะสม และยืดอายุสัตว์เลี้ยงให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีได้นานขึ้น

ย้ำโรคของสัตว์ สามารถแพร่กระจายสู่คนได้ 

รศ.น.สพ.ดร.ณุวีร์ ประภัสระกูล รองคณบดีฝ่ายวิจัย นวัตกรรม และสื่อสารองค์กรคณะ สัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวเสริมถึงความสำคัญของความร่วมมือในด้านการวิจัยและบริการสังคมว่า การสนับสนุนจากเบอริงเกอร์ อินเกลไฮม์ แอนิมอล เฮลท์ ไม่เพียงแต่จะช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งด้านงานวิจัยของคณะฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องสุขภาพแมว ซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงที่มีความต้องการการดูแลเฉพาะทางมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ยังเปิดโอกาสให้เราได้ขยายขอบเขตการบริการวิชาการสู่สังคมในวงกว้าง โครงการ 'One Health เพื่อชุมชน' เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนถึงความมุ่งมั่นของเราในการนำองค์ความรู้ทางสัตวแพทย์ไปประยุกต์ใช้เพื่อแก้ไขปัญหาสุขภาพในชุมชน การป้องกันโรคติดต่อจากสัตว์สู่คนเป็นประเด็นสำคัญที่เราให้ความใส่ใจ และการร่วมมือครั้งนี้จะช่วยให้เราสามารถดำเนินงานในด้านนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

"ยังมีความเข้าใจผิดในสังคมไทยว่า “โรคของสัตว์ไม่สามารถแพร่สู่คนได้” แต่ในความเป็นจริง โรคติดต่อระหว่างสัตว์และคน หรือที่เรียกว่า โรคสัตว์สู่คน (Zoonosis) นั้นมีอยู่จำนวนมาก และบางโรคมีความรุนแรงถึงชีวิต"

ตัวอย่างโรคสัตว์สู่คนที่พบได้ในประเทศไทย

  • พิษสุนัขบ้า (Rabies): โรคร้ายที่ยังพบผู้เสียชีวิตในไทยทุกปี
  • โรคพยาธิหนอนหัวใจ: แม้จะพบในสัตว์เป็นหลัก แต่ยุงที่เป็นพาหะสามารถนำเชื้อเข้าสู่ร่างกายคนได้ในบางกรณี
  • โรคติดเชื้อจากเชื้อราและไร: เช่น กลาก หรือไรขี้เรื้อน อาจติดจากการสัมผัสโดยตรง

ขณะเดียวกัน มนุษย์ที่ป่วยก็สามารถแพร่เชื้อไปสู่สัตว์เลี้ยงได้เช่นกัน เช่น เชื้อโควิด-19 ที่มีรายงานว่าสามารถแพร่จากมนุษย์ไปสู่แมวหรือสุนัขได้ในบางกรณี จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก (WHO)

การมีความรู้ ความเข้าใจ และการดูแลสุขภาพทั้งของเจ้าของและสัตว์เลี้ยงจึงเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อสัตว์เลี้ยงไม่ได้เป็นเพียงสัตว์ แต่เป็น "ลูก" อีกคนของครอบครัว

ภาวะโลกร้อน ส่งผลต่อสัตว์เลี้ยง

ทั้งนี้ สำหรับ ภาวะโลกร้อน (Climate Change) ไม่ได้ส่งผลแค่กับมนุษย์ แต่สัตว์เลี้ยงเองก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน โดยเฉพาะในประเทศไทยที่มีอุณหภูมิสูงและแสงแดดจัดเกือบตลอดทั้งปี ปรากฏการณ์ "ฮีตสโตรก" (Heat Stroke) ซึ่งอันตรายถึงชีวิต เป็นภัยที่มักพบในสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะสายพันธุ์หน้าสั้น (brachycephalic breeds) เช่น ปั๊ก บูลด็อก หรือเปอร์เซีย ที่มีระบบการหายใจไม่ดีเท่าสายพันธุ์อื่น

