ชวนแพทย์มีอาการใจสั่น วูบ ตรวจเช็ก ‘ เมดพาร์ค อาสาดูแลหัวใจหมอ‘

ประเทศไทย มีผู้ป่วยภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะมากถึง 1.5 ล้านคน พบมากในกลุ่มผู้สูงอายุ และพบการแพร่หลายของโรคสอดคล้องกับอายุที่เพิ่มขึ้น โดยพบในกลุ่มอายุระหว่าง 65-74 ปี ร้อยละ 1.5 กลุ่มอายุระหว่าง 75-84 ปี ร้อยละ 2.2 และกลุ่มอายุ 85 ปีขึ้นไป ร้อยละ 2.8

“ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ” ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในกลุ่มของคนไข้เท่านั้น ด้วยภาระหน้าที่ ชีวิตคนไข้จำนวนมาก ทำให้แพทย์ส่วนหนึ่งมองข้ามชีวิตที่สำคัญคือ ตัวเอง หลายคนจึงไม่ได้ตรวจความผิดปกติของหัวใจ หรือสุขภาพร่างกาย

ด้วยภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ มีอาการเริ่มต้นตั้งแต่เพียงเล็กน้อย ไปจนถึงอาการรุนแรง นั่นคือ หัวใจล้มเหลวและเสียชีวิต ตั้งแต่ปี 2560 พบว่าประเทศต้องสูญเสียบุคลากรทางการแพทย์กว่า 300 ชีวิตโดยไม่ทราบสาเหตุ  และส่วนหนึ่งเกิดจากโรคหัวใจ ซึ่งการสูญเสียบุคลากรทางการแพทย์ 1 ท่าน ถือเป็นการสูญเสียอันยิ่งใหญ่ต่อระบบสาธารณสุขของประเทศ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

เป็น "หมอ" ก็ป่วยได้ 5 ปี แพทย์ไทย เสียชีวิตเกือบ 300 คน

"โรคหลอดเลือดสมอง" ประเมิน รักษาทัน ลดความเสี่ยงและรุนแรง

เปิด 'โครงการอาสาดูแลหัวใจหมอ2025 ครั้งที่ 2'

วันนี้ (22 เม.ย.2568) โรงพยาบาลเมดพาร์ค  ได้แถลงข่าว “โครงการอาสาดูแลหัวใจหมอ 2025 ครั้งที่ 2”  โดยมี ศ.นพ.สิน อนุราษฎร์ ผู้อำนวยการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงพยาบาลเมดพาร์ค  เป็นประธานเปิดโครงการ ว่า โครงการดังกล่าวเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการดูแลสุขภาพแพทย์ ซึ่งเกิดจากความตั้งใจในการสานต่อจากโครงการครั้งแรก เพื่อดูแลสุขภาพของแพทย์ ผู้ที่ทุ่มเททำงานหนักเพื่อดูแลสุขภาพของคนไทยมาโดยตลอด ถือเป็นกลุ่มคนที่เสียสละและเผชิญความเครียดอย่างต่อเนื่องจนไม่มีเวลาในการดูแลสุขภาพของตนเอง รพ.เมดพาร์ค อยากตอบแทนความเสียสละในการดูแลแพทย์ให้ห่างไกลโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ และมีสุขภาพที่ดีขึ้น

นพ.พงษ์พัฒน์ ปรานวนิช กรรมการผู้จัดการ โงพยาบาลเมดพาร์ค กล่าวว่า รพ.เมดพาร์คก่อตั้งและออกแบบที่มีคอนเซปต์ ว่าชีวิตมีความสำคัญมาก ดังนั้น ตั้งแต่การออกแบบก่อสร้าง การหาผู้รับเหมามาร่วมก่อสร้างตึกได้ป้องกันและคำนึงถึงความปลอดภัยของทุกคน จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวไม่กี่วันก่อน รพ.เมดพาร์คซึ่งได้มีการเตรียมพร้อมในเรื่องนี้ อาคารจึงไม่ได้รับผลกระทบอยากให้ทุกคนมั่นใจ

