“MASTER” ตั้งเป้าเติบโตไม่ต่ำกว่า20% 4 อันดับศัลยกรรมที่คนนิยมมากสุด

“MASTER” ตั้งเป้าเติบโตไม่ต่ำกว่า20%  4 อันดับศัลยกรรมที่คนนิยมมากสุด

ศูนย์ข้อมูลกสิกรไทย เปิดเผยว่าอุตสาหกรรมศัลยกรรมความงามของไทยมีมูลค่าตลาดประมาณ 71,000-72,000 ล้านบาท ขยายตัวราว 2.3% -3.6% (YoY) ทยอยกลับมาฟื้นตัวภายหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย

KEY

POINTS

  • ปี 2567 MASTER วางแผนเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% วางระบบการจัดการเพื่อให้เป็น High Performance Organization ครอบคลุมทั้งด้าน Cross Border , Cross Selling และ Cross Synergy
  • "ศัลยกรรมจมูก" ยังคงเป็นศัลยกรรมยอดนิยมอันดับ 1 ของคนไทยและชาวต่างชาติ รองลงมาจะเป็น ยกคิ้วดึงหน้า ศัลยกรรมหน้าอก และดูดไขมัน 
  • ก่อนศัลยกรรมควร ศึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ หัตถการเป็นไปตามมาตรฐานทางการแพทย์ ควรเลือกแพทย์ สถานที่ และความสะอาดของโรงพยาบาล

ศูนย์ข้อมูลกสิกรไทย เปิดเผยว่าอุตสาหกรรมศัลยกรรมความงามของไทยมีมูลค่าตลาดประมาณ 71,000-72,000 ล้านบาท ขยายตัวราว 2.3% -3.6% (YoY) ทยอยกลับมาฟื้นตัวภายหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย

ปัจจุบันอุตสาหกรรมศัลยกรรมความงามของไทยยังคงเติบโตแบบต่อเนื่อง ยิ่งเทคโนโลยีทางการแพทย์พัฒนาไปไกลมากขึ้น ย่อมส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้มาใช้บริการ ตอบโจทย์ลูกค้า

ก่อนศัลยกรรมในปัจจุบัน ผู้บริโภคเลือกใช้บริการธุรกิจศักยกรรมและเสริมความงามที่แตกต่างกันออกไป โดยจะพิจารณาจากทั้งผลงานของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ค่าบริการ รสนิยม คุณภาพและมาตรฐานในการให้บริการ รวมถึงผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น สิ่งเหล่านี้ ควรเป็นทางเลือกที่ผู้บริโภคมีต่อการเลือกใช้บริการธุรกิจศัลยกรรมและเสริมความงามที่แตกต่างกันออกไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

รพ.มาสเตอร์พีซ ร่วมส่งต่อความรู้ ในงาน Health & Wealth Expo 2023

อัปเดต 'เทรนด์ดึงหน้า' มาแรง ปี 2024 ย้อนวัยดูเป็นธรรมชาติ

ปี67 ตั้งเป้าเติบโตไม่ต่ำกว่า 20%

“บริษัท มาสเตอร์ สไตล์ จำกัด(มหาชน) หรือ MASTER ในนามโรงพยาบาลมาสเตอร์พีช” หนึ่งในโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านความงาม ที่ได้รายงานผลดำเนินงานประจำปี 2566 มีรายได้จากการประกอบกิจการโรงพยาบาล 1,916.76 ล้านบาท เติบโตจากปี2565 ถึง 30% และมีกำไร 416.30 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนหน้า 38% โดยเป็นการเติบโตในทุกหัตถการ เนื่องจากมีการเพิ่มการใช้ห้องผ่าตัด เพิ่มทั้งกำไร และประสิทธิภาพต้นทุน

“ลภัสรดา เลิศภานุโรจ" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มาสเตอร์ สไตล์ จำกัด (มหาชน) หรือ MESTER ในนามโรงพยาบาลมาสเตอร์พีช กล่าวว่าภาพรวมของตลาดอุตสาหกรรมความงาม มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะผู้คนให้ความสนใจในการดูแลสุขภาพ ความสวยความงามมากขึ้น ซึ่งเทรนด์ความงามของไทยติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลก

