'รพ.ปิยะเวท'สร้างศูนย์มะเร็งครบวงจร เปิดรับผู้ป่วยทุกสิทธิ

โรงพยาบาลปิยะเวทเปิดให้บริการมากว่า 30 ปี ปัจจุบันสามารถรองรับผู้ป่วยในได้ 150 เตียง และผู้ป่วยนอกประมาณ 800 คนต่อวัน กำลังก้าวสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ด้วยการเปิดศูนย์มะเร็งที่ทันสมัยอีกแห่งหนึ่งของประเทศ พร้อมรับผู้ป่วยส่งต่อจากทุกสิทธิ พร้อมแผนขยายกิจการทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด

 ปัจจุบันจำนวนผู้ป่วยมะเร็งเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่สถานที่ฉายแสงของภาครัฐมีไม่เพียงพอ ผู้ป่วยต้องรอคิวนานเป็นเดือน ซึ่งในระหว่างนั้นโรคก็ลุกลามต่อไป  จึงตัดสินใจลงทุนซื้อเครื่องฉายแสงมูลค่า 150 ล้านบาท จำนวน 2 เครื่อง และสร้างอาคารใหม่มูลค่า 400 ล้านบาท และคาดว่าจะเปิดให้บริการศูนย์มะเร็งได้ในประมาณกลางปี  2568 

"นพ.พณะ จันทรกมล" ประธานเจ้าหน้าที่บริหารโรงพยาบาลในเครือบางปะกอก-ปิยะเวท ให้สัมภาษณ์ “กรุงเทพธุรกิจ ”ว่า โรงพยาบาลปิยะเวทก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2536 ปัจจุบันมีบุคลากรทางการแพทย์และพยาบาลรวมประมาณ 800 คน มีแพทย์ประจำ 60 ท่านที่ครอบคลุมทุกสาขาความเชี่ยวชาญ สามารถรองรับผู้ป่วยในได้ 150 เตียง ขยายได้ถึง 400 เตียง และผู้ป่วยนอกประมาณ 800 คนต่อวัน

มีศูนย์การแพทย์เฉพาะทางมากกว่า 20 ศูนย์ ครอบคลุมตั้งแต่ศูนย์มะเร็ง ศูนย์รักษาผู้มีบุตรยาก ศูนย์เทคโนโลยีการเจริญพันธุ์ ศูนย์เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ MRI ศูนย์หุ่นยนต์เพื่อการฟื้นฟู ศูนย์ตรวจสุขภาพ และศูนย์ทันตกรรม และได้รับการรับรองมาตรฐานโรงพยาบาลระดับสากล ทั้ง JCI (The Joint Commission International) และ HA (Hospital Accreditation) ซึ่งเป็นการยืนยันถึงคุณภาพการรักษาพยาบาลและการบริการของเรา

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

‘วันมะเร็งโลก’ สำรวจอันดับมะเร็งที่คร่าชีวิตคนไทยมากที่สุด

คัดกรองระดับชีวโมเลกุล ช่วยรักษามะเร็งได้ดีทุกระยะ

ศูนย์มะเร็ง รพ.ปิยะเวท รักษาอย่างทันสมัย

โดยประมาณเดือนมิถุนายน ที่จะถึงนี้ รพ.ปิยะเวท จะเปิดให้บริการศูนย์มะเร็งที่ทันสมัยอีกแห่งหนึ่ง โดยได้ลงทุนซื้อเครื่องฉายแสงมูลค่า 150 ล้านบาท จำนวน 2 เครื่อง และสร้างอาคารใหม่มูลค่า 400 ล้านบาทแรงจูงใจให้ตัดสินใจลงทุนเปิดศูนย์มะเร็งในครั้งนี้ ก็เพราะว่า ปัจจุบันจำนวนผู้ป่วยมะเร็งเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่สถานที่ฉายแสงของภาครัฐมีไม่เพียงพอ ผู้ป่วยต้องรอคิวนานเป็นเดือน ซึ่งในระหว่างนั้นโรคก็ลุกลามต่อไปได้ หากได้รับการรักษาที่ทันท่วงที จะทำให้สามารถมีชีวิตอยู่ได้และได้ทำในสิ่งที่ต้องการ ก็จะทำให้คนไข้มีความสุข