“ชีวิตมีความสำคัญ ซึ่งรพ.เมดพาร์คเน้นว่าทุกชีวิตในประเทศไทยต้องได้รับการดูแลอย่างดี แต่การจะทำให้ชีวิตของคนไทยได้นับการดูแลได้นั้น คนที่ดูแลชีวิต คือ ทีมแพทย์ประมาณ 50,000-100,000 คนในไทยก็ต้องได้รับการดูแลเช่นเดียวกัน เพราะถ้าแพทย์ไม่มีสุขภาพที่ดีจะไปดูแลคนไข้ได้อย่างไร เมดพาร์คได้ให้ความสำคัญในการดูแลทีมแพทย์และบุคลากรสาธารณสุขมาโดยตลอด อย่างการฉีดวัคซีนโควิด-19 เมดพาร์คได้รับการจัดสรรมาจากกระทรวงสาธารณสุข ได้มีการนำมาฉีดให้แก่ทีมแพทย์ นอกจากนั้น มีการจัดทำดำเนินโครงการอาสาดูแลหัวใจหมอ ครั้งที่ 1 เมื่อปี 2565”นพ.พงษ์พัฒน์ กล่าว

ดูแลหัวใจหมอ 1 ดวง ส่งต่อการดูแลคนไข้เป็นพันเป็นหมื่นคน

“รพ.เมดพาร์ค” มีทีมแพทย์โรคหัวใจที่มีความสามารถสูง “โครงการอาสาดูแลหัวใจหมอ ครั้งที่1” เป็นการช่วยดูแลทีมแพทย์ผ่านการตรวจเช็กสุขภาพหัวใจ ซึ่งมีทีมแพทย์เข้าร่วมมากกว่า 1,000 คน

นพ.พงษ์พัฒน์ กล่าวต่อว่า โชคดีมากที่เมดพาร์ค มีทีมแพทย์หัวใจที่มีความสามารถสูง  ซึ่งเมื่อเราเปิดโครงการอาสาดูแลหัวใจหมอ ซึ่งมีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญพร้อมตรวจเช็กร่างกายของคุณหมอ ดูแลรักษา ทำให้คุณหมอมีสุขภาพที่ดีขึ้น เพราะตอนนี้พบว่าแพทย์หลายคนเสียชีวิตโดยไม่รู้ตัว และไม่รู้ว่าทำไมถึงเสียชีวิต  เช่น กรณีของแพทย์เด็ก อายุไม่ถึง 60 ปี ได้วิ่งในสวนสาธารณะและอยู่ดีๆ ก็ล้มลงและเสียชีวิต  เป็นต้น

ข้อมูลจาก แพทยสภา พบว่า แพทย์ ที่เสียชีวิตด้วยโรคต่างๆในช่วง 5 ปี (2560-2564) มีจำนวน 297 คน ในจำนวนนี้เสียชีวิตด้วย โรคหัวใจ 10% ไม่ระบุสาเหตุโรคชัดเจน 60% เสียชีวิตโดยมีอายุน้อยกว่าอายุขัยเฉลี่ยถึง 118 คนคิดเป็น 40% ของแพทย์ผู้เสียชีวิตทั้งหมด จากอายุขัยเฉลี่ยของประชากรไทยเพศชาย 73 ปี และเพศหญิง 77 ปี  โดยแพทย์ที่เสียชีวิตอายุน้อยที่สุดเพียง 31 ปี

“การดูแลหมอเก่งๆ รักษาหัวใจแพทย์ 1 ดวง สามารถไปดูแลหัวใจหรือคนไข้ได้อีกเป็นพันเป็นหมื่นคน โครงการอาสาดูแลหัวใจหมอ 2025 ครั้งที่ 2 นี้ได้รับเกียรติจากแพทย์เก่งๆ ทั้ง  นพ.วสันต์ อุทัยเฉลิม หัวหน้าศูนย์หัวใจ และแพทย์ผู้ชำนาญการด้านการสวนหัวใจและหลอดเลือด รพ.เมดพาร์ค  ศ.นพ.กฤษณ์ จงนรังสิน อายุรแพทย์เฉพาะทางผู้ชำนาญการด้านสรีรวิทยาไฟฟ้าหัวใจ จาก University of Michigan  และพญ.ศนิศรา จันทรจำนง แพทย์เฉพาะทางด้านสรีรวิทยาไฟฟ้าหัวใจ รพ.เมดพาร์ค พร้อมตรวจวินิจฉัยเกี่ยวกับภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะแก่คุณหมอ”นพ.พงษ์พัฒน์ กล่าว

