ปั้นผช.ลดปัญหาพยาบาลขาด รับมือความผันผวนโลกยุคใหม่ 

ปั้นผช.ลดปัญหาพยาบาลขาด  รับมือความผันผวนโลกยุคใหม่ 

ด้วยความเชื่อว่าว่า “คน” คือทรัพยากรที่สำคัญที่สุด มูลนิธิเอสซีจี จึงมุ่งมั่นพัฒนาศักยภาพของ “คน” ด้วยการสนับสนุนทุนการศึกษาและการเรียนรู้ ตั้งแต่ระดับประถมศึกษาจนถึงระดับปริญญาตรี 

KEY

POINTS

  • สถานการณ์ที่จำนวนพยาบาลไม่สอดคล้องกับจำนวนประชากรผู้ป่วยในแต่ละวัน จึงได้มีการพัฒนาหลักสูตรผู้ช่วยพยาบาลขึ้น โดยมีเป้าหมายเพื่อลดภาระหน้าที่ของพยาบาล
  •  หน้าที่หลักของผู้ช่วยพยาบาล ได้แก่ การบันทึกข้อมูลผู้ป่วย การช่วยเหลือในการทำหัตถการ การวัดสัญญาณชีพ การดูแลด้านสุขอนามัย เช่น การสระผมให้ผู้ป่วย รวมถึงการช่วยฟื้นคืนชีพ
  • หลักสูตรผู้ช่วยพยาบาลได้กำหนดการศึกษาออกเป็น 3 ภาคการศึกษา แบ่งการเรียนการสอนออกเป็น 3 ส่วนหลัก ได้แก่ การเรียนทฤษฎี การฝึกปฏิบัติในห้องฝึกทักษะ และการฝึกปฏิบัติในหอผู้ป่วย

ด้วยความเชื่อว่าว่า “คน” คือทรัพยากรที่สำคัญที่สุด มูลนิธิเอสซีจี จึงมุ่งมั่นพัฒนาศักยภาพของ “คน” ด้วยการสนับสนุนทุนการศึกษาและการเรียนรู้ ตั้งแต่ระดับประถมศึกษาจนถึงระดับปริญญาตรี มาแล้วกว่า 100,000 ทุน คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 1,000 ล้านบาท และยังคงดำเนินการมอบทุนอย่างต่อเนื่องทุกปี ปีละ 2,500 ทุน รวมเป็นเงินกว่า 55 ล้านบาทต่อปี

ส่งเสริมแนวคิด “LEARN to EARN” หรือ “เรียนรู้เพื่ออยู่รอด” โดยเชื่อว่าทุกคนมีคุณค่าและศักยภาพในตนเองที่สามารถปรับตัวและเผชิญหน้ากับโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วได้ ทั้งในด้าน Hard Skills และ Soft Skills สำคัญในปัจจุบันและอนาคต ได้แก่ ทักษะการสื่อสารและภาษา การทำงานร่วมกับผู้อื่น และความคิดสร้างสรรค์ นอกจากนี้ยังรวมถึงภาวะความเป็นผู้นำ ความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น การคิดวิเคราะห์ และการแก้ไขปัญหา ซึ่งล้วนเป็นทักษะที่ต้องพัฒนานอกห้องเรียนและควรปลูกฝังไปตลอดชีวิต

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

'ศิริราช' ทุ่มงบ 800 ล้านบาท พลิกโฉมระบบสารสนเทศ สู่การแพทย์ระดับโลก

‘Check PD’ แอปฯตรวจพาร์กินสัน แม่นยำถึง 90% รู้ไว ชีวิตไม่สั่น

ให้ทุนสาขาตรงความต้องการตลาด

มูลนิธิเอสซีจีได้มอบทุนการศึกษาในสาขาที่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดแรงงาน เพื่อให้เยาวชนสามารถมีงานทำทันทีหลังสำเร็จการศึกษา ตัวอย่างเช่น ทุนผู้ช่วยพยาบาลแก่โรงเรียนผู้ช่วยพยาบาล คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2563 จนถึงปัจจุบัน รวมจำนวน 179 ทุน ด้วยงบประมาณกว่า 4 ล้านบาท ทุนเหล่านี้สร้างโอกาสให้เยาวชนมีอาชีพที่มั่นคงและสอดคล้องกับความต้องการของสังคม

