ภูมิแพ้ขึ้นตา ระวัง! อย่าซื้อยาหยอดตามาใช้เอง อาจสูญเสียการมองเห็น

หลายคนอาจคิดว่าโรคภูมิแพ้ขึ้นตาไม่ร้ายแรง เพราะเมื่อเกิดอาการคัน เคือง บวมจากสิ่งที่กระตุ้นให้เกิดการแพ้ เมื่อทานยาหรือหยอดตา
KEY
POINTS
- โรคภูมิแพ้ขึ้นตา เป็นหนึ่งในอาการของโรคภูมิแพ้ โดยมักเกิดที่บริเวณเยื่อบุตา เยื่อหุ้มเซลล์ดวงตา หรือกระจกตา ทำให้เกิดการอักเสบ
- เมื่อมีอาการ อย่าซื้อยาหยอดตาใช้เอง เพราะอาจได้ยาสเตียรอยด์ หรือยาลดการอักเสบ ซึ่งมีอันตรายซ่อนอยู่ อาจทำให้สูญเสียการมองเห็น
- แน่นอนว่าการหลีกเลี่ยงสิ่งที่แพ้ คือการป้องกันที่ดีที่สุด แต่ถ้าหากเป็นภูมิแพ้ขึ้นตา สิ่งที่ช่วยให้อาการไม่แย่ลงคือ การดูแลดวงตาไม่ให้ตกอยู่ในภาวะตาแห้ง
หลายคนอาจคิดว่าโรคภูมิแพ้ขึ้นตาไม่ร้ายแรง เพราะเมื่อเกิดอาการคัน เคือง บวมจากสิ่งที่กระตุ้นให้เกิดการแพ้ เมื่อทานยาหรือหยอดตา อาการผิดปกติที่เกิดขึ้นจะหายไป ทั้งที่แท้จริงแล้วหากขาดการรักษาที่ถูกต้องในระยะยาว อาจทำให้เกิดความผิดปกติที่คาดไม่ถึงได้
โรคภูมิแพ้ขึ้นตา (Allergic Conjunctivitis) เกิดจากเยื่อบุตาได้สัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้ มักเป็น ๆ หาย ๆ และผู้ป่วยส่วนใหญ่ก็อาจคิดว่าไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไร เพียงแค่สร้างความรำคาญใจเท่านั้น แต่เป็นอย่างนั้นจริงหรือ?
โดยมักเกิดการอักเสบที่บริเวณเยื่อบุตาขาว สามารถเกิดจากหลายสาเหตุ ได้แก่
- แพ้ตามฤดูกาล อาการผิดปกติมักเกิดขึ้นตามสภาพอากาศ มักเกิดซ้ำ ๆ ในช่วงเวลาเดิมของแต่ละเดือน
- แพ้สารต่าง ๆ เช่น ไรฝุ่น อาหาร เกสรดอกไม้ น้ำยาปรับผ้านุ่ม ขนตุ๊กตา เครื่องสำอาง ขนสัตว์ เป็นต้น
- แพ้คอนแทคเลนส์ มักเจอเม็ดขนาดใหญ่ที่บริเวณเยื่อบุตา จึงต้องตรวจพื้นผิวเยื่อบุตาอย่างละเอียด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
อาการและปัจจัยที่ทำให้เกิด "ภูมิแพ้ขึ้นตา"
นพ.สุนิตา สว่างศรีบรรเทิง จักษุแพทย์ เฉพาะทางด้านโรคต้อหิน จากแอปฯ หมอดี เตือนว่า โรคภูมิแพ้ขึ้นตา จริงๆ แล้วมีภัยแฝงที่อันตรายซ่อนอยู่ คือหากปล่อยให้เรื้อรัง ไม่ดูแลรักษาดี ๆ อาจทำให้กระจกตาติดเชื้อ เป็นแผลที่กระจกตา และอาจทำให้การมองเห็นแย่ลง
โดยโรคภูมิแพ้ขึ้นตา เป็นหนึ่งในอาการของโรคภูมิแพ้ โดยมักเกิดที่บริเวณเยื่อบุตา เยื่อหุ้มเซลล์ดวงตา หรือกระจกตา ทำให้เกิดการอักเสบ พร้อมแสดงอาการ ดังนี้
- ตาแดง หรือเปลือกตาบวมแดง
- คัน เคืองตา แสบตา
- มีขี้ตาเหนียว หรือน้ำตาไหล
- แพ้แสง
- อาจมีอาการภูมิแพ้ที่ผิวหนัง ทางเดินหายใจ ร่วมด้วย เช่น ผื่นคัน ลมพิษ ไอ จาม
ปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคภูมิแพ้ขึ้นตา
1. สารก่อภูมิแพ้ที่ทำให้เกิดอาการเฉียบพลัน หรือเกิดได้ตลอดปี - เช่น ไรฝุ่น ขนสัตว์ เชื้อรา สารเคมีต่าง ๆ หรือการใส่คอนแทคเลนส์ที่ไม่เหมาะสม
2. สารก่อภูมิแพ้ตามฤดูกาล - เป็นตัวกระตุ้นภูมิแพ้ ที่มาช่วงใดช่วงหนึ่งของปี เช่น PM2.5 เชื้อไข้ละอองฟาง เกสรดอกไม้
ภัยซ่อนเร้นของโรคภูมิแพ้ขึ้นตา
ปกติแล้ว หากพบการอักเสบที่บริเวณเยื่อบุตา มักมีอาการแพ้เพียงเล็กน้อย รักษาตามอาการก็ทุเลาลงได้
แต่ถ้าเป็นภูมิแพ้ที่กระจกตา นอกจากจะทำให้มีอาการแพ้รุนแรงกว่าแล้ว ถ้าผู้ป่วยละเลย ดูแลไม่เหมาะสม เผลอใช้มือที่สกปรกขยี้ตา ก็อาจเกิดแผลเรื้อรังหรือติดเชื้อที่กระจกตา ซึ่งอาจมีผลต่อการมองเห็นในระยะยาว หรือทำให้ตาบอดได้
