พัฒนาแพลตฟอร์มแปลผลการกลายพันธุ์ของยีนมะเร็งโดยใช้ AI

พัฒนาแพลตฟอร์มแปลผลการกลายพันธุ์ของยีนมะเร็งโดยใช้ AI

N Health Novogene จับมือ ศิริราชพยาบาล และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ร่วมกับ เท็นกุ (Xcoo) บริษัทจากประเทศญี่ปุ่น พัฒนาแพลตฟอร์มแปลผลการกลายพันธุ์ของยีนมะเร็ง โดยใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และข้อมูลจากโครงการจีโนมิกส์ประเทศไทย

บริษัท เอ็นเฮลท์ โนโวยีน จีโนมิกส์ จำกัด ภายใต้การบริหารงานของ N Health ในเครือ BDMS ผู้ให้บริการตรวจวิเคราะห์พันธุกรรมที่ครอบคลุมทุกมิติของการดูแลและรักษาสุขภาพแบบเฉพาะบุคคล ผ่านห้องปฎิบัติการจีโนมิกส์โดยใช้เทคโนโลยีการตรวจวิเคราะห์ทางพันธุศาสตร์ขั้นสูงและได้มาตรฐานสากล จับมือศูนย์จีโนมิกส์ศิริราช คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล และสถาบันชีววิทยาศาสตร์ทางการแพทย์ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยบริษัท เท็นกุ จำกัด ประเทศญี่ปุ่น

ร่วมกันพัฒนาแพลตฟอร์มแปลผลการกลายพันธุ์ของยีนมะเร็ง โดยใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และข้อมูลจากโครงการจีโนมิกส์ประเทศไทย เพื่อพัฒนาระบบวิเคราะห์การกลายพันธุ์ของยีน ที่เกี่ยวข้องกับโรคมะเร็งโดยใช้เทคโนโลยี AI ซึ่งจะช่วยยกระดับการวินิจฉัยและการรักษาโรคมะเร็งในประเทศไทยให้มีความแม่นยำและเหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละรายมากยิ่งขึ้น

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

เวชศาสตร์จีโนม พลิกโฉม 'การแพทย์' สู่สุขภาพที่ดีอย่างยืนยาว

N Health ผนึกศิริราช พัฒนาทักษะการแพทย์จีโนมิกส์ วิเคราะห์รหัสพันธุกรรม

แปลผลรหัสพันธุกรรมจากเทคโนโลยีขั้นสูง โดยใช้AI

โดยเป็นการปรับปรุงต่อยอดแพลตฟอร์มการแปลผลรหัสพันธุกรรมจากเทคโนโลยีขั้นสูง Next Generation Sequencing (NGS) โดยใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการวินิจฉัยโรคมะเร็ง พร้อมทั้งพัฒนาอินเตอร์เฟสที่ใช้งานง่าย เป็นมิตรต่อทั้งผู้ให้บริการและผู้ป่วย

รวมถึงเป็นการส่งเสริมการแพทย์เฉพาะบุคคล (Personalized Medicine) จากการใช้ปัญญาประดิษฐ์และข้อมูลทางพันธุกรรมในการวางแผนการป้องกันและรักษาโรคมะเร็งแบบเฉพาะบุคคล และขยายธุรกิจการให้บริการแปลผลยีนมะเร็งที่มีข้อมูลจำเพาะกับประชากรไทยที่มีคุณภาพได้มาตรฐานสากล โดยมี มร. โคบายาชิ โยสุเกะ เลขานุการเอก (สาธารณสุขและสวัสดิการ) สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย ร่วมเป็นสักขีพยาน

โครงการความร่วมมือของทั้ง 4 องค์กรจากภาครัฐและเอกชน เพื่อพัฒนาแพลตฟอร์มแปลผลการกลายพันธุ์ของยีนมะเร็ง โดยการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และข้อมูลจากโครงการจีโนมิกส์ประเทศไทยครั้งนี้ ได้รับทุนสนับสนุนจากกองทุนวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ววน.) ซึ่งเป็นหนึ่งในกองทุนที่สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) จัดตั้งขึ้นเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัยด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่สำคัญต่อการพัฒนาประเทศ สามารถนำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในระยะยาว

พัฒนาแพลตฟอร์มแปลผลการกลายพันธุ์ของยีนมะเร็งโดยใช้ AI

ส่งเสริมความก้าวหน้าและลดปัญหาทางการแพทย์

รศ.ดร. คมกฤต เล็กสกุล รองผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม พร้อมสนับสนุนและส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันวิจัย เพื่อผลักดันให้เกิดนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่มีประโยชน์ต่อประเทศไทยในระยะยาว อีกทั้งยังเล็งเห็นว่าความร่วมมือในครั้งนี้ จะช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งในระบบวิจัยและนวัตกรรมของประเทศไทยด้านการแพทย์จีโนมิกส์ให้มีความก้าวหน้า และมีศักยภาพในการแข่งขันระดับโลกได้

