10 เทรนด์สุขภาพ ปี 2025 ที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง ปฎิวัติวงการสุขภาพ

10 เทรนด์สุขภาพ ปี 2025 ที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง ปฎิวัติวงการสุขภาพ

"สุขภาพ" เป็นเรื่องที่มีความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ ในชีวิตของผู้คน ยิ่งปัจจุบันมี โรคอุบัติใหม่ โรคอุบัติซ้ำ เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงเทรนด์การดูแลสุขภาพของผู้คน

KEY

POINTS

  • 10 นวัตกรรมด้านสุขภาพที่จะส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงวงการทางการแพทย์ และการดูแลสุขภาพของผู้คน
  • ปี 2025 คาดว่าการผสมผสานการวินิจฉัยโรคด้วย AI จะมีความสำคัญมากขึ้น การใช้เทคโนโลยีนี้ในการวิเคราะห์ข้อมูลทางการแพทย์
  • แนวโน้มด้านสุขภาพจะสะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในวงการสุขภาพ โดยการรักษาจะมีความแม่นยำและเฉพาะเจาะจงมากขึ้น เน้นการดูแลที่ครอบคลุมทั้งร่างกายและจิตใจ

 

"สุขภาพ" เป็นเรื่องที่มีความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ ในชีวิตของผู้คน ยิ่งปัจจุบันมี โรคอุบัติใหม่ โรคอุบัติซ้ำ เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงเทรนด์การดูแลสุขภาพของผู้คน ทั้งเทรนด์การรับประทานอาหารสุขภาพ การออกกำลังกาย อีกทั้งปี 2025 เป็นปีที่มีการเปลี่ยนแปลงทางการแพทย์มากมาย  เนื่องจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีจะพลิกโฉมการดูแลสุขภาพให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น 

วงการแพทย์ได้รับการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งมาโดยตลอด เห็นได้จากตลาดเครื่องมือแพทย์จากทั่วโลกที่มีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็วกว่าร้อยละ 6.4 ต่อปี ยิ่งพอก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัล ทำให้การรักษาและเครื่องมือการแพทย์ได้รับการพัฒนาผ่านกระบวนการ Digital transformation อย่างต่อเนื่อง จนเกิดเป็น Medical Technology หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า “MedTech” ที่บุคลากรทางการแพทย์และคนที่สนใจสามารถนำความรู้ทางเทคโนโลยีมาใช้ต่อยอดอาชีพทางการแพทย์ได้อย่างไม่หยุดยั้ง

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

'กินดีอยู่ดี สุขภาพดี' ทำไม?เป็นมะเร็งได้

'วันอ้วนโลก' เกือบ 1 พันล้านคนเผชิญโรคอ้วน แนะปรับ 5 พฤติกรรมเสี่ยง

นวัตกรรมด้านสุขภาพที่น่าจับตามอง ปี 2025

1.การรักษาที่แม่นยำและจำเพาะเจาะจง (Precision Medicine)

สำนักงานราชบัณฑิตยสภา (2563) ได้อธิบายว่า Precision Medicine หรือ “เวชกรรมตรงเหตุ” เป็นเวชปฏิบัติเพื่อวางมาตรการการรักษาสุขภาพและป้องกันโรคได้ตรงเหตุ ตรงบุคคลอย่างมีประสิทธิผลและคุ้มค่า โดยอาศัยข้อมูลด้านพันธุกรรม สิ่งแวดล้อม พฤติกรรมการดำเนินชีวิต และอื่น ๆ โดยการรักษาที่แม่นยำและจำเพาะเจาะจงนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษา ลดความเสี่ยงของผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ อีกทั้งยังถือเป็นการปฏิวัติวงการแพทย์และการดูแลสุขภาพยุคใหม่ที่ควรให้ความสนใจเป็นอย่างยิ่ง

2. การดูแลสุขภาพทางไกล (Telehealth)

การระบาดใหญ่ทั่วโลกของโรคโควิด 19 ได้เปลี่ยนแปลงวิธีการเข้าถึงการรักษาพยาบาล การดูแลสุขภาพทางไกล ช่วยเชื่อมต่อแพทย์กับผู้ป่วยให้สามารถพูดคุยปรึกษา ติดตามผลการรักษา และเรียนรู้วิธีการป้องกันโรคโดยไม่จำเป็นต้องเดินทางไปที่โรงพยาบาล ลดความเสี่ยงในการติดเชื้อจากโรคระบาด

