แอคทีฟ และ ปรับตัวเร็ว 'JSP' กับหลักบริหารคนในยุคเจนฯ 3

แอคทีฟ และ ปรับตัวเร็ว  'JSP' กับหลักบริหารคนในยุคเจนฯ 3

ก้าวเข้าสู่เจนเนอเรชั่นที่ 3 จาก 'สุภาพโอสถ' สู่การเป็น บริษัท โรงงานเภสัชอุตสาหกรรมเจเอสพี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในตลาดหลักทรัพย์ ภายใต้การบริหารงานของสองพี่น้องฝาแฝด ดร.สิทธิชัย และ พิษณุ แดงประเสริฐ ในการขับเคลื่อน JSP เติบโตอย่างไม่หยุดนิ่งตลอด 20 ปีที่ผ่านมา

Key Point : 

  • JSP ผู้ผลิตและจำหน่ายยาแผนปัจจุบัน แผนโบราณ สมุนไพร อาหารเสริม ปัจจุบันเรียกว่าอยุ่ในยุคการบริหารของเจนเนอเรชั่นที่ 3 เติบโตจากพนักงาน 60 คน สู่พนักงาน 200 คน 
  • การพัฒนาจากร้านขายยาสุภาพโอสถในรุ่นอากง สู่ยุคที่ตลาด Healthcare เติบโต จึงไม่เพียงแค่การบริหารธุรกิจเท่านั้น แต่กำลังคนยังถือเป็นกลไกสำคัญ
  • ดังนั้น กำลังคนที่เป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อน JSP จึงต้องแอคทีฟ และ ปรับตัวเร็ว เพื่อให้เท่าทันกับการเติบโต 

 

JSP มีจุดเริ่มต้นจากร้านขายยา 'อั้งง่วนเฮง สุภาพโอสถ' ในรุ่นของอากง 'ดร.สิทธิชัย แดงประเสริฐ' ในวัย 47 ปี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงงานเภสัชอุตสาหกรรมเจเอสพี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ JSP ผู้ผลิตและจำหน่ายยาแผนปัจจุบัน แผนโบราณ สมุนไพร อาหารเสริม เริ่มเล่าให้ 'กรุงเทพธุรกิจ' ฟังถึงที่มาที่ไป เส้นทางจากเจน 1 สู่ เจน 2 มีการพัฒนาเป็นโรงงานเภสัชอุตสาหกรรม ค็อกซ์ (COX) ผลิตยาแผนปัจจุบัน ต่อมาระหว่างเจน 2 สู่ เจน 3 ต่อยอดจากโรงงานผลิตยาแผนปัจจุบัน สู่การผลิตอาหารเสริม และโรงงานผลิตยาสมุนไพรไทย

 

แอคทีฟ และ ปรับตัวเร็ว  \'JSP\' กับหลักบริหารคนในยุคเจนฯ 3

 

“ผมและพิษณุเข้ามาบริหารในปี 2546 หลังจากเรียนจบปริญญาตรี การเข้ามาสานต่อธุรกิจครอบครัวเรียกว่ามีความกดดันสูงมาก เรากลับมาในช่วงขาลง ปัญหาอุปสรรคค่อนข้างเยอะทั้งด้านเศรษฐกิจ การทำมาตรฐานใหม่ของ อย. การลงทุน เรากินนอนที่โรงงาน เพราะโรงงานและบ้านเป็นพื้นที่เดียวกัน ข้อดีที่สุด คือ พนักงานทั้งหมด เป็นคนที่เลี้ยงผมจนโตและเห็นผมมาตั้งแต่เกิด เภสัชกรเป็นครูสอนพิเศษของผม เพราะฉะนั้น การเข้ามาบริหารต่อจึงไม่ถูกใคร Challenge เราอยู่ด้วยกันมาเรียกว่าฝึกเราให้เติบโต”

 

แอคทีฟ และ ปรับตัวเร็ว  \'JSP\' กับหลักบริหารคนในยุคเจนฯ 3

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง 

 

 