ปัจจุบันโรคมะเร็งเป็นปัญหาทางการแพทย์ที่สำคัญ ปัจจัยพันธุกรรมเป็นสาเหตุสำคัญอย่างหนึ่งของโรคมะเร็ง โดยเกิดจากการกลายพันธุ์ของยีนมะเร็ง ส่งผลกระทบต่อการวินิจฉัย การรักษา และการป้องกันในสมาชิกครอบครัว การศึกษาและวิจัยเกี่ยวกับการกลายพันธุ์ของยีนเหล่านี้ จึงมีความสำคัญในการพัฒนาแนวทางการรักษาที่มีประสิทธิภาพและเหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย พร้อมทั้งช่วยเพิ่มโอกาสการรอดชีวิต และลดความเสี่ยงจากโรคมะเร็งในอนาคต

การพัฒนาแพลตฟอร์มแปลผลการกลายพันธุ์ของยีนมะเร็ง โดยการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และข้อมูลจากโครงการจีโนมิกส์ประเทศไทย จะช่วยส่งเสริมความก้าวหน้าและลดปัญหาทางการแพทย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการวินิจฉัยและการรักษาโรคมะเร็งที่ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มความแม่นยำและลดระยะเวลาการวินิจฉัย แต่ยังสามารถวางแผนการรักษาและป้องกันที่ตรงจุด และเฉพาะเจาะจงกับแต่ละบุคคลได้ดียิ่งขึ้น เป็นการยกระดับการวินิจฉัยและการรักษามะเร็งในประเทศไทยไปอีกขั้น

แปลผลยีนได้ง่ายขึ้น วินิจฉัยและการรักษาแม่นยำขึ้น

ศ.นพ.อภิชาติ อัศวมงคลกุล คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ศูนย์จีโนมิกส์ศิริราช ซึ่งร่วมทำงานในโครงการจีโนมิกส์ประเทศไทย ได้ทำการศึกษาวิจัยข้อมูลพันธุกรรมขนาดใหญ่ของผู้ป่วยมะเร็งชาวไทยกว่า 9 พันราย พบว่าการวิเคราะห์และแปลผลยีนมะเร็งมีความซับซ้อนมาก ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์สูง ทำให้การตรวจยีนมะเร็งทำได้เฉพาะในสถาบันขนาดใหญ่

เช่น โรงพยาบาลมหาวิทยาลัย แต่ทำได้ยากในห้องปฏิบัติการทางคลินิกทั่วไป การใช้เทคโนโลยี AI ช่วยในการวิเคราะห์การกลายพันธุ์ของยีนมะเร็งจะช่วยให้ห้องปฏิบัติการทางคลินิกในโรงพยาบาลต่าง ๆ สามารถแปลผลยีนได้ง่ายขึ้น ส่งผลให้การวินิจฉัยและการรักษามีความแม่นยำมากขึ้น เป็นการพัฒนาไปสู่การรักษามะเร็งที่ตรงจุด และมีประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับคนไทย

ลดความเสี่ยงเกิดโรค ปรับปรุงคุณภาพชีวิต

ดร.ปนัดดา เทพอัคศร ผู้อำนวยการสถาบันชีววิทยาศาสตร์ทางการแพทย์ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวเสริมว่า สถาบันชีววิทยาศาสตร์ทางการแพทย์ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ มีหน้าที่สำคัญในการส่งเสริมการวิจัยทางการแพทย์ และเทคโนโลยีที่ใช้ในการรักษาและป้องกันโรคต่าง ๆ โดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ยินดีที่จะสนับสนุนการใช้ข้อมูลการตรวจวิเคราะห์และการรักษาโรคมะเร็งที่รวบรวมโดยสถาบันชีววิทยาศาสตร์ทางการแพทย์ซึ่งประกอบด้วยข้อมูลจากส่วนกลางศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ และสถานพยาบาลต่าง ๆ ที่เป็นเครือข่ายของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ในการวิเคราะห์ด้วยเทคโนโลยี AI ครั้งนี้ เพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดโรคและปรับปรุงคุณภาพชีวิตของประชาชน

การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือของหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนในครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับความสามารถทางการแพทย์ของประเทศไทย โดยนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลพันธุกรรมที่เกี่ยวข้องกับโรคมะเร็ง ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการพัฒนาการรักษาโรคมะเร็งในประเทศไทยให้เหมาะสมกับลักษณะพันธุกรรมของผู้ป่วยแต่ละราย

การปรับปรุงต่อยอดแพลตฟอร์มแปลผลการกลายพันธุ์ของยีนมะเร็ง โดยใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการวิเคราะห์ข้อมูลพันธุกรรมจากโครงการจีโนมิกส์ประเทศไทย จะช่วยให้การประมวลผลข้อมูลการกลายพันธุ์ของยีนจำนวนมากที่มีความซับซ้อน เป็นไปอย่างอย่างรวดเร็วและมีความแม่นยำสูง เนื่องจาก AI สามารถวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่และซับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