พัฒนาการของเทคโนโลยีสารสนเทศ เช่น สมาร์ทโฟน แอปพลิเคชันทางการแพทย์ทำให้ผู้รับบริการเข้าถึงการรักษาได้ง่ายและรวดเร็ว สามารถทำนัดหมาย ดูผลการตรวจวินิจฉัยผ่านปลายนิ้ว นอกจากนี้การดูแลสุขภาพทางไกลยังช่วยให้ผู้ป่วยที่อยู่ห่างไกลหรือผู้ที่มีข้อจำกัดในการเดินทางเข้าถึงการรักษาได้มากขึ้น

3. เทคโนโลยีด้านการดูแลสุขภาพจิต (Mental Health Tech)

เทคโนโลยีด้านการดูแลสุขภาพจิต กำลังมีบทบาทสำคัญในการดูแลผู้ที่มีความวิตกกังวล ผู้ที่มีความเครียดหลังเหตุการณ์สะเทือนขวัญ (PTSD) และผู้ที่มีปัญหาทางสุขภาพจิต แอปพลิเคชันที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) หรือการบำบัดเสมือนจริง virtual reality ช่วยให้ผู้ใช้งานเข้าถึงการบำบัดที่เหมาะกับตนเองได้จากทุกที่ และยังช่วยให้ผู้คนกล้าเข้ารับการบำบัดด้านสุขภาพจิตมากขึ้น

4. อุปกรณ์สวมใส่เพื่อติดตามสุขภาพ (Wearable Health Tech)

จากเดิมที่เคยเป็นเพียงเครื่องนับก้าวหรืออุปกรณ์ติดตามการออกกำลังกาย วันนี้อุปกรณ์สวมใส่เพื่อติดตามสุขภาพ เช่น สมาร์ตวอตช์ ได้รับการพัฒนาให้มีความสามารถในการตรวจวัดข้อมูลด้านสุขภาพที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น ตั้งแต่การวัดความดันโลหิต ระดับน้ำตาลในเลือด จนไปถึงการตรวจจับสัญญาณเริ่มแรกของโรคต่าง ๆ ความสามารถในการเข้าถึงข้อมูลทางสุขภาพของตนเองได้อย่างง่ายดายช่วยให้ผู้คนมีความตระหนักรู้เรื่องสุขภาพร่างกายของตนเอง และสนใจที่จะดูแลสุขภาพมากขึ้น

5. งานวิจัยด้านสุขภาพลำไส้และไมโครไบโอม

ไมโครโบมในลำไส้เป็นหนึ่งองค์ประกอบที่สำคัญต่อสุขภาพโดยรวม มีบทบาทสำคัญต่อกระบวนการย่อยอาหาร ไปจนถึงผลกระทบต่อสุขภาพจิต ในปี 2025 คาดว่าการวิจัยเกี่ยวกับไมโครไบโอมจะเติบโตอย่างรวดเร็ว นักวิทยาศาสตร์จะมีความเข้าใจที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของไมโครไบโอมกับสุขภาพ การพัฒนาผลิตภัณฑ์โปรไบโอติกและพรีไบโอติกที่มีคุณภาพสูงจะเพิ่มขึ้น

6. การเลือกดูแลสุขภาพอย่างยั่งยืนและมีจริยธรรม

บริโภคเริ่มตระหนักถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและจริยธรรมจากการดูแลสุขภาพของตนเองมากขึ้น ส่งผลให้ความนิยมในการรับประทานอาหารที่ทำจากพืช หรือการเลือกอุปกรณ์การออกกำลังกายที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมสูงขึ้น คาดว่าในปี 2025 จะได้เห็นผลิตภัณฑ์และบริการที่สอดคล้องกับค่านิยมเหล่านี้มากขึ้น

7. ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning) ในการตรวจวินิจฉัยโรค

ด้วยความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมหาศาลได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning) ได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงวิธีการตรวจวินิจฉัยโรคอย่างมาก เทคโนโลยีเหล่านี้ช่วยให้แพทย์สามารถตรวจพบโรคตั้งแต่ระยะเริ่มต้นและคาดการณ์แนวโน้มสุขภาพได้อย่างแม่นยำมากขึ้น ในปี 2025 คาดว่าการผสมผสานการวินิจฉัยโรคด้วย AI จะมีความสำคัญมากขึ้น การใช้เทคโนโลยีนี้ในการวิเคราะห์ข้อมูลทางการแพทย์ เช่น ข้อมูลจากการตรวจเลือด ผลการตรวจภาพถ่ายรังสี และประวัติการรักษา จะทำให้การตรวจวินิจฉัยถูกต้องและรวดเร็วขึ้น ซึ่งส่งผลให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาที่ตรงจุดและเหมาะสมกับสภาพร่างกายของตนเอง

