'ดอลลี่อาย - ถุงใต้ตา' ต่างกันอย่างไร ทำไมบางคนอยากเติม บางคนอยากตัด

'ดอลลี่อาย - ถุงใต้ตา' ต่างกันอย่างไร ทำไมบางคนอยากเติม บางคนอยากตัด

ใครๆ ก็อยากจะมีดวงตาที่สวยงาม และอีกหนึ่งเทรนด์ที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน คือ การเติมเต็มชั้นใต้ตา หรือ ดอลลี่อาย ที่ช่วยให้ดวงตาสดใส น่ารัก แบบสาวญี่ปุ่น เกาหลี แต่ก็มีอีกหลายคนที่อยากจะแก้ไขปัญหาถุงใต้ตา แล้วดอลลี่อาย และ ถุงใต้ตา ต่างกันอย่างไร

Key Point : 

  • สำหรับคนที่อยากจะเพิ่มความน่ารักบริเวณดวงตา คงเคยได้ยินเทรนด์การเติมชั้นใต้ตา  ดอลลี่อาย – Dolly eyes 
  • ขณะเดียวกัน หลายคนก็มีปัญหาถุงใต้ตา ซึ่งมีสาเหตุเกิดจากการบวม และ เกิดจากความหย่อนคล้อย
  • แล้ว ดอลลี่อาย กับ ถุงใต้ตา มีความแตกต่างกันอย่างไร ทำไมบางคนอยากจะเติม แต่บางคนอยากจะแก้ปัญหา 

 

ปัจจุบัน เทรนด์ศัลยกรรมและความงาม เปิดกว้างและได้รับความนิยมมากขึ้น ทั้งการฉีดโบทูลินัมท็อกซิน หรือที่เราเรียกติดปากว่า 'โบท็อกซ์' การฉีดฟิลเลอร์ และ การผ่าตัด เพื่อเสริมความมั่นใจ ไม่ว่าจะเป็นเสริมหน้าอก ตัดหนังหน้าท้อง รวมถึง บริเวณใบหน้า ที่มีเทคนิคต่างๆ ในการช่วยให้อ่อนวัย และได้ผลลัพธ์ที่ดีมากขึ้น

 

ขณะที่ บริเวณดวงตา เป็นอีกหนึ่งจุดบนใบหน้า ที่ได้รับความนิยมในการทำศัลยกรรมและเสริมความงาม ไม่ว่าจะเป็นการทำตาสองชั้น ยกคิ้ว และการแก้ไขปัญหาถุงใต้ตา อีกทั้ง เทรนด์การเติมชั้นใต้ตา ที่เรามักได้ยินว่า ดอลลี่อาย – Dolly eyes ซึ่งจะเพิ่มความน่ารักแบบสาวญี่ปุ่น เกาหลี แต่หลายคนอาจสงสัยว่า มีความต่างจากถุงใต้ตาอย่างไร ‘กรุงเทพธุรกิจ’ ชวนมาทำความเข้าใจ ‘ดอลลี่อาย’ และ ‘ถุงใต้ตา’ ซึ่งแนะนำว่าควรทำโดยแพทย์ที่เชี่ยวชาญ

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง 

 

 

ดอลลี่อาย  (Dolly eyes)

ข้อมูลจาก โรงพยาบาลมาสเตอร์พีซ อธิบายว่า การเติมชั้นใต้ตา ดอลลี่อาย – Dolly eyes หรือ Love band เป็นอีกหนึ่งการศัลยกรรมความงามบริเวณดวงตาที่ได้รับความนิยมค่อนข้างมากในปัจจุบัน เนื่องจากสามารถเปลี่ยนให้ใบหน้าดูน่ารักและอ่อนเยาว์ขึ้นได้ โดยจุดเริ่มต้นของการทำนั้น มาจากความต้องการที่จะทำให้ดวงตามีลักษณะกลมโต ดูแบ๊วขึ้น ตามสไตล์ของดารานางแบบเกาหลี ต่อมาจึงเกิดความนิยมขึ้นในประเทศไทย

 

ดอลลี่อาย คืออะไร

การทำดอลลี่อาย คือ การใช้เทคนิคในการปรับแต่งดวงตา ที่ช่วยทำให้ดวงตาของเราสวยงาม ดูฉ่ำ ดูแบ๊ว ดูสดใส ดูน่ารักเหมือนสาวเกาหลี โดยในขณะที่กำลังอวดรอยยิ้ม ดวงตาของเราจะมีชั้นตาที่ทำให้เกิดดอลลี่อาย โดยเป็นมัดกล้ามเนื้อที่อยู่ขอบตาล่างจะเกิดขึ้นในระหว่างที่เรากำลังมีรอยยิ้ม เป็นการแสดงออกทางสีหน้าที่เป็นไปตามธรรมชาติ

 