สุวิมล จิวาลักษณ์ กรรมการและผู้จัดการมูลนิธิเอสซีจี เปิดเผยว่า มูลนิธิเอสซีจียังคงมุ่งมั่นขยายแนวคิด “LEARN to EARN” ไปยังภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อสร้างความตระหนักถึงความสำคัญของการเรียนรู้ที่สามารถนำไปใช้ปฏิบัติได้จริง โดยแนวคิดดังกล่าวไม่เพียงช่วยสร้างโอกาสในการพัฒนาอาชีพ แต่ยังเป็นการเพิ่มคุณค่าให้กับชีวิต พร้อมส่งเสริมศักยภาพของเยาวชนไทยให้สามารถเผชิญหน้ากับความท้าทายของโลกยุคใหม่ได้อย่างมั่นใจและยั่งยืน

“ปัจจุบัน แนวคิดการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong Learning) ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงการแสวงหาความรู้เชิงวิชาการ แต่ยังครอบคลุมถึงการพัฒนาทักษะชีวิต(Life Skills) ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญในยุคที่โลกมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและซับซ้อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ที่ต้องเผชิญกับความท้าทายที่หลากหลายในชีวิตประจำวัน” สุวิมลกล่าว

เพิ่มผู้ช่วย ลดอัตราการขาดแคลนพยาบาล

ทั้งนี้ จากงานวิจัยพบว่า ทักษะชีวิตที่มีความสำคัญในยุคปัจจุบันแบ่งออกเป็น 3 ด้านหลัก ได้แก่  ทักษะด้านการสื่อสาร (Communication Skills) ความสามารถในการถ่ายทอดความคิด สร้างความเข้าใจร่วมกัน และการมีปฏิสัมพันธ์ที่มีประสิทธิภาพกับผู้อื่น ทักษะด้านภาษา (Language Skills) และการทำงานเป็นทีม (Collaboration) การใช้ภาษาเพื่อการสื่อสารในระดับสากล ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับการทำงานและการสร้างความร่วมมือในโลกยุคใหม่รวมถึงการทำงานร่วมกับผู้อื่น

และทักษะด้านความคิดสร้างสรรค์ (Creative Thinking Skills)ความสามารถในการคิดนอกกรอบ สร้างสรรค์แนวทางใหม่ ๆ ในการแก้ไขปัญหา และการพัฒนานวัตกรรม การเรียนรู้และพัฒนาทักษะเหล่านี้ไม่เพียงช่วยให้บุคคลสามารถปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงของสังคม แต่ยังเป็นรากฐานสำคัญสำหรับความสำเร็จในชีวิตส่วนตัวและการประกอบอาชีพในอนาคตอีกด้วย

รศ.นพ.ตรีภพ เลิศบรรณพงษ์ รองคณบดีฝ่ายการศึกษาก่อนปริญญา เปิดเผยว่า สภาวิชาชีพและกระทรวงสาธารณสุขได้รายงานข้อมูลจำนวนพยาบาลในประเทศประจำปี 2566 พบว่ามีพยาบาลทั้งหมด 209,187 คน คิดเป็นอัตราส่วนพยาบาลร้อยละ 31.67 ต่อประชากร 10,000 คน โดยพยาบาลส่วนใหญ่อยู่ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข คิดเป็นร้อยละ 55.4 รองลงมาคือ ภาคเอกชนและอื่น ๆ ร้อยละ 19.8 ภาครัฐอื่น ๆ ร้อยละ 12.8 และกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ร้อยละ 12.0 ซึ่งจำนวนพยาบาลดังกล่าวยังไม่เพียงพอต่อการรองรับจำนวนผู้ป่วยในปัจจุบัน

“ด้วยสถานการณ์ที่จำนวนพยาบาลไม่สอดคล้องกับจำนวนประชากรผู้ป่วยในแต่ละวัน จึงได้มีการพัฒนาหลักสูตรผู้ช่วยพยาบาลขึ้น โดยมีเป้าหมายเพื่อลดภาระหน้าที่ของพยาบาล และสร้างผู้ช่วยพยาบาลที่มีความรู้ ความสามารถ และเจตคติที่ดีในการประกอบอาชีพ ทั้งนี้ การพัฒนาหลักสูตรมุ่งเน้นการเสริมทักษะการเรียนรู้ตลอดชีวิต การทำงานเป็นทีม และการยึดมั่นในมาตรฐานของสภาพยาบาล โดยมีเป้าหมายสำคัญเพื่อสร้างความปลอดภัยและคุณภาพในการดูแลผู้ป่วยอย่างสูงสุด”

