การจัดการสุขภาพทางเพศ แบบบูรณาการในผู้ป่วยมะเร็งทางนรีเวช

โรคมะเร็งทางนรีเวช เช่น มะเร็งปากมดลูก มะเร็งรังไข่ มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก มะเร็งช่องคลอด และมะเร็งปากช่องคลอด เป็นโรคที่มีความซับซ้อนทั้งในด้านการรักษาและผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย
KEY
POINTS
- ผู้ป่วยร้อยละ 70 มักไม่เปิดเผยปัญหาสุขภาพทางเพศหากไม่ได้รับการสอบถามโดยตรง
- ผลกระทบของโรคมะเร็งทางนรีเวชต่อสุขภาพทางเพศ มีทั้งทางร่างกายจิตใจ และความสัมพันธ์
- สุขภาพทางเพศเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยมะเร็งทางนรีเวช การดูแลผู้ป่วยในด้านนี้ต้องอาศัยการรักษาแบบบูรณาการและความร่วมมือจากสหสาขาวิชาชีพ
โรคมะเร็งทางนรีเวช เช่น มะเร็งปากมดลูก มะเร็งรังไข่ มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก มะเร็งช่องคลอด และมะเร็งปากช่องคลอด เป็นโรคที่มีความซับซ้อนทั้งในด้านการรักษาและผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย
โดยเฉพาะในมิติของสุขภาพทางเพศ ผลกระทบที่เกิดขึ้นทั้งทางร่างกายและจิตใจจากการรักษามะเร็งจำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างรักษาแบบบูรณาการเพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตและฟื้นฟูสมรรถภาพทางเพศของผู้ป่วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
หญิงไทย 17 ล้านคนเผชิญโรค เช็ก! 'สุขภาพผู้หญิง' ก่อนเกิดโรคร้าย
เด็ก GenZ เสพโซเชียลมีเดียหนัก สศช.เตือนเสี่ยง 'สุขภาพจิต' เสียหาย
ผลกระทบของโรคมะเร็งทางนรีเวชต่อสุขภาพทางเพศ
- ผลกระทบทางร่างกายจากการรักษา
1.การผ่าตัด: การผ่าตัดมดลูกแบบถอนรากถอนโคนและ อาจมีการทำลายเส้นประสาทอัตโนมัติในอุ้งเชิงกราน ส่งผลทำให้เกิดภาวะความรู้สึกในอวัยวะเพศลดลง การถึงจุดสุดยอดลดลง รวมถึงการกลั้นปัสสาวะและอุจจาระไม่ได้ ส่วนการตัดรังไข่ ทำให้ขาดฮอร์โมนเอสโตรเจนอย่างฉับพลันส่งผลให้เกิดอาการร้อนวูบวาบ ช่องคลอดแห้ง และเสี่ยงต่อภาวะกระดูกบาง ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพทางเพศ
2. การฉายรังสี: การฉายรังสีในบริเวณอุ้งเชิงกรานทำให้เกิดภาวะเยื่อบุผิวช่องคลอดฝ่อลง และช่องคลอดตีบ จากการศึกษาพบอุบัติการณ์ภาวะดังกล่าวหลังการฉายรังสีอยู่ที่ร้อยละ 7.5-60
3. การรักษาด้วยยาเคมีบำบัด: ยาเคมีบำบัดบางกลุ่มทำให้เกิดความผิดปกติของระบบประสาทส่วนปลาย ส่งผลให้ความรู้สึกในอวัยวะเพศลดลง และหมดประจำเดือนไวขึ้น โดยพบอุบัติการณ์ดังกล่าวร้อยละ 40-80
ผลกระทบทางจิตใจและความสัมพันธ์
ความวิตกกังวลเกี่ยวกับรูปร่างและภาพลักษณ์ตนเอง เช่น การเปลี่ยนแปลงรูปร่างจากการผ่าตัด ศีรษะล้าน และภาวะบวมน้ำเหลือง ส่งผลต่อความมั่นใจในตนเองของผู้ป่วย และผลกระทบทางจิตใจ อาทิความกลัวการกลับมาเป็นโรคมะเร็งซ้ำ ความกลัวการถูกปฏิเสธจากคู่ครอง ส่งผลให้นำไปสู่ภาวะหลีกเลี่ยงทางเพศ แนวทางการดูแลสุขภาพทางเพศในผู้ป่วยมะเร็งทางนรีเวช การประเมินสุขภาพทางเพศ โดยผ่านแบบประเมินและการสนทนาเชิงรุก เนื่องจากผู้ป่วยร้อยละ 70 มักไม่เปิดเผยปัญหาสุขภาพทางเพศหากไม่ได้รับการสอบถามโดยตรง
