เปลี่ยนตัวเองให้ดีกว่าเดิม! สตาฟความหนุ่มสาว สต็อปความแก่

เปลี่ยนตัวเองให้ดีกว่าเดิม! สตาฟความหนุ่มสาว สต็อปความแก่

'สุขภาพดีมีชัยไปกว่าครึ่ง' ประโยคนี้เรียกได้ว่าเป็นความจริงที่สุด เพราะถ้าเรามีสุขภาพกาย สุขภาพใจที่ดี เราจะสามารถทำอะไรได้หลายอย่าง

Keypoint:

  • อายุเป็นเพียงตัวเลข อยากสุขภาพดี มีชีวิตที่ยืนยาว ต้องดูแลสุขภาพตั้งแต่ตอนนี้ เริ่มทันที ไม่ว่าจะเป็นเด็ก หนุ่มสาว หรือผู้สูงอายุ
  • BDMS พร้อมดูแล- รักษา- ป้องกันโรคให้คนไทยและต่างชาติ ได้มีสุขภาพกาย ใจที่ดี และlongevity
  • 6 Pillars of Lifestyle Medicine กินดี นอนดี ออกกำลังกาย งดบุหรี่งดแอลกอฮอล์ สุขภาพจิตดี และครอบครัวที่ดี/สังคมที่ดี ทำให้สุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืน

ใครๆ ก็อยากมี ‘สุขภาพดี อย่างยั่งยืน’ ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ จะกิน เดิน เที่ยว ทำงาน หรือทำอะไรต่างๆก็ทำได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องคอยห่วงเรื่องสุขภาพ ไม่ต้องคอยกังวล อาหารการกิน การกินยารักษาโรคต่างๆ สุขภาพที่ดีนั้นไม่ใช่แค่การมีสุขภาพกายที่ดี ต้องมีสุขจิตที่ดีด้วย

วันสุดท้ายของการจัดงานประชุมวิชาการ ‘BDMS ACADEMIC ANNUAL MEETING 2023’ ระหว่างวันที่ 30 ตุลาคม ถึง 3 พฤศจิกายน 2566 ณ BDMS Connect Center อาคารศูนย์ประชุมแห่งใหม่ของเครือฯ โดยจะจัดขึ้นทั้งในรูปแบบของ Onsite และ Online ภายใต้แนวคิดหลัก ‘A Road to Lifelong Well-Being’ จัดโดย บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS

นายอัฐ ทองแตง ประธานคณะบริหาร กลุ่ม5 บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) (BDMS)  กล่าวใน หัวข้อ : Panel discussion: A journey to longevity ว่าการเดินทางในบางครั้ง อาจจะไม่ได้มีถนนหนทางให้เราใช้ เราอาจต้องปีนขึ้นเขา หรือดำน้ำ เช่นเดียวกับการดูแลสุขภาพที่ต้องมีรูปแบบที่หลากหลาย 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

หูไม่ดี นอนน้อย-มากเกินไป เสี่ยง 'อัลไซเมอร์' โรคที่ไม่ใช่หลงๆลืมๆ

ดูแล 'สูงวัย'เมื่อพลัดตกหกล้ม เรื่องไม่เล็กที่ต้องเฝ้าระวัง

 

ดูแล-ป้องกัน ให้ทุกคนมีชีวิตยืนยาวอย่างมีสุขภาพที่ดี 

นายอัฐ  กล่าวต่อว่าความเป็นโรงพยาบาล คือ การรักษาโรค หากจะทำในเรื่องของการทำให้ผู้คนสุขภาพดี มีอายุที่ยืนยาว longevity  ต้องดูว่ามีส่วนไหนบ้างที่โรงพยาบาลสามารถเข้าไปมีส่วนร่วมได้ สิ่งที่มองเห็นขณะนี้ จะมีอยู่ 2 ส่วนหลักๆ  คือ ขยายบทบาทของการเป็นผู้ที่ให้การดูแลรักษาแบบ longevity ให้มากขึ้น โดยดำเนินการใน 2 ด้าน คือ