วิธีดูแลตัวเอง เมื่อภูมิแพ้ขึ้นตา
- หลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ เช่น ใส่แว่นกันแดดหรือสวมหมวกป้องกันเมื่อออกจากบ้าน หมั่นทำความสะอาด/ปิดประตูหน้าต่างในบ้าน ติดตั้งเครื่องฟอกอากาศ
- ใช้น้ำตาเทียมชนิด non preservative เพื่อบรรเทาอาการคัน
- ใช้ยาหยอดยาแก้แพ้ ลดอาการคัน ตามคำแนะนำของจักษุแพทย์
- ล้างตาด้วยน้ำสะอาด เมื่อสัมผัสสารก่อภูมิแพ้
- ไม่ขยี้ตา และล้างมือก่อนสัมผัสดวงตาทุกครั้ง
- ประคบเย็นที่ดวงตา เพื่อลดการระคายเคือง
ระวัง!! อย่าซื้อยาหยอดตาใช้เอง เพราะอาจได้ยาสเตียรอยด์ หรือยาลดการอักเสบ ซึ่งมีอันตรายซ่อนอยู่ เช่น ทำให้ความดันตาสูง เกิดแผลกระจกตาติดเชื้อและแย่ลงได้ ควรใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์เฉพาะทาง
การตรวจวินิจฉัย
จักษุแพทย์จะวินิจฉัยจากอาการและความผิดปกติของผู้ป่วยเป็นสำคัญ โดยอาการของภูมิแพ้ขึ้นตาจะรุนแรงมากหรือน้อยขึ้นกับความรุนแรงของการอักเสบในแต่ละครั้ง โดยจักษุแพทย์จะพิจารณาจากเยื่อบุตา หากรุนแรงมากตาจะแดงมากขึ้น นอกจากนี้ยังอาจพบอาการตาแดงเฉพาะที่เยื่อบุตาขาวที่อักเสบ หรือหากเป็นมากจะมีเม็ดนูน ๆ ไปกดกระจกตาดำ ทำให้กระจกตาดำเป็นแผล ซึ่งรักษาค่อนข้างยาก และในบางรายมีการอักเสบลามเข้ามาที่ตาดำซึ่งถือว่ารุนแรงมาก เรียกว่ามีกระจกตาอักเสบร่วมด้วย ส่งผลให้ทำการรักษาได้ยาก และอาจตาบอดได้
รักษาภูมิแพ้ขึ้นตา
วิธีการรักษาภูมิแพ้ขึ้นตา จักษุแพทย์ต้องทราบสาเหตุที่แน่ชัดเพื่อจะได้เลือกวิธีการรักษาที่ถูกต้อง ได้แก่
- หลีกเลี่ยงสิ่งที่แพ้ ผู้ป่วยจะหลีกเลี่ยงได้ถ้ารู้ว่าตนเองแพ้อะไร แต่ถ้าไม่รู้จะยากในการเลี่ยง และสิ่งที่แพ้บางอย่างก็ยากจะเลี่ยง เช่น อากาศ ไรฝุ่น
การรักษาทางจักษุ เพื่อยับยั้งอาการและป้องกันโรคแทรกซ้อน หากมีอาการภูมิแพ้ขึ้นตา จักษุแพทย์จะให้ยาหยอดตาเพื่อลดอาการอักเสบ โดยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่
- กลุ่มยาสเตียรอยด์ ข้อดีคือช่วยลดการอักเสบได้ดีที่สุด แต่ข้อเสียที่สำคัญคือ ไม่ควรใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน เพราะอาจจะเกิดโรคแทรกซ้อน เช่น ต้อหิน ดังนั้นจักษุแพทย์จึงมักใช้ช่วงแรกในเวลาไม่นาน
- กลุ่มยาที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ มีฤทธิ์ลดการอักเสบได้ แต่ไม่เท่ากลุ่มยาสเตียรอยด์ ข้อดีคือไม่มีโรคแทรกซ้อน หยอดติดต่อกันได้นาน และทำให้เยื่อบุตาแข็งแรง ทนต่อสิ่งที่แพ้ได้มากขึ้น
ไม่ว่าคุณจะมีอาการภูมิแพ้ขึ้นตาทั้งเฉียบพลัน หรือเรื้อรัง อย่านิ่งนอนใจ ควรปรึกษาจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ให้ช่วยตรวจวินิจฉัย และวางแผนการรักษาอย่างเหมาะสม ก่อนเกิดภาวะแทรกซ้อนอันตราย
ความรุนแรงของโรค
ในกรณีที่ผู้ป่วยเป็นภูมิแพ้ขึ้นตาบ่อยครั้ง อาจทำให้เยื่อบุตาอักเสบแบบเรื้อรัง เนื่องจากอาการคันตา เคืองตาบ่อย ๆ ทำให้ต้องรักษาโดยการหยอดตา เมื่อต้องหยอดตาโดยใช้ยาในกลุ่มสเตียรอยด์เป็นประจำติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน ทำให้มีโอกาสเสี่ยงในการเป็นโรคต้อหินมากขึ้น
อ้างอิง : mordeeapp ,โรงพยาบาลกรุงเทพ







