ตรวจเบาหวานฟรี สำหรับปชช.อายุ 35 ปีขึ้นไป วันนี้-31 ธ.ค.67

ตรวจเบาหวานฟรี สำหรับปชช.อายุ 35 ปีขึ้นไป วันนี้-31 ธ.ค.67

รัฐบาลเชิญชวนประชาชนอายุ 35 ปีขึ้นไป ตรวจเบาหวานฟรี ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2566 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2567 ฟรีไม่เสียค่าใช้จ่าย

วันนี้ (18 มิ.ย. 66) นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า รัฐบาลมีความห่วงใยปัญหาสุขภาพของประชาชน ต้องการให้ประชาชนเข้าถึงระบบบริการสาธารณสุขอย่างทั่วถึง เพื่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดี ห่างไกลจากโรค ป้องกันการเจ็บป่วยเรื้อรัง ซึ่งจากข้อมูลกระทรวงสาธารณสุข พบว่า ปัจจุบันคนไทยมีแนวโน้มป่วยเป็น "โรคเบาหวาน" มากขึ้น

ทั้งนี้ จากฐานข้อมูลสุขภาพ  ระบุว่า ในปี 2565 ประเทศไทยมีผู้ป่วยโรคเบาหวาน จำนวน 3.3 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปี 2564 จำนวน 1.5 แสนคน ในส่วนของการคัดกรองผู้ป่วยรายใหม่ พบว่า การคัดกรองผู้ป่วยโรคเบาหวานในประชาชนอายุ 35 ปีขึ้นไปนั้น มีผู้ได้รับการคัดกรองเพียง 14 ล้านคนและยังไม่ได้รับการคัดกรองโรคเบาหวาน และโรคความดันโลหิตสูงมากถึง 8 ล้านคน จากเป้าหมายทั่วประเทศ 22 ล้านคน

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : 

นางสาวรัชดา กล่าวว่า รัฐบาล โดยกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุขขอเชิญชวนประชาชนที่มีหลักเกณฑ์ตรงตามเงื่อนไขเข้ารับการ ตรวจเบาหวานฟรี ภายใต้โครงการคัดกรองความเสี่ยงโรคเบาหวาน ในประเทศไทยแบบบูรณาการ ประจำปี พ.ศ. 2566-2567 ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2566 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2567

 

หลักเกณฑ์ เงื่อนไข การเข้ารับบริการ ตรวจเบาหวานฟรี ดังนี้

1.ประชาชนทั่วไปอายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไป

2.ไม่เคยตรวจเบาหวาน ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจแนะนำให้ประเมินความเสี่ยงโรคเบาหวาน กรณีได้คะแนนน้อยกว่า 6 คะแนน คือไม่เสี่ยง ไม่ต้องตรวจน้ำตาล กรณีได้คะแนนมากกว่าหรือเท่ากับ 6 คะแนน คือเสี่ยง ต้องเจาะน้ำตาลที่ปลายนิ้ว
 

"ปัจจุบันมาตรการคัดกรองโรคเบาหวานในประชากรวัยผู้ใหญ่เป็นมาตรการด้านสาธารณสุขที่ทั่วโลกยอมรับว่าเป็นมาตรการที่มีความคุ้มค่าโดยถูกบรรจุในแผนป้องกันและควบคุมโรคของประเทศไทยและอยู่ในสิทธิประโยชน์การส่งเสริมและป้องกันโรคของหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ประชาชนสามารถเข้ารับการคัดกรองโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ประชาชนที่มีอายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไป ต้องได้รับบริการตรวจคัดกรองโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตปีละ 1 ครั้ง 

ผู้ที่สนใจสามารถติดต่อรับบริการตรวจคัดกรองได้โดยยื่นบัตรประชาชนเข้ารับบริการตามสิทธิการรักษาได้กับอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ใกล้บ้านโดยไม่มีค่าใช้จ่าย" นางสาวรัชดา ย้ำ