ด้านแรก ตลาดเช็กอัพ (Check up) การตรวจสุขภาพ เป็นส่วนที่ผู้คนเดินเข้ามาโรงพยาบาลในตอนไม่ป่วย หรือป่วย และได้มาสัมผัสมีโอกาสได้ให้ข้อมูล หรือคำแนะนำแก่ผู้ป่วย หรือผู้คนในขณะที่ไม่ป่วย

เปลี่ยนตัวเองให้ดีกว่าเดิม! สตาฟความหนุ่มสาว สต็อปความแก่

ด้าน 2 ตลาด Corporate ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่และเป็นอนาคตของประเทศ เพราะจากการศึกษาข้อมูลทางวิชาการ พบว่า หากอยากจะให้ผู้คนสุขภาพดีต้องเริ่มจากการสร้างวัฒนธรรม หรือมีเพื่อนร่วมกันดูแลสุขภาพ ผลที่จะออกมาจะประสบความสำเร็จมากกว่าทำคนเดียว ดังนั้น Corporate หรือองค์กร จึงเป็นหนึ่งส่วนที่จะสร้างสุขภาพที่ดีให้แก่คนได้ และโรงพยาบาลในเครือ BDMS มีกลุ่มลูกค้าองค์กรที่ตรวจสุขภาพจำนวนมาก

“เรามาตั้งคำถามว่า เราจะทำอะไรได้บ้างในแง่ของ longevity  หรือเส้นทางที่จะเข้าไปดูแลผู้คนในเชิง Prevention  (ป้องกัน) มีนำเครื่องมือ เทคโนโลยีเข้าไปช่วยป้องกันให้ผู้คนมีสุขภาพที่ดี อายุยืน”

 

เปลี่ยนจาก Check up กลายเป็น Health solution

ทั้งนี้ ในส่วนของ Corporate ทางโรงพยาบาล BDMS  ได้จัดโครงการ Occupation Medicine และร่วมมือกับทาง สถาบันการศึกษาทางการแพทย์แห่งรัฐโอเรกอน สหรัฐอเมริกา (Oregon Health & Science University-OHSU) ในการสำรวจ Let's Get Healthy (LGH) ที่มีข้อบ่งชี้เป็นประโยชน์อย่างมาก คือ  Health Risk  การประเมินสุขภาพขององค์กร เมื่อได้ผลประเมิน จะทำให้เกิดเรื่องของ innovation program ซึ่งมีกิจกรรมที่สามารถนำมาใช้ให้กับองค์กรได้ องค์กรทั่วไปมีความสนใจเรื่องสุขภาพมากขึ้น แต่อาจจะไม่สามารถประเมินได้ สิ่งที่ BDMS ดำเนินการ คือ การวางแผนการดูแลสุขภาพของคนในองค์กร การประเมินได้อย่างเหมาะสม

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน ‘BDMS’ เปลี่ยนจากเรื่องของการ Check up Corporate มากลายเป็น Health solution ในการสร้าง Health  Culture ให้แก่องค์กร  และการจะเดินทางไปสู่ longevity ได้ ต้องเดินหน้าไปด้วยกัน และโรงพยาบาลจะต้องมีส่วนช่วยถ่ายทอดความรู้ไปสู่ผู้ป่วย และผู้คนให้มากที่สุด

เปลี่ยนตัวเองให้ดีกว่าเดิม! สตาฟความหนุ่มสาว สต็อปความแก่

ดูแลสุขภาพอย่างเป็นระบบ รั้งสุขภาพให้กลับมาดีกว่าเก่า

นายณรงค์ฤทธิ์ กาละพุฒ ประธานคณะบริหาร กลุ่ม7.1 BDMS และกรรมการผู้จัดการ บริษัท เนชั่นแนล เฮลท์แคร์ ซิสเท็มส์ (N Health) กล่าวว่า ปัจจุบันมีนวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้ามามีส่วนเกี่ยวกับการป้องกัน รักษา ดูแลสุขภาพมากขึ้น และใช้องค์ความรู้หลายๆ ด้านเข้าด้วยกัน ซึ่งการใช้  Biomarker หรือสารเคมีหรือค่าจากการตรวจใดๆก็ตามที่เราตรวจวัดจากร่างกายของคนทำงาน ในการตรวจสุขภาพและสถานะของร่างกายตามขอบเขตของนักเทคนิคการแพทย์ สามารถตรวจได้ทุกส่วนของร่างกาย  และลงลึกในเรื่องการตรวจสุขภาพได้