โดยข้อมูลพันธุกรรมของประชากรไทยจากโครงการจีโนมิกส์ประเทศไทย จะช่วยให้ AI เกิดการเรียนรู้จากข้อมูลพันธุกรรมที่เฉพาะเจาะจงกับลักษณะทางพันธุกรรมของคนไทย นำไปสู่การพัฒนาโมเดลการวิเคราะห์ที่มีความแม่นยำสูง ในการคาดการณ์ว่าการกลายพันธุ์ของยีนใดที่อาจเกี่ยวข้องกับโรคมะเร็งในคนไทย โดยเฉพาะโรคมะเร็งที่พบบ่อยในคนไทย เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งรังไข่ มะเร็งเยื่อบุมดลูก และมะเร็งลำไส้

อีกทั้ง AI ยังสามารถแปลผลยีนกลายพันธุ์ที่นำไปสู่การเกิดโรคมะเร็งได้ตั้งแต่อายุน้อย ซึ่งช่วยให้แพทย์สามารถคัดกรองและตรวจพบโรคมะเร็งในระยะที่ยังไม่มีอาการได้เร็วขึ้น พร้อมทั้งช่วยแนะนำแผนป้องกัน การรักษาที่เหมาะสม และการเลือกใช้ยาได้ตามลักษณะการกลายพันธุ์ของยีน ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสทางการรักษาที่มีประสิทธิภาพสูง และลดผลข้างเคียงที่ไม่จำเป็นจากการใช้ยา

Chrovis แพลตฟอร์มการแปลผลที่ขับเคลื่อนด้วย AI

ดร.คูนิฮิโร นิชิมูระ ประธานกรรมการ บริษัท เท็นกุ จำกัด ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นผู้ให้บริการโซลูชัน ด้านชีวสารสนเทศ (Bioinformatics) ที่ใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และสารสนเทศขั้นสูง เผยว่า เท็นกุ ได้พัฒนา Chrovis ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการแปลผลที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อสนับสนุนแพทย์และผู้ป่วยโรคมะเร็งในญี่ปุ่น ช่วยเหลือด้านการวินิจฉัยและทางเลือกการรักษาในเวชศาสตร์จีโนมมะเร็ง (Cancer Genome Medicine)

หลายปีที่ผ่านมา Chrovis ได้สร้างผลงานที่แข็งแกร่งในญี่ปุ่น ปัจจุบันในฐานะส่วนหนึ่งของความร่วมมือระหว่างประเทศญี่ปุ่นและประเทศไทย เรามีความยินดีที่จะพัฒนา AI ของเราให้เข้ากับท้องถิ่นโดยใช้ข้อมูลจากโครงการจีโนมิกส์ประเทศไทย เพื่อให้บริการผู้ป่วยโรคมะเร็งและผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพของไทยได้ดียิ่งขึ้น การร่วมมือกับทั้ง 3 องค์กรในโครงการนี้ เรามุ่งหวังที่จะมีส่วนร่วมในความก้าวหน้าของการแพทย์แม่นยำในประเทศไทย โดยการใช้ประโยชน์จาก Chrovis และผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์จีโนมมะเร็งของบริษัท เท็นกุ

นายณรงค์ฤทธิ์ กาละพุฒ ประธานคณะผู้บริหาร กลุ่มธุรกิจสนับสนุนโรงพยาบาล บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS และกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็นเฮลท์ โนโวยีน จีโนมิกส์ จำกัด กล่าวว่า “ในประเทศไทย การตรวจวิเคราะห์ยีนเฉพาะบุคคลกำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้เราต้องค้นหาและนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาปรับใช้ในการพัฒนาการวินิจฉัยและการรักษาผู้ป่วยให้มีประสิทธิภาพและทันเวลา เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผู้ป่วย

N Health Novogene จึงร่วมมือกับทั้ง 3 องค์กรในการพัฒนาแพลตฟอร์มแปลผลการกลายพันธุ์ของยีนมะเร็ง เพื่อให้ผลการตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการจีโนมิกส์มีความแม่นยำและรวดเร็ว นำไปสู่การวินิจฉัยและการรักษาโรคมะเร็งได้ตรงจุดทันเวลา และเหมาะสมกับผู้ป่วย พร้อมทั้งสามารถขยายธุรกิจการให้บริการวิเคราะห์จีโนมิส์เพิ่มเติมจากการให้บริการห้องปฏิบัติการจีโนมิกส์ต่อไป”

โดย N Health Novogene และศูนย์จีโนมิกส์ศิริราช พร้อมด้วย สถาบันชีววิทยาศาสตร์ทางการแพทย์ และบริษัท เท็นกุ จำกัด ประเทศญี่ปุ่น มุ่งหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ความร่วมมือครั้งนี้จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถทางการแพทย์ของประเทศไทยในการวินิจฉัย และการรักษาโรคมะเร็งให้มีความแม่นยำ รวดเร็ว และเหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละรายมากยิ่งขึ้น นับเป็นการยกระดับการดูแลสุขภาพของประชากรไทยให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นในอนาคต