ออกกำลังกาย : สุขภาพแข็งแรง+อายุยืน (ตอนที่ 4)

ออกกำลังกาย : สุขภาพแข็งแรง+อายุยืน (ตอนที่ 4)

งานวิจัยตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์นานาชาติ ยืนยันว่า การออกกำลังกายคือ ยาวิเศษ ทำให้ร่างกายแข็งแรง ช่วยป้องกันโรคต่างๆ และลดความเสี่ยงจากการเสียชีวิตได้มากกว่ายาอื่นๆ ทุกประเภทอย่างที่เทียบกันไม่ติด

งานวิจัยชิ้นแรกที่ขอนำเสนอคือ งานวิจัยตีพิมพ์เมื่อปี 2018 ที่ติดตามผู้ป่วยที่สถานพยาบาล 122,007 คน อายุเฉลี่ย 53.4 ปี ในช่วง 191-2014 โดยวัดความแข็งแรงของระบบทางเดินหายใจ (cardiorespiratory fitness) จากการวิ่งลู่วิ่ง (treadmill) แบ่งออกเป็น 5 กลุ่มคือ

  1. ต่ำสุด (<25%)
  2. ต่ำกว่าเฉลี่ย (25-49%)
  3. สูงกว่าเฉลี่ย (50-74%)
  4. สูงมาก (75-97.6%)
  5. สูงเป็นเลิศ (Elite) (≥97.6%)

ผลสรุปของงานวิจัยนี้ปรากฏในตารางด้านล่าง

ออกกำลังกาย : สุขภาพแข็งแรง+อายุยืน (ตอนที่ 4)

ตารางนี้ต้องใช้เวลาทำความเข้าใจดังนี้ครับ

1.ส่วนแรกของตารางที่เขียนว่า Comorbidities แปลว่าความเสี่ยงของการเสียชีวิตเพราะโรคไม่ติอต่อหลักๆ คือ เสียชีวิตจากการสูบบุหรี่ การเป็นโรคหัวใจ (CAD) โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง (hypertension) และโรคไตขั้นสุดท้าย (ESRD)

ตัวอย่างเช่น คนที่สูบบุหรี่จะมีความเสี่ยง (Hazard Ratio หรือ HR) ที่ 1.41 แปลว่า หากคุณสูบบุหรี่ คุณจะมีความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตมากกว่าคนที่ไม่สูบบุหรี่ (ในทุกๆ อายุ) 41%

ในกรณีของการเป็นโรคเบาหวาน (diabetes) ความเสี่ยงของคุณจะเพิ่มขึ้น 40% ซึ่งผมมีข้อสังเกตุว่า หลายคนคงนึกไม่ถึงว่า การเป็นโรคเบาหวานนั้น อันตรายต่อชีวิตไม่แพ้การสูบบุหรี่

2.แต่จะเห็นได้ว่า การเป็นโรคไตขั้นสุดท้าย (end-stage renal disease) นั้นเพิ่มความเสี่ยงมากถึง 178% (2.78-1.00 = 1.78)

ตัวอย่างเช่น มหาเศรษฐีของอินเดียนาย Rakesh Jhunjhunwala ที่ร่ำรวยมีทรัพย์สินมากถึง 5.8 พันล้านเหรียญ (โดยเริ่มจากการลงทุน 420 เหรียญ) เสียชีวิตลงเมื่อเดือนสิงหาคม 2022 (อายุ 62 ปี) เพราะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลันในระหว่างการฟอกไตและเป็นโรคเบาหวาน

3.แต่ส่วนที่หลายคนน่าจะนึกไม่ถึงคือ ความสำคัญของการออกกำลังกายให้ร่างกายแข็งแรง ในการช่วยลดความเสี่ยงจากการเสียชีวิตจากทุกสาเหตุลงได้อย่างมาก

ดังที่ปรากฏในส่วนล่างของตารางที่สรุปผลได้ดังนี้

ออกกำลังกาย : สุขภาพแข็งแรง+อายุยืน (ตอนที่ 4)

3.1.บรรทัดแรกที่เขียนว่า Low vs Elite คือการเปรียบเทียบคนที่ร่างกายมีความฟิตต่ำสุด เทียบกับคนที่มีความฟิตสูงเป็นเลิศนั้น มี HR สูงถึง 5.04 แปลว่าคนที่มีความฟิตต่ำสุด มีความเสี่ยงจะเสียชีวิตมากกว่าคนที่มีความฟิตเป็นเลิศถึง 404% หรือเป็นความเสี่ยงมากกว่าการสูบบุหรี่ถึง 10 เท่าตัว