"Human Aging and Multifactorial Process ของคนเรา จะเริ่มด้วยการเป็นทารก เด็ก  วัยรุ่น จบการศึกษา วัยทำงาน เก็บเงิน และผู้สูงอายุ ซึ่งถ้าเป็นการเดินทางวัยผู้สูงอายุ เสมือนกับการเดินลงเข้า แต่การจะชะลอให้การเดินลงเขา หรือการป่วย ความแก่ให้ช้าลง การทำ  Prevention คงอาจไม่เพียงพอ แต่จะต้องเข้าไปถึงกระบวนการ Intervention  (การแทรกแซง) การใช้ชีวิต การดูแลสุขภาพอย่างเป็นระบบด้วยข้อมูลและเทคโนโลยีจำนวนมาก เพื่อให้สุขภาพยืนยาว หรือรั้งสุขภาพให้กลับมาดีกว่าเก่า"

ทำอย่างไรให้กลายเป็นผู้มีสุขภาพดีแม้อายุมากขึ้น

การดูแลสุขภาพ ควรจะเริ่มตั้งแต่อายุยังน้อยๆ แต่หากตอนนี้วัยล่วงเลยมาถึงเลข 3 หรือ เลข 4 แล้ว ควรจะดูสุขภาพก่อนอายุ 40 ปี หรืออายุ 40 ปี และต้องดูแลอย่างต่อเนื่อง เพื่อชะลอความแก่ สตาฟความหนุ่มยาว และสต็อปความแก่ 

'N Health'  พร้อมให้การดูแลเรื่องของสุขภาพอย่างมาก โดยให้บริการโรงพยาบาลทั้งภาครัฐและเอกชนให้เข้าถึงบริการห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ในด้านต่างๆ ทั้งการวินิจฉัยโรค (Diagnosis) การให้ข้อมูลเพื่อสนับสนุนการดูแลรักษา (Treatment & Prognosis) การป้องกันโอกาสและความเสี่ยงต่อการเกิดโรค (Risk Assessment & Preventive) ครอบคลุมทุกการตรวจวิเคราะห์ราว 200 ล้านตัวอย่างต่อปี หรือราว 40,000 ตัวอย่างต่อวัน รวมไปสามารถเชื่อมโยงข้อมูลกับสาขาต่างๆ กว่า 70 สาขาทั่วประเทศ 

Preventive Medicine ป้องกันสุขภาพก่อนป่วย

นพ.ตนุพล วิรุฬหการุญ ประธานคณะผู้บริหาร บีดีเอ็มเอส เวลเนส คลินิก กล่าวว่า อาคารศูนย์ประชุมแห่งใหม่ BDMS Connect Center เป็นอาคารรักษ์โลก ซึ่งพรมในห้องประชุมสร้างจากขวดพลาสติก ประมาณ 1.2 แสนขวด  ใช้ทุกระบบเพื่อรักษ์โลก โดยเรื่องของสุขภาพที่ดี อย่ายั่งยืนนั้น สิ่งที่ก้าวกระโดดมากในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา คือ เรื่องของพันธุกรรม ว่าใครแพ้อาหาร หรือแพ้สารอะไร และผู้ที่มาตรวจ ทั้งคนสมัยใหม่ และวัยรุ่นรักสุขภาพมากขึ้น

เพราะฉะนั้น การให้คนไข้มารักสุขภาพแต่ไม่มีตัวชี้วัด ไม่ต่างอะไรกับการเรียนหนังสือแต่ไม่มีสอบ เด็กจะไม่อ่านหนังสือ แต่พอมีตัวชี้วัดที่พัฒนาแบบก้าวกระโดดจาก N Health  ถือเป็นอาวุธสำคัญใน Medical Wellness หรือการรณรงค์ให้ชาวไทยและต่างชาติรักสุขภาพต้องมีตัวชี้วัด

