ส่องโอกาสทางธุรกิจ 'สุขภาพและการแพทย์' ปี 2024

ส่องโอกาสทางธุรกิจ 'สุขภาพและการแพทย์' ปี 2024

ส่องโอกาสทางธุรกิจ 'สุขภาพและการแพทย์' ปี 2024 Medical Hub ดึงดูด Medical Tourism ปี 2023 คาดสร้างรายได้ 2,900 ล้านดอลลาร์ พร้อม 5 โอกาสทางธุรกิจ Wellness ครอบคลุมบริการ สินค้า และที่อยู่อาศัย

Key Point :

  • เทรนด์การดูแลสุขภาพ รวมถึงนวัตกรรมเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ก้าวหน้า ส่งผลให้คนหันมาใส่ใจสุขภาพ ป้องกันก่อนเกิดโรคมากขึ้น 
  • ขณะเดียวกัน การที่ไทยผลักดันสู่ Medical Hub ยังดึงดูด Medical Tourism ให้เดินทางเข้าประเทศ ซึ่งเป็นกลุ่มที่ใช้จ่ายมากกว่านักท่องเที่ยวทั่วไป 3-5 เท่า
  • นอกจากนี้ ธุรกิจ Wellness ยังเป็นอีกหนึ่งโอกาสมากกว่าการแพทย์ 10 เท่า เพราะไม่ใช่แค่การแพทย์เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงสินค้า บริการ ที่อยู่อาศัยต่างๆ อีกด้วย

 

ประเทศไทยมีการผลักดันสู่ศูนย์กลางทางการแพทย์ (Medical Hub) ของโลก ขณะที่ Medical Tourism ทำรายได้ให้กับประเทศไทยมหาศาล ในปี 2019 มีผู้ที่เดินทางมารักษาตัวและใช้จ่ายในประเทศไทย 2,600 ล้านดอลลาร์ ในปี 2020 ที่เกิดโควิด-19 ลดลงราว 900 ล้านดอลลาร์ และ ปี 2021 ลดลงมา 8 ล้านดอลลาร์ แต่ตั้งแต่ปี 2022 เป็นต้นมา ขึ้นมาเป็น 2,400 ล้านดอลลาร์ ล่าสุด ปี 2023 คาดการณ์ว่าอย่างน้อยไทยจะมีรายได้ 2,900 ล้านดอลลาร์ โดยเฉลี่ย Medical Tourism จะใช้จ่ายมากกว่านักท่องเที่ยวทั่วไป 3 – 5 เท่า

 

ศ.เกียรติคุณ ดร.นพ.สมอาจ วงษ์ขมทอง ประธานคณะกรรมการ หลักสูตรโอกาสธุรกิจสุขภาพและการแพทย์สำหรับผู้บริหารระดับสูง (WHB) กล่าวถึง ‘โอกาสทางธุรกิจสุขภาพและการแพทย์’ ภายในงาน Health & Wealth Expo 2023 จัดโดย เนชั่น กรุ๊ป โดยระบุว่า ปี 2024 นับเป็นโอกาสทองของประเทศไทยและธุรกิจสุขภาพการแพทย์ เพราะ สุขภาพและการแพทย์เกี่ยวข้องกับคนตั้งแต่เกิดจนเสียชีวิต ประเทศไทยมีนวัตกรรมเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ครบครัน ส่วนหนึ่งมาจากรายได้จาก Medical Tourism ดังนั้น Medical Tourism เป็นโอกาสดีมากของไทย และโอกาสนี้จะต่อเนื่องต่อไป

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง 

 

 

โอกาสไทยรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ

สำหรับประเทศที่เป็นโอกาสของไทย คือ ตะวันออกกลาง ซึ่งขณะนี้กลับมาหมดแล้ว นอกจากนี้ ยังมี Medical Tourism จากประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ เมียนมา กัมพูชา รวมถึง ญี่ปุ่น เอธิโอเปีย และ จีนที่หันมาสนใจเมืองไทย คนจีนจำนวนมากนิยมตรวจสุขภาพ รักษามีบุตรยาก