การเปลี่ยนแปลงผ่านช่วงเวลาถึง 3 เจนเนอเรชั่น หากย้อนกลับไปในรุ่นของอากง ช่วงนั้นมียอดขายราว 30 – 50 กว่าล้านบาท พนักงานจำนวน 60 คน และในปัจจุบัน เรียกว่า JSP เติบโตอย่างต่อเนื่อง ยอดขายทะลุ 400-500 ล้านบาท และมีพนักงานกว่า 200 คน นอกจากนี้ พนักงาน 60 คนตั้งแต่รุ่นอากงในปัจจุบันที่เริ่มเกษียณไปบางส่วน แต่ก็ยังเหลืออยู่กว่า 40 คน ซึ่งขึ้นไปอยู่ในระดับผู้บริหาร

 

คนเก่ารันด้วยใจ คนใหม่รันด้วยระบบ

 

ดร.สิทธิชัย กล่าวต่อไปว่า เรียกว่าเราโชคดีเรื่องคน เพราะจำนวนพนักงานที่ออกจากองค์กรน้อย เรามีพนักงานอยู่ 2 เจนเนอเรชั่น รุ่นเก่าทำงานกับคุณพ่อและอากง รุ่นลูกก็มาทำงานกับผมต่อ พนักงานหลายตำแหน่งอยู่มา 2 เจนเนอเรชั่น และใช้ที่นี่เป็นบ้าน เภสัชกรหรือตำแหน่งบริหารหลายคนก็อยู่มาตั้งแต่เรียนจบในรุ่นของอากง เรียกว่าได้คนดี ได้ดั่งใจทุกเรื่องและทุกคน กิจการแม้จะเป็น 3 เจนเนอเรชั่น แต่เป็นกิจการที่มีเลือดคนรุ่นใหม่เข้ามาเยอะ ส่วนเลือดเก่าก็ปรับตัวตลอดเวลา

 

“เนื่องจากรุ่นเก่าๆ ทั้งหมดเลี้ยงผมจนโต เพราะฉะนั้นจึงอยู่กันแบบสนิทสนมไม่มีช่องว่างระหว่างวัย เป็นความไว้เนื้อเชื่อใจ ส่วนคนรุ่นใหม่ๆ ที่เข้ามา ค่อนข้างมืออาชีพมากขึ้น เนื่องจากเรามีมาตรฐาน GMP และ ISO ถูกควบคุมโดย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) เรื่องของธรรมาภิบาล (Good governance) ดังนั้น จึงมีคนเก่าที่รันด้วยใจ และคนใหม่ที่รันด้วยระบบ ทำงานร่วมกันได้”

 

แอคทีฟ และ ปรับตัวเร็ว  \'JSP\' กับหลักบริหารคนในยุคเจนฯ 3

 

 

 

ต้องแอคทีฟและปรับตัวเร็ว

 

ทั้งนี้ ธุรกิจด้าน Healthcare ที่มีการเติบโตอย่างมากในปัจจุบัน การทำงานจึงต้องตอบโจทย์การเติบโตของธุรกิจ โดยเฉพาะในส่วนของการบริหาร การวิจัยและนวัตกรรม การคัดเลือกคนเข้ามาเป็นครอบครัวของ JSP นั้น “ดร.สิทธิชัย” กล่าวว่า ข้อแรก คือ “ต้องแอคทีฟ” ผมทำงานค่อนข้างเยอะ ผมทำงานหนักมาก เพราะฉะนั้น พนักงานออฟฟิศและระดับบริหารจึงต้องแอคทีฟ เราเป็นบริษัทที่ใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ต้องมีงานนวัตกรรม และเราเติบโตค่อนข้างเร็วหลังเข้าตลาดหลักทรัพย์ ถัดมา คือ “ต้องพร้อมที่จะปรับตัว” JSP มีการขยายธุรกิจ ลงทุนตลอดเวลา เพราะฉะนั้น ต้องปรับตัวค่อนข้างเยอะ เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ องค์กรของเราตั้งแต่ผมบริหารมาไม่เคยหยุดนิ่งตลอด 20 ปีที่ผ่านมา

 