ศูนย์มะเร็งแห่งนี้จะมีเครื่องฉายแสง โดยใช้ เทคโนโลยีขั้นสูง ที่ใช้ AI ในการจัดตำแหน่งได้แม่นยำ สามารถฉายรังสีไปที่ก้อนมะเร็งได้ตรงจุด โดยไม่ทำลายเนื้อเยื่อข้างเคียง ทั้งรูปแบบ Advanced และ Conventional สามารถรองรับผู้ป่วยได้ถึงวันละ 100 ราย ซึ่งขึ้นอยู่กับการจัดตารางการรักษาอย่างมีประสิทธิภาพ  

ทั้งนี้ รพ. ปิยะเวท ได้รับความร่วมมือจากผู้เชี่ยวชาญมาเป็นที่ปรึกษา ไม่ว่าจะเป็น หัวหน้าศูนย์มะเร็งจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ หัวหน้าศูนย์มะเร็งฉายแสง จากศิริราชพยาบาล  นอกจากนี้ยังมีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญประจำครบทุกสาขา รวมถึงแพทย์ full-time ประมาณ 60 คน โดยจะใช้แนวทางการรักษาแบบองค์รวม (Holistic Approach) 

 โดยก่อนทำการรักษาจะมีการจัด Tumor Board Conference คือการประชุมร่วมกันของแพทย์ทุกสาขาที่เกี่ยวข้อง เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับผู้ป่วยแต่ละราย อาจเป็นการผ่าตัดก่อนแล้วตามด้วยการฉายแสง หรือให้เคมีบำบัดร่วมด้วย รวมทั้งการรักษาแบบ Targeted Therapy ที่เจาะจงเฉพาะตัวก้อนมะเร็ง โดยไม่มีผลต่อเนื้อเยื่อข้างเคียง รวมถึงการทำ Minimally Invasive Intervention ในการเข้าไปจี้หรือทำลายก้อนมะเร็งด้วยเทคนิคต่างๆ 

เปิดรับทุกสิทธิ-ผู้ป่วยเข้าถึงการรักษา

ประธานเจ้าหน้าที่บริหารโรงพยาบาลในเครือบางปะกอก-ปิยะเวท กล่าวด้วยว่า ศูนย์มะเร็งที่จะเปิดบริการนี้ จะเปิดรับทุกสิทธิการรักษา ทั้งประกันสังคมและบัตรทอง โดยเฉพาะในส่วนของประกันสังคม แม้ว่าผู้ป่วยจะได้รับวงเงินการรักษาต่อคอร์ส ครอบคลุมการฉายแสงตลอดการรักษา ซึ่งรพ.ตระหนักดีว่าค่าใช้จ่ายในการรักษามะเร็งค่อนข้างสูง ทั้งการผ่าตัด การฉายแสง และเคมีบำบัด แต่จะพยายามทำให้ผู้ป่วยทุกกลุ่มเข้าถึงการรักษาที่มีคุณภาพให้ได้   

แม้ว่า รพ.ปิยะเวท จะเป็นที่รู้จักในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ที่ทำโรงพยาบาลสนาม และICU สนาม รวมทั้งการดูแลผู้ป่วย Home Isolation เป็นที่ยอมรับด้านการดูแลแม่และเด็ก มีศูนย์เลสิก รวมถึงศูนย์หัวใจที่เคยผ่าตัดให้ผู้ป่วยในโครงการเพื่อพระราชกุศลไปแล้ว

แต่ก็ถือว่ามีคู่แข่งในพื้นที่เดียวกัน จึงจำเป็นต้องทำ Corporate Marketing ดูแลพนักงานและคนในองค์กรต่างๆ ด้วยต้นทุนที่เหมาะสม และทำ Branding เพื่อยกระดับภาพลักษณ์ของปิยะเวทในมุมมองใหม่

“ให้ความสำคัญกับการทำ ESG (Environmental, Social, and Governance) เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน เห็นได้จากมาตรการการรักษาพยาบาลที่บริษัทประกันอย่าง AIA ให้อยู่ในรายชื่อโรงพยาบาลที่สามารถรับผู้ป่วยได้ โดยไม่ต้องผ่านการอนุมัติจากแพทย์ของบริษัทประกัน ได้รับเลือกจากธนาคารแห่งประเทศไทยให้เข้าร่วมโครงการสินเชื่อสีเขียว (Green Loan) จากการที่อาคารใหม่ ทั้งหมดถูกออกแบบตามมาตรฐาน LEED เน้นการประหยัดพลังงานและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ตั้งแต่การเลือกใช้วัสดุก่อสร้าง การออกแบบอาคาร ไปจนถึงระบบการจัดการพลังงานและของเสีย”