 

ไทยในปี 2019 เป็นประเทศที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมารักษาตัวมากที่สุด ซึ่งตอนนี้เทรนด์กลับมา และไม่มีท่าทีว่าจะลดน้อยลง ปัจจุบัน ในประเทศไทยมีโรงพยาบาลที่ได้รับการรับรองจาก Joint Commission International (JCI) อย่างน้อย 70 แห่ง ดังนั้น ถือว่ามีความพร้อมเต็มที่ในเรื่องของ Medical Tourism

 

เทคโนโลยีการแพทย์ ดันโอกาสธุรกิจ

ศ.เกียรติคุณ ดร.นพ.สมอาจ กล่าวต่อไปว่า โอกาสทางการแพทย์ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ Medical Tourism เพียงอย่างเดียว เพราะในช่วงหลัง เรื่องของเทคโนโลยีทางการแพทย์ เทคโนโลยีชีวภาพพัฒนาไปมาก เราจะได้ยินคำว่า 'การตรวจยีน การตรวจพันธุกรรม' สมัยก่อนแทบจะเป็นไปไม่ได้ เพราะยุ่งยากซับซ้อนใช้เงินมากเป็นหลักล้าน แต่ปัจจุบันเริ่มตั้งแต่ 7,000 บาท สามารถตรวจได้มากกว่า 20,000 ยีน

 

อีกทั้ง มีเรื่องของ ‘การแพทย์แม่นยำ หรือการแพทย์เฉพาะบุคคล’ พอตรวจยีนได้ ก็จะรู้ว่าแต่ละคนมีข้อบกพร่องอย่างไร แพ้อาหารหรือไม่ แพ้ยาตัวใด ผลข้างเคียงของยา จากการตรวจยีนจะรู้ว่าควรให้ยาเท่าไร และมีประโยชน์หรือไม่ แต่สิ่งสำคัญที่สุดที่มาแรงมาก คือ ‘เวชศาสตร์ชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ’ และสิ่งที่ฮือฮามากที่สุด คือ การค้นพบ กลไกต้นน้ำแห่งความชรา และความเสื่อมของเซลล์ ซึ่งเป็นปัจจัยเบื้องต้นที่นำไปสู่การเป็นโรคสมองเสื่อม โรคมะเร็ง โรคหัวใจ และหลอดเลือด โรคเบาหวาน และโรคกล้ามเนื้อลีบทั่วร่างกายและอื่นๆ

 

 

"ปัจจุบันมีการค้นพบ เทโลเมียร์ ดีเอ็นเอ เซลล์ต้นกำเนิด ค้นพบต้นน้ำที่เป็นปัจจัยเบื้องต้นที่นำไปสู่โรคต่างๆ รวมกับปัจจัยส่วนบุคคล ก่อให้เกิดโรคสมองเสื่อม มะเร็ง เบาหวาน ฯลฯ" นับเป็นความท้าทายทางการแพทย์

 

โอกาสธุรกิจ Wellness

ขณะเดียวกัน เรื่องของ Wellness เป็นภาวะที่ไม่เจ็บ ไม่ป่วย ไม่เป็นโรค หลังโควิด-19 คนตระหนักแล้วว่าการมีภูมิต้านทานที่ดีจะช่วยป้องกันความรุนแรงของโรค โอกาสของธุรกิจ Wellness มากกว่าการแพทย์ 10 เท่า โดยในปี 2024 ธุรกิจที่น่าสนใจ มีด้วยกัน 5 ประเด็น ดังนี้

 

Wellness Clinic สมัยก่อนคลินิกรักษาโรค แต่มีคนจำนวนมากที่ต้องการตรวจสุขภาพ ต่อไปจะเห็น Wellness Clinic เกิดขึ้นเป็นดอกเห็ด ในโรงพยาบาลมีศูนย์ Wellness ที่ตรวจสุขภาพเชิงลึก เซลล์ปกติหรือไม่ มีภูมิต้านทานที่เหมาะสมหรือไม่ หรือขาดวิตามิน แคลเซียมหรือไม่

 