หลังจาก MASTER ได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ได้มีการตั้งเป้าก้าวสู่การเป็น Specialty Hospital อันดับ 1 ในเอเชีย ด้วยการชูกจุดแข็งที่ศักยภาพของทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งมีแพทย์แบบFull Time 47 ท่าน และมีการจับมือบริษัทชั้นนำในวงการศัลยกรรมความงาม รวม 15 กิจการ มีสัดส่วนการเข้าลงทุน 36-40% ทำให้มีทีมแพทย์พาร์ทเนอร์ในกลุ่มบริษัท มีจำนวนรวม 138 ท่าน

“MASTER” ตั้งเป้าเติบโตไม่ต่ำกว่า20%  4 อันดับศัลยกรรมที่คนนิยมมากสุด

“ปี 2567 นี้ MASTER วางแผนเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% โดยจะใช้งบการลงทุนที่ไม่ได้แตกต่างไปจากปีที่ผ่านมา พร้อมทั้งมีการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย ได้มาตรฐาน พร้อมทีมแพทย์ที่มาประสบการณ์ และบริการครบวงจร ซึ่งโรงพยาบาลมาสเตอร์พีชให้บริการศัลยกรรมทุกส่วนของร่างกาย ยกเว้นการแปลงเพศ รวมถึงเน้นประเมินการลงทุนอย่างคุ้มค่า การวางระบบการจัดการเพื่อให้เป็น High Performance Organization แบบ MASTER ครอบคลุมทั้งในด้าน Cross Border , Cross Selling และ Cross Synergy”ลภัสรดา กล่าว

จับมือกลุ่มบริษัท 15 ราย ขยายฐานลูกค้า

ลภัสรดา กล่าวต่อว่าหลักแนวทางการขยายโอกาสทางธุรกิจของ MASTER เน้นการเติบโตทั้ง Organic และ Inorganic ด้วยกลยุทธ์แบบ Merger and Partnership (M&P) มาประยุกต์ใช้ โดยวางหลักเกณฑ์ 3 เรื่องในการเข้าพิจารณาลงทุนกับพาร์ทเนอร์ ได้แก่ ซื้อกิจการหรือธุรกิจที่มีเจ้าของเดิมยังบริหารต่อและต้องการเติบโตไปด้วยกัน

รวมถึงเป็นกิจการหรือธุรกิจท้องถิ่น มีชื่อเสียง และความสัมพันธ์ที่ดีต่อพื้นที่นั้นๆ ซึ่งต้องมีการทำงานร่วมกัน (Synergy) ระหว่างธุรกิจกับโรงพยาบาลมาสเตอร์พีช โดยเชื่อมั่นว่าทุกดีลที่เกิดขึ้นจะสนับสนุนให้ MASTER เติบโตอย่างยั่งยืนแน่นอน

ปัจจุบัน MASTER ได้จับมือกับพาร์ทเนอร์ในกลุ่มบริษัทรวม 15 ราย สนับสนุนโอกาสในการผนึกกำลังสร้างโอกาสทางธุรกิจร่วมกัน สัดส่วนการเข้าลงทุน 36-40% แบ่งได้ดังนี้

  • Cross Border ได้แก่ Wind Clinic ,TYP และ AURORA Clinic(ขยายฐานลูกค้าต่างชาติ ที่จังหวัดสุราษฏร์ธานี และเกาะสมุย เพิ่มฐานลูกค้าในกลุ่ม Medical Tourism)
  •  Cross Selling ได้แก่ Rattinan ,Dr.Chen, The Skin Clinic (Hair), EGQ ,เชียงใหม่ เนิร์สซิ่งโฮม ,V Square ,กรวิน& รณภีร์ S 45 และ ME CENTER (ธุรกิจเฉพาะทางด้านจิตเวช จะขยายเป็นโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านจิตเวชในอนาคต)
  • Cross Synergy ได้แก่ KIN Crop.,Twinkle Star และAescode