นอกจากนี้ ประเทศในเขตร้อนอย่างไทยยังมีความเสี่ยงสูงต่อโรคเขตร้อน เช่น พยาธิหนอนหัวใจ ไข้เห็บ โรคจากปรสิตภายนอกอย่างเห็บและหมัด ซึ่งสามารถแพร่กระจายได้ง่ายเมื่ออากาศชื้นและร้อน สัตว์เลี้ยงที่ไม่ได้รับการดูแลเรื่องสุขอนามัยและการป้องกันปรสิตอาจเสี่ยงต่อการติดโรคหรือเป็นพาหะได้

แนวทางป้องกันที่แนะนำ 

  • การให้สัตว์เลี้ยงอยู่ในที่ร่ม มีน้ำสะอาดตลอดเวลา
  • หลีกเลี่ยงการออกนอกบ้านช่วงแดดจัด หากสัตว์เลี้ยงมีอาการให้ใช้ผ้าชุบน้ำเย็นเช็ดตรงบริเวณข้อพับและอุ้งเท้า
  • ใช้ยาป้องกันเห็บหมัดอย่างต่อเนื่อง
  • ตรวจสุขภาพสัตว์เลี้ยงเป็นประจำ

ข้อมูลจากองค์การอนามัยสัตว์โลก (WOAH) ระบุว่า สภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงมีผลโดยตรงต่อการแพร่กระจายของโรคสัตว์ โดยเฉพาะในพื้นที่เขตร้อนที่มีแมลงพาหะชุกชุม

ดูแลสัตว์เลี้ยงในบ้านและคอนโดระบบปิด

เภสัชกร อภิศักดิ์ คุณเวช Head of Animal Health เบอริงเกอร์ อินเกลไฮม์ แอนิมอล เฮลท์ (ประเทศไทย) จำกัด เผยว่า ที่เบอริงเกอร์ อินเกลไฮม์ พันธกิจของเราคือการสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อสุขภาพที่ดีของทั้งคนและสัตว์ เราตระหนักดีว่าสัตวแพทย์เป็นบุคลากรสำคัญในการดูแลสุขภาพสัตว์เลี้ยงและมีบทบาทในการป้องกันโรคที่อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของมนุษย์ ความร่วมมือกับคณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ในครั้งนี้ ถือเป็นอีกก้าวสำคัญในการสนับสนุนการพัฒนาบุคลากรทางการสัตวแพทย์ของประเทศไทย เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการสนับสนุนด้านการศึกษา การฝึกอบรม และการวิจัยของเรา จะเป็นส่วนหนึ่งในการยกระดับมาตรฐานการดูแลสุขภาพสัตว์และการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของสัตว์เลี้ยงและเจ้าของในประเทศไทยให้ดียิ่งขึ้น

จุฬาฯ ผนึกเบอริงเกอร์ อินเกลไฮม์ อัพสัตวแพทย์ พัฒนาหลักสูตร วิจัยสุขภาพสัตว์

แม้ว่าสัตว์เลี้ยงจะเลี้ยงอยู่ในบ้านหรือคอนโดที่เป็นระบบปิด ไม่ออกไปข้างนอกเลย ก็ยังมีโอกาสเสี่ยงต่อการติดปรสิตภายนอก ได้เช่นกัน โดยเฉพาะเห็บ หมัด และไรหู ซึ่งสามารถติดมากับ:

  • เสื้อผ้า รองเท้า หรือกระเป๋าของเจ้าของที่เดินทางจากภายนอก
  • สัตว์เลี้ยงตัวอื่นในบ้านที่เคยออกไปข้างนอกหรือมีการพาไปอาบน้ำ/ตัดขน
  • สัตว์อื่นในอาคาร เช่น หนู แมลงสาบ หรือแมวข้างนอกที่เดินผ่าน
  • แม้แต่จากเฟอร์นิเจอร์มือสองหรือพรมที่ไม่สะอาด