“การพัฒนาคนหลักๆ คือ On the job training เป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากองค์กรเติบโตค่อนข้างเร็ว เรากระโดดเข้าหาโอกาส ทีมงานที่เกี่ยวข้องต้องเข้ามาลุยโปรเจกต์ใหม่ๆ และสร้างการเติบโต เพราะฉะนั้น คนที่สามารถรับผิดชอบโปรเจกต์ได้ เขาก็สามารถเติบโตตาม Career Path นอกจากนี้ ผมกับพิษณุ ก็รับหน้าที่เป็นอาจารย์พิเศษ เป็นโค้ชในองค์กรเอง รวมถึงมี Training จากภายนอก”

 

แอคทีฟ และ ปรับตัวเร็ว  \'JSP\' กับหลักบริหารคนในยุคเจนฯ 3

 

อนาคต JSP ส่งไม้ต่อสู่เจนฯ 4

 

การส่งไม้ต้อจากรุ่นสู่รุ่น ทำให้ JSP มีการเปลี่ยนแปลงและเติบโตในด้านการทำธุรกิจ รวมถึง วัฒนธรรมองค์กร จากธุรกิจครอบครัว มาสู่ความเป็นมืออาชีพมากขึ้น แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เปลี่ยน คือ “บรรยากาศ” ของการทำงานที่คงความเป็นครอบครัวอยู่จนถึงปัจจุบัน

 

เมื่อถามถึงการส่งไม้ต่อ JSP สู่เจนเนเรชั่นที่ 4 'ดร.สิทธิชัย' กล่าวว่า ผมมีพี่น้อง 4 คนเป็นผู้บริหาร แต่ละคนมีลูก 2 คน แสดงว่าบ้านเรามีหลาน 8 คน อายุไล่เลี่ยกันราวๆ ชั้นประถม ส่วนใหญ่อยู่โรงงานด้วยกัน กินข้าวด้วยกัน เด็กๆ สามารถถูกเปิดโอกาสให้เข้าห้องประชุมได้ พาไปดูงาน เด็กส่งเอกสารทุกวันนี้ก็ลูกของคนใดคนหนึ่งที่ทำหน้าที่ส่งเอกสารตามห้องต่างๆ โตมาสักพักก็สามารถเข้าโรงงานให้นั่งพับกล่องแบบที่เด็กทำได้ โดยไม่ผิดมาตรฐาน GMP ดังนั้น ผมเชื่อว่า หากเด็กซึมซับบรรยากาศการทำงาน เห็นพ่อแม่ ลุงป้าน้าอาทำงาน เข้าจะเลือกชีวิตตัวเองได้ว่าเขาอยากจะทำตรงจุดนี้หรือไม่

 

ผมโตมาอยู่ในห้องอากง ทุกครั้งที่ลูกค้าเข้ามาผมก็อยู่ตรงนั้นฟังผู้ใหญ่คุยกัน ทุกปิดเทอมจะไปทำงานในโรงงาน พับกล่องยา อยู่ในทุกแผนก ทุกคนที่ทำงานกับเราในวันนี้ คือ ครูของเราในอดีต ผมเชื่อว่าลูกหลานของเราหากได้เข้ามาเรียนรู้ตรงนี้ วันหนึ่งถ้าเขาชอบ พี่ๆ รุ่นนี้ก็คือคุณครูของลูกหลานเรา เพราะฉะนั้น หากเขามารับช่วงต่อจะง่ายมากไม่มีรอยต่อ

 

“เขาจะรู้ตั้งแต่เด็กอยู่แล้วว่าอยากจะทำอะไร อยากจะอยู่ตรงไหน เด็กๆ จะเลือกชีวิตตัวเองได้ ยกเว้นแต่ไม่ชอบโรงงาน ก็สามารถทำอาชีพอื่นแต่ก็ยังถือหุ้น แบบนี้กิจการจะยั่งยืน ไม่ใช่เอาคนที่ไม่อยากทำมาบริหาร เราไม่ได้วางแผนว่าเขาจะต้องมาทำตรงนี้ แต่เราจะเปิดโอกาสให้เขาเห็นสิ่งที่ตระกูลเราทำให้มากที่สุด ถ้าเขารักและเขาชอบ เขาเลือกเรียนสายนี้เขาก็เป็นผู้บริหารในอนาคต” ดร.สิทธิชัย กล่าวทิ้งท้าย

 

แอคทีฟ และ ปรับตัวเร็ว  \'JSP\' กับหลักบริหารคนในยุคเจนฯ 3