'โรคฮีตสโตรก' เป็นได้ทุกคน เช็กวิธีป้องกัน ก่อนอันตรายถึงชีวิต

'โรคฮีตสโตรก' เป็นได้ทุกคน เช็กวิธีป้องกัน ก่อนอันตรายถึงชีวิต

ในช่วงที่ประเทศไทยอากาศร้อนจัดจนอุณหภูมิแตะ 42 องศาเซลเซียส ส่งผลให้หลายคนเสี่ยงเป็น 'โรคลมแดด' หรือ 'โรคฮีตสโตรก' ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ทุกคน เราจะมีวิธีสังเกตอาการผิดปกติของร่างกายอย่างไร เพื่อให้สามารถรับการรักษาได้อย่างทันท่วงที

เมื่อเข้าเดือนเมษายน นอกจากคนไทยจะนึกถึงวันหยุดยาวในช่วงเทศกาลสงกรานต์แล้ว เดือนเมษาฯ ยังถือเป็นช่วงพีคของฤดูร้อนบ้านเราอีกด้วย โดยหลายพื้นที่ในประเทศไทยอากาศร้อนจัดจนอุณหภูมิแตะ 42 องศาเซลเซียส ทำให้หลาย ๆ คน โดยเฉพาะผู้สูงอายุ พยายามหลีกเลี่ยงการอยู่กลางแดดจัดนาน ๆ เพราะกลัวว่าจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ

 

นพ. ราชรัฐ ปวีณพงศ์ อายุรแพทย์ผู้ชำนาญการโรคหัวใจ ศูนย์หัวใจและหลอดเลือด โรงพยาบาลวิมุต ชวนไขข้อข้องใจเกี่ยวกับโรคที่กำลังเป็นที่ผู้ถึงในวงกว้าง อย่าง ฮีตสโตรก (Heatstroke) หรือโรคลมแดด พร้อมชวนส่องกลุ่มเสี่ยง วิธีสังเกตอาการผิดปกติของร่างกายเพื่อให้สามารถรับการรักษาได้อย่างทันท่วงที เพราะภัยร้ายจากความร้อนนี้ เป็นอันตรายถึงชีวิต

 

\'โรคฮีตสโตรก\' เป็นได้ทุกคน เช็กวิธีป้องกัน ก่อนอันตรายถึงชีวิต

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง 

 

'ฮีตสโตรก' คืออะไร ใครเสี่ยงบ้าง

 

ฮีตสโตรก (Heatstroke) หรือโรคลมแดด เป็นภาวะฉุกเฉินที่เกิดขึ้นเมื่อร่างกายมีอุณหภูมิสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจนไม่สามารถระบายความร้อนออกได้ทัน ทำให้เกิดอันตรายต่ออวัยวะสำคัญต่าง ๆ ในร่างกาย เมื่อมีอาการจะต้องได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที เนื่องจากโรคนี้มีโอกาสเสียชีวิตสูงมาก” นพ. ราชรัฐ ปวีณพงศ์ อธิบาย

 

ฮีตสโตรกแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่

1. ) Classic Heatstroke คือ ลมแดดที่ไม่ได้เกิดจากการใช้กำลังกายหนัก แต่เป็นเพราะผู้ป่วยไม่สามารถทนต่อสภาพแวดล้อมที่ร้อนจัดได้ ซึ่งมักพบในเด็กอายุน้อย หรือผู้สูงอายุ โดยเฉพาะผู้มีโรคประจำตัว เมื่อเจออุณหภูมิสูง ร่างกายก็อาจร้อนขึ้นมาโดยฉับพลัน

2.) Exertional Heatstroke คือ ลมแดดที่เกิดจากการออกแรงอย่างหนักเป็นเวลานาน บวกกับอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ร้อนหรืออากาศอบอ้าวไม่ถ่ายเท การสวมเสื้อผ้าที่หนาและอึดอัดเกินไป ทำให้ไม่มีการระบายความร้อน

 

กลุ่มเสี่ยง ที่ควรระวัง

 

สำหรับกลุ่มเสี่ยงและช่วงอายุที่ควรระมัดระวังการเกิดฮีตสโตรก นพ. ราชรัฐ กล่าวว่า “ฮีตสโตรกเกิดขึ้นได้กับคนทุกวัย โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคปอด โรคหัวใจ ผู้มีภาวะอ้วน เป็นต้น โดยคนที่ออกกำลังกายน้อย พักผ่อนไม่เพียงพอ และมีภาวะขาดน้ำ อาจเสี่ยงมากกว่าคนกลุ่ม ๆ อื่น 

 

"นอกจากนี้ ยาบางชนิด เช่น ยาขับปัสสาวะ ยาจิตเวชบางกลุ่ม ยาเสพติดกลุ่ม Amphetamine และ Cocaine ก็เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดฮีตสโตรกได้ด้วย และที่สำคัญ การอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิสูงมาก รวมถึงสถานที่ปิดซึ่งอากาศไม่ถ่ายเท ก็ทำให้ร่างกายปรับตัวไม่ทันจนเป็นอันตรายต่ออวัยวะสำคัญได้”