"โรงพยาบาลคือสถานที่ที่ทำให้คนป่วยหายดี ส่วน Wellness คือสถานที่ที่ทำให้คนปกติ คนดีๆที่ไม่ป่วย ถ้าจากคำนิยามดังกล่าวแสดงว่าดูแลคนละกลุ่ม แต่พอลงลึก พบว่า คนไข้หรือใครก็ตามที่เข้ามา Wellness มาปรึกษาแพทย์ มาตรวจร่างกายแบบละเอียด กลับป่วย คนที่ดีจริงๆ ไม่ป่วยมีไม่ถึง 5 % เพราะหลายคนที่เดินเข้ามา Wellness อาจจะไม่ได้สังเกตตัวเอง หรือสังเกตแล้วแต่ไม่ชัด ว่าเรามีภาวะผิดปกติ ซึ่งการมาWellness ทั้งหมดเรียกว่า Preventive Medicine หรือเวชศาสตร์ป้องกัน"

เรามีการดูแลร่างกายมีอยู่หลายระดับ ตั้งแต่

  • ระดับปฐมภูมิ ยังไม่ป่วย อายุน้อย เริ่มต้นดูแลตัวเอง 
  • ระดับที่สอง ดูแลตัวเองไม่ได้ ไม่แน่ใจว่าป่วยหรือไม่ แล้วมารักษา
  • ระดับที่สาม ป่วยแล้วถึงจะมารักษา

ซึ่งในกลุ่มที่สาม ป่วยแล้วมารักษามาตรวจเจอ กลุ่มนี้โรงพยาบาลในเครือ BDMS ได้ดูแลไปจำนวนมาก แต่การจะเดินหน้าไปส่วนของการป้องกันโรค เป็นโจทย์ที่ท้าทายทั้ง BDMS ประเทศ และทั่วโลก

เปลี่ยนตัวเองให้ดีกว่าเดิม! สตาฟความหนุ่มสาว สต็อปความแก่

อายุยืนยาว และสุขภาพดี ถือว่าผู้สูงอายุคุณภาพ

นพ.ตนุพล กล่าวต่อว่าปัจจัยสนับสนุนที่ช่วยให้กระแสรักสุขภาพเติบโตมาก คือ เรื่องผู้สูงอายุ  ในทาง Wellness จะมองว่าผู้สูงอายุจะเป็นกลุ่มคนตั้งแต่อายุ 80 ปีขึ้นไป แต่ทางกฎหมายและสมาคมต่างๆ จะมองว่าผู้สูงอายุ ต้อง 60 ปีขึ้นไป  ทว่าในปัจจุบันคำว่าอายุมาก อายุน้อย ไม่สำคัญแล้ว ตราบใดที่อายุยืนยาว และสุขภาพดีทั้งกาย และใจ  ถือว่าเป็นกลุ่มผู้สูงอายุคุณภาพ 

ปี2566ประเทศไทย เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ โดยสมบูรณ์ มีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปมากกว่า 20% หรือประชากรอายุ 65 ปีขึ้นไปมากกว่า 14% และในปี 2574 จะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุระดับสุดยอด มีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปมากกว่า 28% และมีประชากรอายุ 65 ปีขึ้นไปมากกว่า 20% เพราะฉะนั้น เมื่อผู้สูงอายุมากขึ้น ต้องรณรงค์ให้อายุยืนยาวแบบไม่ป่วย เนื่องจากหากป่วยจะต้องเสียค่ารักษาจำนวนมาก ลูกหลานจะต้องมารับภาระ ถ้าไม่วางแผน เริ่มต้นดูแลได้เร็วจะทำให้ป่วย  