ทั้งนี้ วงการทางการแพทย์และสุขภาพ ได้มีการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ AI เข้ามาช่วยในการดูแลรักษาผู้ป่วย และเป็นตัวช่วยในการวินิจฉัยและรักษาโรคให้เกิดความแม่นยำมากขึ้น ซึ่งเป็นผลดีต่อทั้งตัวผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์ 

ประเทศไทยมีการพัฒนา AI ทางการแพทย์ ได้รับความสนใจจากทีมแพทย์ และนักวิจัยจำนวนมาก เพราะการไม่พึ่งพาเทคโนโลยีทางการแพทย์จากต่างประเทศ เป็นเรื่องที่ดีทั้งในแง่ของการลดงบประมาณ และการทำให้ประชาชนเข้าถึงการวินิจฉัย และรักษาโรคได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ

โดยได้มีการประยุกต์ใช้ AI ด้านการแพทย์แล้ว อาทิ การใช้ Computer Vision และ Image processing ในการตรวจสอบข้อมูลจากภาพ อย่าง การค้นหาเครื่องมือผ่าตัด ช่วยในการวินิจฉัยโรคของแพทย์ และ Signal Processing ในการจับสัญญาณของคนไข้ เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลประกอบการรักษา

รวมไปถึง Data Analytic เพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมคนไข้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความแม่นยำในการวินิจฉัยของแพทย์ ลดระยะเวลาในการรักษา และลดความหนาแน่นในโรงพยาบาล หรือ การนำเทคโนโลยีมาใช้บริหารจัดการทั้งการรันระบบคิว ระบบจ่ายยา ระบบการจ่ายค่ารักษา ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกในโรงพยาบาล นำไปสู่การเกิดเป็นโรงพยาบาลดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ

8. แนวทางการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมและบูรณาการ

การดูแลสุขภาพร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณแบบองค์รวมและการผสมผสานการแพทย์แผนปัจจุบันเข้ากับวิธีการบำบัดทางเลือก เช่น การฝังเข็ม โยคะ และการใช้สมุนไพร เริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้น การรวมเอาแนวทางการดูแลที่หลากหลายเข้าด้วยกันนี้ จะช่วยให้ผู้คนสามารถเลือกวิธีการดูแลที่เหมาะสมกับตัวเองมากที่สุดเพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีและยั่งยืน

9. การทำให้การดูแลสุขภาพกลายเป็นเกม (Health Gamification)

การนำกลไกของเกมมาใช้สร้างแรงจูงใจด้านสุขภาพและการออกกำลังกายกำลังเป็นแนวทางที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย การผสมผสานองค์ประกอบของเกม เช่น การออกกำลังกายหรือรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพเพื่อสะสมคะแนนหรือรับรางวัลต่าง ๆ ช่วยกระตุ้นให้ผู้คนสนใจการดูแลสุขภาพมากยิ่งขึ้น ในปี 2025 การทำให้การดูแลสุขภาพสนุกเหมือนกำลังเล่นเกมจะกลายเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยส่งเสริมให้ผู้คนเลือกใช้ชีวิตที่ดีต่อสุขภาพ

10. การวิจัยจีโนมหรือข้อมูลพันธุกรรมขั้นสูง

การวิจัยข้อมูลพันธุกรรมกำลังเปิดประตูสู่ความเข้าใจใหม่ ๆ ด้านชีววิทยาของมนุษย์ ซึ่งไม่เพียงแต่จะทำให้เราทราบถึงข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับพันธุกรรม แต่ยังจะช่วยให้เราเข้าใจกลไกการเกิดโรคต่าง ๆ ได้ดีขึ้น โดยเฉพาะความผิดปกติทางพันธุกรรมและโรคมะเร็งที่มีความซับซ้อน ข้อมูลพันธุกรรมจะช่วยให้แพทย์สามารถออกแบบการรักษาที่เหมาะสมและเฉพาะเจาะจงตามรายละเอียดของลักษณะพันธุกรรมเฉพาะของบุคคล (Genetic Profile) ของแต่ละบุคคล

จากความก้าวหน้าของเทคโนโลยีจีโนมิกส์หรือการศึกษาจีโนมมนุษย์ประกอบกับค่าใช้จ่ายในการถอดรหัสพันธุกรรมมนุษย์ที่ถูกลงอย่างมากในปัจจุบัน ทำให้จีโนมิกส์ถูกนำมาประยุกต์ใช้อย่างกว้างขวางในหลายสาขา