แมวในระบบปิด ที่ไม่ได้รับการป้องกันจึงอาจพบหมัดหรือไรหูได้เช่นกัน ซึ่งทำให้เกิดอาการคัน ติดเชื้อผิวหนัง และอาจนำพาปรสิตภายใน เช่น พยาธิตัวกลมเข้าสู่ร่างกายแมวและแพร่ต่อสู่คน

แนวทางการดูแลที่แนะนำ

  1. ใช้ยาแบบหยดหลังหรือยากินป้องกันปรสิตอย่างต่อเนื่องทุกเดือน เช่น ตัวยา Esafoxolaner หรือ Eprinomectin ที่สามารถควบคุมเห็บ หมัด ไร และพยาธิได้ผลดี
  2. ดูดฝุ่นและทำความสะอาดที่อยู่อาศัยอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะพรม เบาะ หรือโซฟาที่แมวชอบนอน
  3. หลีกเลี่ยงการให้แมวสัมผัสกับสัตว์เลี้ยงอื่นที่ไม่ได้ป้องกันปรสิต
  4. ตรวจสุขภาพสัตว์เลี้ยงปีละ 1–2 ครั้ง แม้ไม่มีอาการผิดปกติ เพื่อเฝ้าระวังโรคและปรสิตที่อาจซ่อนอยู่

สพ.ญ. ชนาธิป ลิมปะวัฒนะ Head of Business Segment, Companion Animals บริษัท เบอริงเกอร์ อินเกลไฮม์ แอนิมอล เฮลท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงความสำคัญของการร่วมมือในการพัฒนาศักยภาพสัตวแพทย์ว่า ในฐานะผู้นำด้านเวชภัณฑ์สำหรับการรักษาและป้องกันโรคสัตว์เลี้ยง เราเล็งเห็นถึงความสำคัญอย่างยิ่งของสัตวแพทย์ในการเป็นผู้ดูแลสุขภาพสัตว์อย่างใกล้ชิด และเป็นผู้ให้คำแนะนำที่ถูกต้องแก่เจ้าของสัตว์เลี้ยง ความร่วมมือกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นสถาบันการศึกษาชั้นนำด้านสัตวแพทยศาสตร์ของประเทศ จะช่วยเสริมสร้างความรู้ความสามารถและทักษะที่ทันสมัยให้แก่สัตวแพทย์ ทั้งในปัจจุบันและอนาคต เราเชื่อว่าการสนับสนุนหลักสูตรการฝึกอบรมขั้นสูงและโครงการวิจัยต่าง ๆ จะช่วยให้สัตวแพทย์ไทยมีความพร้อมในการนำเสนอแนวทางการปฏิบัติที่ดีที่สุด

โครงการ Next Level Veterinary Excellence เป็นก้าวสำคัญของความร่วมมือแบบบูรณาการระหว่างภาควิชาการและภาคเอกชน โดยนำเอาศักยภาพของเบอริงเกอร์ อินเกลไฮม์ ในด้านวิทยาศาสตร์และนวัตกรรม ผสานกับความเชี่ยวชาญทางวิชาการของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โครงการนี้จะมีส่วนช่วยยกระดับมาตรฐานการศึกษาด้านสัตวแพทยศาสตร์ในประเทศไทย และต่อยอดไปสู่การสนับสนุนสุขภาพสัตว์ ความรู้ทางวิชาชีพ และความตระหนักรู้ของสังคมในภาพรวม อันเป็นการวางรากฐานด้านสัตวแพทยศาสตร์เพื่ออนาคตที่ดียิ่งขึ้น

จุฬาฯ ผนึกเบอริงเกอร์ อินเกลไฮม์ อัพสัตวแพทย์ พัฒนาหลักสูตร วิจัยสุขภาพสัตว์