ปัจจุบัน โรงเรียนผู้ช่วยพยาบาล คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ดำเนินการเปิดสอนหลักสูตรผู้ช่วยพยาบาลตั้งแต่ปี 2563 โดยเป็นหลักสูตรที่มีระยะเวลาในการศึกษา 1 ปี ซึ่งมุ่งเน้นการพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้และทักษะที่จำเป็นต่อการปฏิบัติงานในด้านสุขภาพ

หน้าที่หลักของผู้ช่วยพยาบาล ได้แก่ การบันทึกข้อมูลผู้ป่วย การช่วยเหลือในการทำหัตถการ การวัดสัญญาณชีพ การดูแลด้านสุขอนามัย เช่น การสระผมให้ผู้ป่วย รวมถึงการช่วยฟื้นคืนชีพ นอกจากนี้ ผู้สำเร็จการศึกษาจากหลักสูตรดังกล่าวยังสามารถต่อยอดไปสู่อาชีพอื่นๆในสายงานสุขภาพได้อีกด้วย ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพในสายวิชาชีพและเพิ่มโอกาสในการประกอบอาชีพในอนาคตอย่างยั่งยืน

รัชนีพร ภัทรปกรณ์ หัวหน้าโรงเรียนผู้ช่วยพยาบาล ได้กล่าวเสริมว่าหลักสูตรผู้ช่วยพยาบาลได้กำหนดการศึกษาออกเป็น 3 ภาคการศึกษา รวมจำนวน 38 หน่วยกิต โดยแบ่งการเรียนการสอนออกเป็น 3 ส่วนหลัก ได้แก่ การเรียนทฤษฎี การฝึกปฏิบัติในห้องฝึกทักษะ และการฝึกปฏิบัติในหอผู้ป่วย

การเรียนการสอนในหลักสูตรผู้ช่วยพยาบาล ประกอบด้วย 3 รูปแบบสำคัญ ได้แก่

1. การเรียนทฤษฎี เน้นการให้ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการช่วยเหลือและดูแลผู้ป่วยในกิจวัตรประจำวัน

2. การฝึกปฏิบัติในห้องฝึกทักษะ มุ่งเน้นการฝึกทักษะพื้นฐาน เช่น การเช็ดตัวผู้ป่วย การวัดสัญญาณชีพ และการปฏิบัติขั้นพื้นฐานอื่น ๆ

3. การฝึกปฏิบัติในหอผู้ป่วย เน้นการปฏิบัติจริงในสถานการณ์การทำงาน เช่น การประเมินสภาพผู้ป่วย การวางแผนการช่วยเหลือ การบันทึกและรายงานข้อมูลผู้ป่วย รวมถึงการพัฒนาทักษะด้านการสื่อสารและการทำงานร่วมกับทีมสุขภาพ”

หลักสูตรดังกล่าวมุ่งหวังให้ผู้ช่วยพยาบาลมีความรู้ ความสามารถ และทักษะที่จำเป็นต่อการปฏิบัติหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งสามารถทำงานร่วมกับทีมสุขภาพได้อย่างมีประสิทธิผล

ภัชราภรณ์ กาลเขว้า นักศึกษาทุนมูลนิธิเอสซีจี (รุ่นปัจจุบัน) ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประสบการณ์การเรียนการสอนในโรงเรียนสอนผู้ช่วยพยาบาล โดยกล่าวถึงความประทับใจและความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจากการเรียนในหลักสูตรผู้ช่วยพยาบาล ได้เรียนรู้และพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง หลักสูตรนี้ไม่เพียงแต่ให้ความรู้ในวิชาชีพ แต่ยังช่วยเสริมสร้างทักษะและความมั่นใจในการประกอบอาชีพในสายงานสุขภาพในอนาคตอีกด้วย

นอกจากนี้ ประสบการณ์ที่ได้รับจากการเรียนในโรงเรียนสอนผู้ช่วยพยาบาล ไม่เพียงส่งเสริมให้ผู้เรียนมีความเชี่ยวชาญในสายงานสุขภาพ แต่ยังเป็นรากฐานสำคัญที่ช่วยเพิ่มโอกาสทางอาชีพ พร้อมทั้งปลูกฝังความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ มูลนิธิเอสซีจีและโรงเรียนผู้ช่วยพยาบาลยังคงมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนเยาวชนไทยให้เติบโตเป็นบุคลากรที่มีคุณภาพ พร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่ และสร้างคุณค่าให้กับสังคมในอนาคตอย่างยั่งยืน