โครงการอาสาดูแลหัวใจหมอ เป็นโครงการที่จัดขึ้น เพื่อเปิดโอกาสให้แพทย์ทั่วประเทศ ที่ปฏิบัติหน้าที่ดูแลสุขภาพของประชาชน มาอย่างต่อเนื่องจนไม่มีเวลาดูแลสุขภาพของตนเอง ได้ตรวจคัดกรองหัวใจเต้นผิดจังหวะ กับทีมแพทย์เฉพาะทางด้านสรีรวิทยาไฟฟ้าหัวใจโรงพยาบาลเมดพาร์ค โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ซึ่งได้มีการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาตรวจ ให้กับแพทย์อย่างละเอียด   มีกลุ่มเป้าหมาย เป็นแพทย์ทั่วประเทศ อายุไม่เกิน 70 ปีจำนวน 1,000 คน  เริ่มเปิดรับสมัครตั้งแต่ 22 เมษายน ถึง 31 กรกฎาคม 2568 ให้แพทย์ที่มีอาการใจสั่น เคยหน้ามืดเป็นลม หรือมีประวัติหัวใจเต้นผิดจังหวะ แต่ยังไม่ได้รับการรักษาเข้ารับการตรวจคัดกรองความเสี่ยง

แพทย์และบุคลากรทางการแพทย์เสี่ยงภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ

นพ.วสันต์ อุทัยเฉลิม หัวหน้าศูนย์หัวใจ และแพทย์ผู้ชำนาญการด้านการสวนหัวใจและหลอดเลือด รพ.เมดพาร์ค กล่าวว่า จากการดำเนินโครงการอาสาดูแลหัวใจหมอ ครั้งที่ 1 มีแพทย์เข้ารับบริการ 1,236 คน  โดยพบว่ามีแพทย์กว่าร้อยละ 30 ที่มีอาการผิดปกติ  และในจำนวนดังกล่าว มีแพทย์ 11 คน ที่ต้องได้รับการรักษาทันที  โดยได้มีการเข้ารับการผ่าตัดฉุกเฉิน 1 ท่าน โดยได้รับการผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจ กรณีที่มีเส้นเลือดหัวใจตีบมากและหลายตำแหน่ง (CABG) ,เข้ารับการสวนหัวใจ (CAG)และขยายหลอดเลือดหัวใจตีบด้วยบอลลูน หรือขดลวด (PCI) จำนวน 3 ท่าน ,เข้ารับการสวนหัวใจ 5 ท่าน มีการฉีดสีตรวจดูหลอดเลือดหัวใจ (CAG) และเข้ารับการขยายหลอดเลือดหัวใจตีบด้วยบอลลูนหรือขดลวด (PCI) 2 ท่าน

“แพทย์ และบุคลากรทางการแพทย์ เป็นหนึ่งอาชีพที่มีภาระงานที่หนัก ส่งผลต่อการพักผ่อน  บางส่วนเคยมีประวัติใจสั่นเป็นลมหมดสติซึ่งถึงเวลาแล้วที่หมอต้องมาดูแลสุขภาพของตัวเอง เมื่อหัวใจของหมอแข็งแรงก็จะสามารถดูแลคนไข้ได้มากขึ้น”นพ.วสันต์ กล่าว

ทั้งนี้ ปี 2560 ประเทศไทยเสียบุคลากรทางการแพทย์ 300 ชีวิต และจากไปด้วยโรคหัวใจ ซึ่งการสูญเสียบุคลากรทางการแพทย์เป็นการสูญเสียอันยิ่งใหญ่ของระบบสาธารณสุข และเป็นเหตุผลที่ทำให้ทางโรงพยาบาลเมดพาร์ค ดำเนิน “โครงการอาสาดูแลหัวใจหมอ” เพราะตระหนักดีว่าหัวใจของหมอทุกท่าน มีความสำคัญต่อระบบสุขภาพของประเทศไทย

ศ.นพ.กฤษณ์ จงนรังสิน อายุรแพทย์เฉพาะทางผู้ชำนาญการด้านสรีรวิทยาไฟฟ้าหัวใจ จาก University of Michigan กล่าวว่า ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะนั้น นำมาซึ่งโรคที่รุนแรงมากขึ้น และอาจทำให้เสียชีวิตได้ อีกทั้งเป็นภาวะที่แสดงอาการเพียงเล็กน้อย หรืออาจจะไม่แสดงอาการ และหากไม่ได้รับการรักษา จะให้เกิดโรคร้ายแรงอื่นๆ เช่น โรคหัวใจเต้นพริ้ว  โรคหลอดเลือดสมอง  หรือหัวใจล้มเหลว หัวใจวาย และเสียชีวิตได้

ผู้ป่วยที่มีอาการภาวะหัวใจเต้นผิดปกติ ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ คือ