Wellness Retreat & Retreat Resort ชาวต่างประเทศที่มีความรู้ เวลาไปท่องเที่ยวเขามาเที่ยวและฟื้นฟูสภาพร่างกายด้วย ดังนั้น ต้องมีสถานที่ที่เขาได้ฟื้นฟูร่างกายโดยยอมจ่ายเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะอาหาร ออกกำลังกาย ดูแลสภาพจิตใจ

 

Wellness Tourism ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่วงการธุรกิจใหม่ จากที่ประสบความสำเร็จในเรื่องของ Medical Hub ตอนนี้กำลังปรับตัวสู่ศูนย์กลางสุขภาพและการป้องกัน ซึ่งในส่วนนี้เรียกว่า Wellness Tourism โดยประเทศจีน นับเป็นโอกาสมหาศาล ข้อมูลจาก GWI เผยว่า ในปี 2021 มองว่า ประเทศไทย และ ญี่ปุ่น เป็นประเทศที่คนจีนต้องการเดินทางมามากที่สุด และไทยได้เปรียบในเรื่องของ Wellness ดังนั้น Wellness Tourism จากจีนจะเดินทางมาไทยมหาศาล

 

Wellness Product ผลิตภัณฑ์ที่ส่งเสริมให้สุขภาพดีที่ไม่ต้องพึ่งแพทย์ มีทั้งเรื่องของอาหาร เครื่องดื่ม วิตามิน อาหารเสริม อาหารแห่งอนาคต และอาหารเป็นยา โภชนเภสัช การดูแลตัวเอง

 

Wellness Hotel & Wellness Real Estate มีโรงแรงต่างๆ ทยอยอัปเกรดเป็น Wellness Hotel อสังหาริมทรัพย์ต่างๆ กำลังเปลี่ยนตัวเองจากที่อยู่อาศัยธรรมดา เป็น Wellness Real Estate ยกตัวอย่าง บีดีเอมเอส เวลเนส คลินิก ได้มีการจัดตั้งในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา นอกจากการลงทุนทางโรงพยาบาลแล้ว ยังลทุนในเรื่องของเวลเนสคลินิก ถนนวิทยุ ถือเป็นต้นแบบที่กำลังจะกระจายทั่วประเทศไทย และ Wellness Retreat เช่น ชีวาศรม ที่หิวหิน ซึ่งมีการเติบโตและได้รับการจัดอันดับให้เป็นสถาน Retreat ที่ดีที่สุดในโลกแทบทุกปี

 

Digital Health & Telemedicine

ศ.เกียรติคุณ ดร.นพ.สมอาจ กล่าวต่อไปว่า เรื่องของดิจิทัล อุปกรณ์ต่างๆ ทำให้เราได้รับข้อมูลสุขภาพ เช่น การเต้นของหัวใจ การนอนหลับ การออกกำลัง และสามารถใช้ข้อมูลในการปรึกษาแพทย์ และต่อไปจะมี Digital Hospital โรงพยาบาลที่รับปรึกษาโรคทางอินเทอร์เน็ต ซึ่งเกิดขึ้นแล้วในประเทศจีนและหลายๆ ประเทศ เป็นเรื่องที่ไม่ไกลเกินไป

 

อีกเรื่องที่สำคัญ คือ สังคมสูงวัย ในปี 2022 ประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ โดยมีประชากรผู้สูงอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป ราว 12.3 ล้านคน คิดเป็น 20% ของไทย หรือคิดเป็น 1 ใน 5 และจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่อโครงสร้างประชากรเปลี่ยน ทำให้เกิดธุรกิจต่างๆ ที่เกิดขึ้น เรียกว่าโอกาสธุรกิจในสังคมสูงวัย ได้แก่

  • ศูนย์ดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ
  • อุปกรณ์สำหรับผู้สูงอายุใช้งาน
  • ที่พักอาศัยสำหรับผู้สูงอายุ
  • ธุรกิจเนอร์สซิงโฮมส์
  • Retirement Hub รองรับสูงวัยที่เกษียณอายุหนีหนาวจากต่างประเทศ