3.2.ส่วนที่ผมตีกรอบเอาไว้คือ Low vs Above Average และ Low vs Below Average เป็นการแสดงให้เห็นว่า การออกกำลังกายเป็นประจำเพิ่มขึ้นไม่มากนัก เพื่อขยับความฟิตของตัวเองให้เพิ่มขึ้นเล็กน้อย จะให้ผลตอบแทนสูงมากในการลดความเสี่ยงจากการเสียชีวิต เช่น จากต่ำสุด (low) มาเป็นต่ำกว่าเฉลี่ย (below average) จะลดความเสี่ยลงได้มากถึง 95%

ส่วนคนที่พยายามเพิ่มความฟิตอีก เพื่อให้มีความฟิตสูงกว่าเฉลี่ยจากเดิมต่ำสุด จะลดความเสี่ยงจากการเสียชีวิตลงไปถึง 175% (ผมน่าจะอยู่ในกลุ่มนี้หากเปรียบเทียบตัวเองในวันนี้จาก 10 ปีที่แล้ว)

ออกกำลังกาย : สุขภาพแข็งแรง+อายุยืน (ตอนที่ 4)

3.3.จะเห็นได้ว่า การเพิ่มความฟิตของร่างกายนั้น มีแต่ได้กับได้ประโยชน์ เช่น การเพิ่มความฟิตจากสูงมาก (High) เป็นสูงเป็นเลิศ (Elite) ก็จะยังทำให้ความเสี่ยงลดลงได้อีก 29% ทั้งนี้พบว่า ผลดังกล่าวมีได้แม้ในกลุ่มคนที่อายุ 70 ปีหรือมากกว่านั้น ซึ่ง 29% ที่ว่านี้เท่าเทียมกับความเสี่ยงเป็นโรคหัวใจ

อีกงานวิจัยหนึ่งที่ตีพิมพ์ใน Journal of the American College of Cardiology เมื่อเดือนสิงหาคม 2022 โดยติดตามทหารผ่านศึกสหรัฐทั้งชายและหญิง 750,302 คน อายุ 30-95 ปีเป็นเวลาเฉลี่ย 10.2 ปี โดยวัดความฟิตของร่างกายโดยปริมาณการใช้ออกซิเจนสูงสุด (Vo2 max) มีข้อสรุปดังนี้

  • กลุ่มคนที่มีความฟิตต่ำสุด (กลุ่ม 20% ต่ำสุด) มีความเสี่ยงจะเสียชีวิตมากกว่ากลุ่มคนที่มีความฟิตเป็นเลิศสูงสุด (กลุ่ม Top 2%) สูงถึง 309%
  • หากปรับตัวทำให้ร่างกายฟิตขึ้นมาเป็นกลุ่มที่มีความฟิตระดับปานกลาง (moderate) ก็จะมีความเสี่ยงมากกว่ากลุ่มที่ฟิตเป็นเลิศ 113% แปลว่าลดความเสี่ยงจากตอนที่มีความฟิตต่ำสุดเกือบ 200% กล่าวคือ การออกกำลังกายให้ร่างกายฟิตขึ้นไม่มาก ก็จะช่วยให้สุขภาพดีขึ้นได้อย่างมาก
  • งานวิจัยชิ้นนี้เปรียบเทียบความเสี่ยงจากการเป็นโรคไม่ติดต่อต่างๆ เช่นกัน เช่น การสูบบุหรี่จะทำให้ความเสี่ยงจากการเสียชีวิตเพิ่มขึ้น 40% การเป็นโรคเบาหวานความเสี่ยงจากการเสียชีวิตเพิ่มขึ้น 34%  จากการเป็นโรคมะเร็งเพิ่มขึ้น 33% และจากการมีอายุมากเพิ่มขึ้นเพียง 6%

แปลว่าความเสี่ยงสูงสุดของการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรคือ การปล่อยให้ร่างกายไม่แข็งแรง ดังนั้น จึงขอให้ทุกคนออกกำลังกายเป็นประจำเหมือนกับการกินอาหารเป็นประจำทุกวันครับ