แต่ในบางราย มัดกล้ามเนื้อในส่วนนี้มีอยู่น้อยหรือแทบไม่มี ทำให้มองเห็นไม่ชัด ซึ่งปัญหาเหล่านี้ สามารถแก้ไขได้ด้วยเทคนิคพิเศษโดยแพทย์เฉพาะทางเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี มีความสะอาด ป้องกันผลข้างเคียง ซึ่งหลังจากการปรับแต่งเป็นที่เรียบร้อย บริเวณขอบตาล่างของเราจะดูหนาขึ้น ทำให้ดวงตาและองค์ประกอบภาพรวมของดวงตา ดูกลมโตสดใส สามารถเสริมความมั่นใจและสร้างความประทับใจตั้งแต่แรกเห็น

 

การทำดอลลี่อายในส่วนของขอบตาล่างให้ดูหนาขึ้น ทำให้ดวงตาดูกลมโต สดใส และดูโดดเด่น หลังจากทำแล้วใบหน้าโดยรวมจะดูหวานขึ้น และดูหน้าเด็กลง หนึ่งในบริการศัลยกรรมตาที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการแก้ไขปรับดวงตาให้ดูน่ารักสไตล์เกาหลี

 

 

การเตรียมตัวก่อนการผ่าตัด

  • แจ้งให้แพทย์ทราบข้อมูลโรคประจำตัว ยาโรคประจำตัว, ประวัติการผ่าตัด, ประวัติการแพ้ยา, ประวัติการแพ้อาหาร (หากมีประวัติการรักษาจากโรงพยาบาล ควรนำมาในวันปรึกษาด้วย) หรือแจ้งก่อนวันจองคิวผ่าตัด
  • ผู้ป่วยที่ได้รับยาละลายลิ่มเลือด และยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด ยาแก้ปวดกลุ่ม หรือยาโรคประจำตัวอื่น ๆ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำการผ่าตัดหรือแจ้งก่อนวันจองคิวผ่าตัด
  • งดทานวิตามินอาหารเสริมต่าง ๆ ทุกชนิด เช่น วิตามินอี, น้ำมันปลา, ใบแปะก๊วย เมล็ดองุ่น โสม ฯลฯ ต้องหยุดยาอย่างน้อย 1 เดือน
  • ควรสระผมให้สะอาดเรียบร้อยก่อนวันผ่าตัด และไม่แต่งหน้าในวันผ่าตัด งดใส่คอนแทคเลนส์ในวันผ่าตัด หากมีปัญหาด้านสายตาให้สวมแว่นสายตาแทน
  • งดใส่เครื่องประดับทุกชนิด เช่น ต่างหู สร้อย แหวน จิลต่าง ๆ บนร่างกายในวันผ่าตัด (หากถอดออกไม่ได้ต้องแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบ)
  • งดสูบบุหรี่อย่างน้อย 4 สัปดาห์ก่อนและหลังผ่าตัด เนื่องจากสารที่อยู่ในบุหรี่มีผลลดปริมาณออกซิเจนในเลือด และทำลายเซลล์ที่จะซ่อมแซมการหายของแผล มีผลทำให้เลือดที่จะมาหล่อเลี้ยงบริเวณที่ผ่าตัดลดลง โดยมีโอกาสให้ผิวหนังที่ผ่าตัดขาดออกซิเจน ทำให้แผลหายช้ากว่าปกติ และเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้
  • งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 1-2 วันก่อนผ่าตัด และต่อเนื่องอย่างน้อย 1 สัปดาห์หลังผ่าตัด
  • ก่อนการผ่าตัด คนไข้ต้องทำความสะอาดเล็บมือเล็บเท้าให้สะอาด งดการทาเล็บมือ, เล็บเท้า และงดการต่อเล็บทุกชนิด
  • เตรียมภาวะจิตใจให้พร้อม ไม่ควรตื่นเต้นมากเกินไป และควรทราบว่าหลังผ่าตัดย่อมเกิดการบวมช้ำบริเวณแผล และการเปลี่ยนแปลงของใบหน้า หรือบริเวณร่างกายที่ทำการผ่าตัด ซึ่งต้องใช้เวลาในการหายของแผลหรือความเคยชินกับภาพลักษณ์ใหม่

 

การดูแลหลังผ่าตัด

  • ในขณะที่นอนหลับพักผ่อน ควรนอนยกศีรษะให้สูง พร้อมทั้งประคบความเย็นเพื่อลดอาการบวมบริเวณที่เปลือกตา
  • งดล้างหน้า 3 วัน เพื่อไม่ให้แผลมีความชื้น แต่สามารถทำความสะอาดด้วยวิธีใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำอุ่น เช็ดบริเวณแผล พร้อมกับใช้ผ้าสะอาดซับให้แห้ง
  • ในช่วงหลังผ่าตัด 3-5 วัน ควรประคบน้ำอุ่นเพื่อทำให้อาการบวมลดลง
  • หลีกเลี่ยงการทาเครื่องสำอางที่ต้องใช้วิธีการเช็ดทำความสะอาดบริเวณรอบดวงตา
  • หลังผ่าตัด เมื่อมีการตัดไหม ควรระมัดระวังการขยี้หรือการเช็ดอย่างรุนแรงบริเวณดวงตา เพื่อป้องกันปัญหาอาการฉีกขาดของแผล
  • ควรเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์อย่างเพียงพอ เพื่อให้ร่างกายพักฟื้นได้เร็ว
  • รับประทานยาและปฏิบัติตามคำสั่งของแพทย์อย่างเคร่งครัด
  • ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย

 

ถุงใต้ตา คืออะไร 

ข้อมูลจาก นพ.สุรสิทธิ์ อัศดามงคล แพทย์เฉพาะทางด้านศัลยกรรมตกแต่งและเสริมสร้างใบหน้า รพ. บางมด ได้ให้ความรู้เกี่ยวกับการ กำจัดสารพัดปัญหาของ ‘ถุงใต้ตา’ ด้วยเทคนิคบางมด ผ่านเว็บไซต์ โรงพยาบาลบางมด ว่า ปัญหาของตาล่าง / ถุงใต้ตา เกิดจาก 2 สาเหตุ คือ เกิดจากการบวม และ เกิดจากความหย่อนคล้อย

 

ปกติหนังรอบดวงตาทั้งตาบนและตาล่าง เป็นผิวหนังที่บางที่สุดในร่างกาย เป็นผิวหนังชั้นเดียว อายุเป็นปัจจัยอย่างหนึ่ง เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น มีแรงโน้มถ่วง 'ดึงลง' ทำให้เกิดการหย่อนคล้อย ในบางครั้งคนไข้บางคนมีไขมันใต้ตา ซึ่งจะเกิดการดันของไขมันออกมา ทำให้มีลักษณะของการบวมและมีการหย่อนคล้อยบริเวณตาล่าง ซึ่งปัญหาเหล่านี้ทำให้ใบหน้าดูมีอายุเพิ่มมากขึ้น ดูอ่อนเพลีย

 

ปัญหาถุงใต้ตาในแต่ละวัย

  • หนังใต้ตาที่เกิดในเด็ก

อาการอ่อนคล้อยและอาการบวมของตาล่างในเด็ก สามารถเกิดได้ ตั้งแต่เด็กแรกเกิด ซึ่งส่วนมากเกิดจากกรรมพันธ์ุ โดยมีอาการบวมของถุงใต้ตาแต่ในส่วนของหนังใต้ตาจะตึง สามารถเอาไขมันออกได้

  • หนังใต้ตาที่เกิดในวัยรุ่น

วัยรุ่นส่วนใหญ่เกิดจากอาการบวมของไขมันใต้ตา ในคนไข้บางคนมีกล้ามเนื้ออ่อนคล้อยร่วมด้วย ทั้งนี้ต้องผ่าตัดเอาไขมัน กล้ามเนื้อ และผิวหนังที่เกินออก

  • หนังใต้ตาที่เกิดในผู้สูงวัย

เกิดได้ทุกคน มีการอ่อนคล้อยของผิวหนัง กล้ามเนื้อ มีการดันของไขมันออกมา

 

วิธีการแก้ไขมี 2 วิธี

  • แบบปิด (Closed) ทำจากด้านใน จะไม่เห็นแผลด้านนอก ข้อเสียสามารถเอาออกได้เฉพาะ ไขมัน ไม่สามารถดึงหนังที่เกินได้
  • แบบเปิด (Open) หรือเรียกว่า Conventional เป็นการตัดหนังที่หย่อนคล้อย ตัดกล้ามเนื้อ เอาไขมันออก ข้อดีสามารถแก้อาการหย่อนคล้อยและอาการบวมได้ ข้อเสียมีแผลประมาณ 5 วัน บริเวณขอบตาล่าง และ 5-7 วัน ต้องมาตัดไหม

 

และเทคนิคพิเศษเฉพาะของรพ. เรียกว่า เทคนิคบางมด เป็นการผ่าตัดแบบ Combine Technique เป็นการเอาไขมันออก ตัดกล้ามเนื้อ ผิวหนังออก โดยบางครั้งในคนไข้บางคนใช้การย้ายไขมัน ข้อดีใช้เทคนิคนี้คนไข้ จะไม่บวมช้ำมาก ทำเสร็จสามารถกลับบ้านได้เลย ระยะเวลาในการผ่าตัดประมาณ 40 นาที

 

การดูแลหลังการผ่าตัด

  • รักษารอบดวงตา ให้มีความชุ่มชื้นสม่ำเสมอ ไม่เครียด ถ้าเครียดมากจะทำให้กล้ามเนื้อรอบดวงตาทำงานเยอะ อาจเกิดการหย่อนคล้อยของไขมันได้
  • ทั้งนี้ ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเนื่องจากคนไข้แต่ละบุคคลมีลักษณะอาการที่เกิดขึ้นแตกต่างกัน เพื่อให้ผลลัพธ์ดีที่สุด