อาทิ เทคโนโลยีชีวภาพ มานุษยวิทยา และอาชญาวิทยา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำเทคโนโลยีดังกล่าวมาใช้ในทางการแพทย์และสาธารณสุข การแพทย์จีโนมิกส์ (Genomic Medicine) เป็นแนวทางการรักษาสมัยใหม่ที่ทำให้การรักษามีประสิทธิภาพ แม่นยำ สร้างผลกระทบสูงทั้งทางสาธารณสุข สังคม และเศรษฐกิจ ช่วยให้แพทย์สามารถวินิจฉัยและให้การรักษาที่ตรงจุดกับผู้ป่วยได้ทันท่วงที ช่วยเพิ่มโอกาสการรอดชีวิตและเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย อาทิ ในผู้ป่วยกลุ่มโรคทางพันธุกรรมและโรคที่แพทย์ไม่สามารถวินิจฉัยได้ ความรู้ทางด้านจีโนมิกส์เข้ามาช่วยในการวินิจฉัยและรักษาโรควินิจฉัยยากที่เดิมไม่สามารถหาสาเหตุได้ สร้างองค์ความรู้ที่สำคัญทั้งในด้านกลไกการเกิดโรค การวิจัยและพัฒนายาแบบมุ่งเป้า การค้นหาเชื้อที่เป็นสาเหตุของโรคได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการคัดเลือกยา การออกแบบการรักษา หรือการเฝ้าระวังความรุนแรงของโรค ปัจจุบันการตรวจวินิจฉัยการแพทย์จีโนมิกส์ในประเทศไทยมีบริการไม่มากนักและส่วนใหญ่ยังไม่ถูกบรรจุให้เป็นสิทธิประโยชน์ที่สามารถเบิกจ่ายได้ ทำให้คนไทยยังไม่สามารถเข้าถึงบริการดังกล่าวได้อย่างทั่วถึง

ปี 2562 รัฐบาลเห็นความสำคัญในเรื่องดังกล่าวจึงทำให้เกิดแผนปฏิบัติการบูรณาการจีโนมิกส์ประเทศไทย พ.ศ.2563-2567 ขึ้น โดยถือเป็นก้าวสำคัญที่จะนำการแพทย์จีโนมิกส์มาเชื่อมโยงกับระบบสาธารณสุขของประเทศ สร้างเครือข่ายการวิจัยด้านการแพทย์จีโนมิกส์ที่เข้มแข็งและเกิดโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการใช้เทคโนโลยีจีโนมิกส์ในการให้บริการด้านการแพทย์และสาธารณสุขของประเทศ ได้แก่ ศูนย์ทรัพยากรชีวภาพแห่งชาติ ศูนย์บริการทดสอบทางการแพทย์จีโนมิกส์ในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกและศูนย์ข้อมูลจีโนมแห่งชาติ

รวมถึงการสนับสนุนให้เกิดงานวิจัยที่ตอบโจทย์ปัญหาของประเทศในด้านสุขภาพเพื่อให้คนไทยสามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์นี้ได้อย่างเท่าเทียมและเป็นธรรม เกิดการพัฒนาเชิงนโยบาย ผลักดันให้การบริการทางการแพทย์จีโนมิกส์เข้าไปสู่ชุดสิทธิประโยชน์ของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และผลักดันประเทศเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ในภูมิภาคอาเซียน กระตุ้นให้เกิดการลงทุน และการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ (Medical Tourism) ที่ช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมของประเทศได้

อย่างไรก็ตาม แนวโน้มด้านสุขภาพในปี 2025 จะสะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในวงการสุขภาพ โดยการรักษาจะมีความแม่นยำและเฉพาะเจาะจงมากขึ้น เน้นการดูแลที่ครอบคลุมทั้งร่างกายและจิตใจ พร้อมทั้งขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ซึ่งจะช่วยให้การเข้าถึงข้อมูลและการรักษาพยาบาลง่ายและรวดเร็ว ปี 2025 จะเป็นปีที่เปลี่ยนโฉมหน้าการดูแลสุขภาพอย่างแท้จริง เป็นปีที่เข้าสู่ยุคใหม่แห่งการดูแลสุขภาพที่มีความแม่นยำและเข้าถึงได้ง่าย เพื่อให้ทุกคนมีสุขภาพดีขึ้นอย่างมีคุณภาพและยั่งยืน

อ้างอิง: โรงพยาบาลเมดพาร์ค , nstda