“ปี2564 มีคนเกิดน้อยกว่าคนตาย 19,000 คน และในปี 2565 มีคนเกิดน้อยกว่าคนตาย 95,000 คน คาดกว่าปี 2566 มีคนเกิดน้อยกว่าคนตายเป็นแสนคน ดังนั้น เมื่อคนเกิดน้อย ผู้สูงอายุก็มากขึ้น ถ้าไม่เร่งสร้างสังคมสุขภาพดี สังคมไทยลำบากแน่"

นอกจากนี้ กลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) หรือเรียกกันว่าโรครู้อย่างนี้ เช่น รู้อย่างนี้ ไม่น่ากินหมูกระทะ ไม่น่าจะนอนดึก ไม่น่าจะไม่ออกกำลังกาย ไม่น่าอ้วน ซึ่งปี 2565 มีคนตายจากโรคกลุ่มนี้ถึง 45 ล้านคนทั่วโลก หรือ 74% ซึ่งในประเทศไทย มีผู้เสียชีวิตจากโรคกลุ่มนี้ หรือโรคไม่ดูแลตัวเอง 77% หรือชั่วโมงละ 44 คน ถือเป็นตัวเลขที่สูงมาก ทุกคนต้องเริ่มดูแลสุขภาพ

ช่วงสถานการณ์โควิด-19 พบว่าผู้ที่กลุ่มโรค NCDs มีโอกาสเจ็บป่วยรุนแรงและเสียชีวิตได้มากกว่าคนปกติ

  • โรคหลอดเลือดหัวใจ มีโอกาส 2.9 เท่า
  • ความดันโลหิตสูง มีโอกาส 3 เท่า
  • โรคเบาหวาน  3 เท่า
  • โรคหลอดเลือดสมอง 3.9 เท่า
  • โรคอ้วน 7 เท่า

เปลี่ยนตัวเองให้ดีกว่าเดิม! สตาฟความหนุ่มสาว สต็อปความแก่

ปรับพฤติกรรม 6 Pillars of Lifestyle Medicine

นพ.ตนุพล กล่าวต่อไปว่า BDMS Wellness Clinic ต้องการเป็นผู้ช่วยในการป้องกันสุขภาพ และส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ Wellness Tourism การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ซึ่งก่อนเกิดโควิด มีชาวต่างชาติมาท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในไทยจำนวนมาก และคาดการณ์ว่าหลังโควิดจะมามากกว่าเดิม  Wellness Tourism จะเป็นกลุ่มใหม่ที่ทางทีม BDMS Wellness Clinic จะช่วยผลักดัน เพื่อให้คนบินมาสุขภาพดีที่เมืองไทย

การป้องกันสุขภาพ สามารถทำได้ 6 ด้าน หรือ  6 Pillars of Lifestyle Medicine ได้แก่

  1. Whole food ,Plant-based Nutrition (อาหาร) รับประทานอาหารสุขภาพดี
  2. Physical Activity (กิจกรรมทางกาย)  ต้องออกกำลังกาย  ขอให้ได้ 30 นาทีต่อวัน 5 วันต่อสัปดาห์
  3. Restorative sleep (การนอนหลับที่มีคุณภาพ) อย่าอดนอน  นอนให้ได้ 8 ชั่วโมง และนอนให้ได้ตอน 4 ทุ่ม
  4. Social connection(การปฏิสัมพันธ์ทางสังคม)
  5. Avoid Risky Substances (หลีกเลี่ยงสารหรือวัตถุที่เป็นอันตราย) หลีกเลี่ยง หรืองดบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์
  6. Stress Management (การควบคุมความเครียด) สุขภาพจิต ถ้าจิตดีไม่เครียด ครอบครัวมีความสุข จะนำมาซึ่งความสุขกายและสุขใจ

"สุขภาพดี นำมาซึ่งทุกอย่างที่เราอยากได้ ส่วนสำคัญในการดูแลร่างกาย จะพูดง่ายแต่ทำยาก และควรเริ่มทันที โดยเฉพาะในคนวัยหนุ่มสาว อย่ามองว่าไม่เป็นโรค สุขภาพแข็งแรง เพราะตอนนี้มีผู้ป่วยหนุ่มสาวเป็นมะเร็งจำนวนมาก"