เล็งเปิดรพ.ดูแลจิตใจ และผู้สูงอายุ

โลกของเรามีประชากรราว 7.6 พันล้านคน และมีคนเป็นโรคซึมเศร้าถึง 300 ล้านคน หรือเกือบ 4% ส่วนในคนไทย พบว่ามีผู้ป่วยโรคซึมเศร้าถึง 1.5 ล้านคน หรือ 2.2% ของคนไทยทั้งหมด 69 ล้านคน และน่าตกใจว่าคนไทยฆ่าตัวตายสำเร็จถึง 4,000 คนต่อปี ซึ่งสาเหตุสำคัญของการฆ่าตัวตายมาจากโรคซึมเศร้า

ลภัสรดา กล่าวต่อไปว่าด้วยจำนวนผู้ป่วยภาวะซึมเศร้ามากขึ้นถึง 2 และประเทศไทยการก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ ทางMASTER จึงมีแนวคิดที่จะเปิดโรงพยาบาลเฉพาะทางที่ดูแลจิตใจให้แก่คนไทย และดูแลผู้สูงอายุ ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าจะสร้างโรงพยาบาล หรือสถานพยาบาลในการดูแลผู้ป่วย 50 ห้องให้บริการดูแลครบวงจร ในราคาที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้

“ตอนนี้ผู้คนมีปัญหาเรื่องของสุขภาพกาย และสุขภาพใจจำนวนมาก โดยเฉพาะภาวะซึมเศร้า ซึ่งแม้จะไม่ได้เป็นโรคร้ายแต่เป็นสาเหตุที่ทำให้ใครหลายๆ คนสามารถฆ่าตัวตายได้ แนวคิดในการสร้างโรงพยาบาลเฉพาะทางดูแลจิตใจ และดูแลผู้สูงอายุ ถือเป็นCSR ของ MASTER เพราะการทำธุรกิจไม่ใช่หวังเพียงผลกำไรเท่านั้น แต่ต้องทำให้ผู้คนมีสุขภาพกาย สุขภาพใจที่ดีขึ้น” ลภัสรดา กล่าว

4 อันดับศัลยกรรมคนนิยมมากสุด

ลภัสรดา กล่าวอีกว่า สำหรับ 4 อันดับศัลยกรรมที่คนนิยมมาใช้บริการมากสุดในโรงพยาบาลมาสเตอร์พีช ได้แก่

อันดับ 1 ศัลยกรรมจมูก

อันดับ 2 ยกคิ้วดึงหน้า

อันดับ 3 ศัลยกรรมหน้าอก

อันดับ 4 การดูดไขมัน

ส่วนศัลยกรรมตา หรือการฉีดฟิลเลอร์ โบท็อกซ์ ได้รับความนิยมใกล้ๆ กัน โดยทุกการศักยกรรมจะมีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำแนะนำ ดูแล และจะมีเครื่องมือเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อช่วยให้ทุกคนดูดีขึ้น หล่อขึ้น สวยขึ้น

ขณะนี้ราคาศัลยกรรมในประเทศไทย และเกาหลีไม่ได้แตกต่างกันมาก ซึ่งของไทยจะราคาถูกกว่า เนื่องจากไม่ต้องจ่ายค่าเดินทาง หรือพักฟื้น บางหัตถการสามารถทำให้แล้วเสร็จภายในวันเดียว และกลับบ้านได้ ทำให้ไม่ต้องเสียค่าใช่จ่ายเพิ่มในส่วนอื่นๆ แต่ถ้ามองถึงเรื่องความเชี่ยวชาญ ชำนาญ ไม่ได้แตกต่างกัน เพียงแต่เป็นความชอบของแต่ละบุคคล

“การทำศัลยกรรม เป็นการทำให้ตัวเองดูดีขึ้น สวยหล่อมากขึ้น ซึ่งก่อนจะทำศัลยกรรม อยากแนะนำ ให้ศึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และหากทำหัตถการเกิน 1 ชั่วโมงต้องเป็นไปตามมาตรฐานทางการแพทย์ ควรเลือกแพทย์ สถานที่ และความสะอาดของโรงพยาบาล คลินิกในการทำ เพื่อป้องกันการติดเชื้อ เพราะการทำศัลยกรรมเพื่อความสวยความงาม ทำแล้วควรสวยขึ้น ไม่อันตราย และอย่าเลือกตามราคาถูกเพียงอย่างเดียว” ลภัสรดา กล่าวทิ้งท้าย