การดูแลแบบสหสาขาวิชาชีพ โดยอาศัยความร่วมมือจากทีมสหสาขาวิชาชีพ ได้แก่ สูตินรีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็ง ด้านเวชศาสตร์เชิงกรานสตรี ด้านเวชศาสตร์ทางเพศ ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ฟื้นฟูและ นักจิตบำบัด เพื่อวินิจฉัยและรักษาภาวะบกพร่องทางเพศที่ซับซ้อน และใช้เทคนิคการบำบัดทางจิตวิทยา
การรักษาด้วยการใช้ยา
เช่น การใช้ฮอร์โมนเอสโตรเจนเฉพาะที่ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและความชุ่มชื้นของช่องคลอด หรือใช้ครีมเอสโตรเจนกรณีไม่มีข้อห้ามใช้ เพื่อฟื้นฟูสภาพช่องคลอด หรือยาที่ไม่ใช่ฮอร์โมน ได้แก่ สารให้ความชุ่มชื้นในช่องคลอด ซึ่งมีส่วนผสมของไฮยาลูรอน ในผู้ป่วยที่ไม่สามารถใช้ฮอร์โมนได้ การใช้ยากลุ่มกาบาเพนตินและ ยาชาเฉพาะที่ เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการลดอาการปวดบริเวณอวัยวะเพศหญิงและช่องคลอดที่เกิดจากเส้นประสาทเสียหายจากการฉายรังสี
การรักษาทางด้านกายภาพ
- การใช้อุปกรณ์ขยายช่องคลอด: ช่วยป้องกันการตีบและฝ่อลงของช่องคลอดหลังการฉายรังสี
- แนะนำ: 3-5 ครั้งต่อสัปดาห์ (5-10 นาที) เริ่มต้น 2-4 สัปดาห์หลังฉายรังสี ทำต่ออย่างน้อย 6-12 เดือน
- การบริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน: เพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวดขณะมีเพศสัมพันธ์, ช่องคลอดตีบ
- รักษาด้วยเลเซอร์: กระตุ้นการเกิดเซลล์ช่องคลอดใหม่ ลดอาการช่องคลอดแห้ง
การรักษาด้วยจิตบำบัด
การทำจิตบำบัดด้วยการปรับความคิดและพฤติกรรม (Cognitive Behavioral Therapy) ดูแลปัญหาภาพลักษณ์ร่างกายโดยการจัดการกับความเชื่อที่ไม่เหมาะสมและแทนที่ด้วยมุมมองที่สร้างสรรค์ รวมเทคนิคการฝึกสติ (Mindfulness), การผ่อนคลาย, และการทนต่อความเครียด
การบำบัดแบบคู่รัก
โดยมีการสื่อสารพูดคุย และปรับความเข้าใจร่วมกันในเรื่องเพศพร้อมคู่ครอง เพิ่มความพึงพอใจในชีวิตคู่ และลดการหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ และการกระตุ้นพฤติกรรม (Behavioral Activation) โดยส่งเสริมให้ผู้ป่วยและคู่รัก กลับเข้าสู่กิจกรรมทางเพศอย่างค่อยเป็นค่อยไป จะช่วยฟื้นฟูความมั่นใจในตนเองได้มากขึ้น (3)
การรักษาด้วยการผ่าตัด การผ่าตัดซ่อมแซม
การผ่าตัดทางศัลยกรรม เช่น การผ่าตัดทำช่องคลอด (Vaginoplasty) และกระบวนการซ่อมแซมอื่นๆ เป็นทางเลือกที่สามารถช่วยฟื้นฟูการทำงาน เพิ่มคุณภาพชีวิตในผู้ป่วยที่ผ่านการผ่าตัดแบบรุนแรง
สรุป สุขภาพทางเพศเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยมะเร็งทางนรีเวช การดูแลผู้ป่วยในด้านนี้จำเป็นต้องอาศัยแนวทางการรักษาแบบบูรณาการและความร่วมมือจากสหสาขาวิชาชีพ เพื่อให้การดูแลมีความครอบคลุมและเหมาะสมกับความต้องการของผู้ป่วย
อ้างอิง:คอลัมน์: มะเร็งสตรี มีคำตอบ โดย สมาคมมะเร็งนรีเวชไทย www.tgcs.or.th Facebook : สมาคมมะเร็งนรีเวชไทย-TGCSthai
เรียบเรียงโดย พญ.ลักขณา จักกะพาก, นพ.ปริวัตร ปะวรรณะ,ผศ.พญ.อวัสดา บุณยัษเฐียร, รศ.ดร.นพ.อติวุทธ กมุทมาศภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์