เน้นสร้าง Happy Workplace

สำหรับแนวทางในการบริหารองค์กร นพ.พณะ กล่าวว่า เน้นการสร้าง Happy Workplace เพราะเชื่อว่าถ้าพนักงานมีความสุข มีคุณภาพชีวิตที่ดี ไม่เหนื่อยล้าจนเกินไป ก็จะสามารถให้บริการผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ได้แค่กำหนดเงินเดือนและสวัสดิการ แต่มุ่งสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เน้นการทำงานเป็นทีม ความรับผิดชอบ และการพัฒนาตนเอง

ในอนาคตจะนำเทคโนโลยี AI มาใช้ในการทำงาน เพราะเชื่อว่า AI จะเปลี่ยนโลกการแพทย์ภายใน 3-5 ปีนี้ ตอนนี้กำลังทดลองใช้ระบบ AI ช่วยในการบันทึกเวชระเบียน เมื่อแพทย์มีเวลาพูดคุยกับคนไข้มากขึ้น  โดยAI จะช่วยสรุปและบันทึกข้อมูลให้โดยอัตโนมัติ ช่วยลดเวลาในการทำงานเอกสารของแพทย์ลงได้มาก นอกจากนี้ ยังใช้ AI ในการอ่านผลเอกซเรย์และการตรวจคัดกรองต่างๆ แต่ทั้งนี้ การวินิจฉัยและตัดสินใจในการรักษายังคงเป็นหน้าที่ของแพทย์ เพราะ AI เป็นเพียงเครื่องมือช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้นเท่านั้น

ปี2570 เปิดปิยะเวท พรานนก

สำหรับปีที่ผ่านมาโรงพยาบาลในเครือบางปะกอก-ปิยะเวท มีรายได้ประมาณ 7,000-8,000 ล้านบาท และคาดว่าปีนี้จะเติบโตประมาณ 7-10% โดยสัดส่วนคนไข้ที่มาใช้บริการเป็นชาวต่างชาติ 60 % และคนไทย 40% ส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยจากตะวันออกกลาง จีน และพม่า ส่วนการชำระเงินมีทั้งจ่ายเอง 40% ประกัน 40% สัญญาองค์กร 15% และอื่นๆ 5% 

นพ.พณะ กล่าวว่า ในอนาคตเครือบางปะกอก-ปิยะเวท มีแผนจะเปิดให้บริการโรงพยาบาลปิยะเวท พรานนก ขนาด 270 เตียง ใกล้โรงพยาบาลศิริราชขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2570 โดยมีอดีตคณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลเป็นที่ปรึกษาช่วยวางรากฐานให้โรงพยาบาลแห่งใหม่มีมาตรฐานการรักษา เทียบเท่าโรงเรียนแพทย์ นอกจากนี้ยังจะร่วมทุนกับ IRPC เปิดโรงพยาบาลที่ระยอง ขนาด 150 เตียง เนื่องจากเห็นว่าพื้นที่นั้นมีโรงพยาบาลเอกชนเพียงแห่งเดียว ไม่เพียงพอต่อความต้องการ โดยเฉพาะในเขตอุตสาหกรรม

"เราต้องการเป็นมากกว่าโรงพยาบาล เป็นองค์กรที่มีส่วนร่วมในการพัฒนาระบบสาธารณสุขของประเทศ ทั้งในด้านการรักษาพยาบาล การพัฒนาบุคลากร การสร้างนวัตกรรม และการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม ในอีก 5 ปีข้างหน้า ตั้งเป้าที่จะเป็นหนึ่งในโรงพยาบาลชั้นนำของเอเชีย ด้วยความเชี่ยวชาญในการรักษาโรคซับซ้อน โดยเฉพาะโรคมะเร็ง และการให้บริการที่ครอบคลุมทุกกลุ่มผู้ป่วย ไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือต่างชาติ เราเชื่อว่าการผสมผสานระหว่างความเชี่ยวชาญทางการแพทย์ เทคโนโลยีที่ทันสมัย และการบริการที่ใส่ใจ จะทำให้เราบรรลุเป้าหมายนี้ได้”