• ภาวะหัวใจเต้นผิดปกติ โดยเต้นเร็วกว่าปกติ จะมีอาการใจสั่น และถ้าหัวใจเต้นเร็วมากๆ อาจทำให้เกิดหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน เสียชีวิตได้
• ภาวะหัวใจเต้นผิดปกติ โดยเต้นช้ากว่าปกติ จะมีอาการวูบ หน้ามืด เหนื่อยง่าย ออกกำลังกายไม่ได้  เนื่องจากเลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอ
• ภาวะหัวใจเต้นผิดปกติ โดยจะเต้นไม่เป็นจังหวะ เต้นสะดุด อาจจะมีอาการใจสั่น หรือมีหัวใจเต้นพริ้ว แถมบางคนไม่มีอาการอะไรทั้งสิ้น ซึ่งคนไข้จำนวนมากที่ไม่มีอาการจะมารักษาด้วยอาการแข็งตัวของเลือด หรือบางคนเป็นอัมพาต คนไข้กลุ่มนี้จำเป็นต้องตรวจรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ

“ปัจจุบันมีนวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการตรวจเช็กภาวะหัวใจเต้น อย่าง สมาร์ทวอชที่มีการบันทึกอัตราการเต้นหัวใจ จะช่วยให้แพทย์วินิจฉัยได้ดียิ่งขึ้น เพราะภาวะหัวใจเต้น บางคนอาจจะไม่ได้มีอาการตลอดเวลา หรือมีอาการและมาพบแพทย์ตอนพบแพทย์อาจจะไม่มีอาการก็เป็นได้ ดังนั้น หากใครที่รู้สึกว่าหัวใจเต้นไม่ปกติ หายใจไม่สะดวก  หัวใจเต้นเร็ว มีอาการวิงเวียน เป็นลมหมดสติ ใจสั่น วูบ  อาจต้องเข้ามารับการตรวจร่างกายจากแพทย์”ศ.นพ.กฤษณ์ กล่าว

ขณะนี้ เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจ  หรือเครื่องจี้ไฟฟ้าหัวใจ มีความแม่นยำและใช้ได้สะดวกมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจเต้นผิดปกติได้เป็นอย่างดี แต่จะใช้อย่างไรนั้น ต้องเป็นไปตามการตรวจวินิจฉัยและการรักษาของทีมแพทย์ เพราะหัวใจเต้นผิดจังหวะนั้น มีหลายลักษณะ และแต่ละลักษณะจะดูแลรักษาแตกต่างกัน หรือมีความคล้ายกัน

ปรับไลฟ์สไตล์ กินดี นอนดี ลดเครียด ออกกำลังกาย

พญ.ศนิศรา จันทรจำนง แพทย์เฉพาะทางด้านสรีรวิทยาไฟฟ้าหัวใจ รพ.เมดพาร์ค กล่าวว่าโรคภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะนั้น เกิดขึ้นได้แก่ทั้งกลุ่มที่มีอาการน่าสนใจ อาทิ รู้สึกว่าหัวใจเต้นไม่ปกติ หายใจไม่สะดวก หัวใจเต้นเร็ว มีอาการวิงเวียน หรือเป็นลมหมดสติ อาจต้องเข้ามารับการตรวจร่างกายจากแพทย์ และการให้ข้อมูลจากคนไข้เป็นสิ่งที่จำเป็น และอีกกลุ่มคือ กลุ่มที่ไม่มีอาการแต่มีความเสี่ยง เช่น กลุ่มผู้ป่วยเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคอ้วน น้ำหนักตัวเกิน พันธุกรรม และนอนกรน ล้วนมีความเสี่ยงภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ 

"การป้องกันภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะนั้น สามารถเริ่มได้จากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้ดีขึ้น ทั้งการกินอาหารที่มีประโยชน์ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายอย่างเหมาะสม และไม่มีความเครียด ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทุกคนต่างรู้ว่าดีแต่จะทำได้หรือไม่นั้นอาจจะขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล เพราะต้องยอมรับว่าพฤติกรรมการใช้ชีวิตของผู้คนเปลี่ยนแปลงไป และแพทย์ก็เป็นอีกกลุ่มที่ทำงานหนักมาก นอนไม่ดี ไม่มีเวลาออกกำลังกาย กินไม่เป็นเวลา และมีความเครียดอย่างมาก เป็นกลุ่มที่เสี่ยงภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ" 

อย่างไรก็ตาม โครงการโครงการอาสาดูแลหัวใจหมอ 2025 (ครั้งที่ 2) เปิดรับสมัครตั้งแต่วันที่ 22 เมษายน ถึง 31 กรกฎาคม 2568 หรือจนกว่าจะมีผู้สมัครครบ 1,000 ท่าน โดยแพทย์ที่สนใจเข้าร่วมโครงการ สามารถลงทะเบียนเพื่อให้ข้อมูลเบื้องต้นผ่านช่องทางออนไลน์ได้ที่ โรงพยาบาลเมดพาร์ค หรือสแกน QR Code