 

\'โรคฮีตสโตรก\' เป็นได้ทุกคน เช็กวิธีป้องกัน ก่อนอันตรายถึงชีวิต

 

สัญญาณของฮีตสโตรก ทำไมเป็นแล้วถึงเสี่ยงต่อชีวิต

 

อาการที่บอกว่าเราอาจกำลังเป็นฮีตสโตรกจะมี 3 อาการหลัก ๆ ด้วยกัน ได้แก่

1.) อุณหภูมิร่างกายสูงระดับ 40 องศาเซลเซส

2.) อาการทางสมอง ระดับความรู้สึกตัวเปลี่ยนไป อาจมีอาการเพ้อ สับสน ชัก หรือหมดสติ

3.) เหงื่อออกมากสำหรับกลุ่ม Exertional heatstroke หรือ ตัวแดงแต่ผิวแห้ง สำหรับกลุ่ม Classic Heatstroke ส่วนอาการอื่น ๆ ซึ่งเป็นสัญญาณว่าร่างกายเริ่มมีภาวะแทรกซ้อน คือ หัวใจเต้นเร็ว หายใจไม่ทัน แน่นหน้าอก ปัสสาวะสีเข้ม ปัสสาวะออกน้อย เป็นต้น

 

นพ. ราชรัฐ อธิบายว่า ตามที่กล่าวไปว่า ฮีตสโตรก เมื่อเป็นแล้วเสี่ยงต่อการเสียชีวิตสูง เพราะเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้นฉับพลันและระบายออกไม่ทัน จะส่งผลเสียต่ออวัยวะสำคัญมากมาย เช่น

  • สมองบวม
  • ภาวะชัก
  • ไตวายเฉียบพลันจากภาวะขาดน้ำ
  • ตับวายจากภาวะขาดน้ำ
  • หัวใจเต้นผิดจังหวะ
  • หัวใจล้มเหลว
  • ปอดอักเสบรุนแรง (ARDS)
  • ภาวะเลือดออกง่ายหรือเกิดลิ่มเลือดทั่วร่างกาย (DIC)
  • ตลอดจนกล้ามเนื้อสลาย
  • แขนขาอ่อนแรง

โดยฮีตสโตรก ยังอาจทำให้อาการโรคประจำตัวของผู้ป่วยแย่ลงได้ เช่น ผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง โรคถุงลมโป่งพอง โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ เป็นต้น

 

\'โรคฮีตสโตรก\' เป็นได้ทุกคน เช็กวิธีป้องกัน ก่อนอันตรายถึงชีวิต

 

เป็นฮีตสโตรกแล้วหายได้หรือไม่

 

ทั้งนี้ ฮีตสโตรก เป็นแล้วหายได้ หัวใจสำคัญคือรีบทำการรักษาอย่างเร่งด่วน และรีบลดอุณหภูมิร่างกายให้เร็วที่สุด แนวทางการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ได้แก่

  • พาผู้ป่วยเข้าที่ร่มและอยู่ในที่เย็นและมีอากาศถ่ายเท
  • ถอดเสื้อผ้าหนาและคลายเสื้อผ้าที่รัดแน่นเกินไป
  • ใช้ผ้าชุบน้ำเย็นหรือน้ำแข็งประคบตามร่างกาย
  • นอนลงและยกขาสูงเพื่อเลือดไหลกลับเข้าสู่หัวใจ
  • หากผู้ป่วยยังรู้สึกตัว ให้ดื่มน้ำเกลือแร่ เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ
  • รีบนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด
  • เมื่อถึงโรงพยาบาล ต้องแอดมิตเป็นผู้ป่วยที่ ICU เพื่อสังเกตอาการใกล้ชิด
  • ให้น้ำเกลือ และปรับอุณหภูมิร่างกายให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมโดยเร็ว 
  • พร้อมติดตามสัญญาณชีพและการทำงานของอวัยวะภายใน เช่น หัวใจ ตับ ไต และสมอง จนผู้ป่วยเข้าสู่สภาวะปกติ

 

แนวทางป้องกันฮีตสโตรก

 

  • การดื่มน้ำให้เพียงพออย่างน้อย 8 แก้วต่อวัน
  • สวมใส่เสื้อผ้า ที่โปร่งสบายและขับเหงื่อได้ดี
  • หากต้องเล่นกีฬา หรือออกกำลังกายนานกว่า 1 ชั่วโมง ควรดื่มน้ำเกลือแร่ เพื่อทดแทนเหงื่อที่เสียไป
  • หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายในสถานที่ร้อนจัดหรือมีแดดจัด
  • นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสภาพอากาศร้อนจัด

 

\'โรคฮีตสโตรก\' เป็นได้ทุกคน เช็กวิธีป้องกัน ก่อนอันตรายถึงชีวิต