"สเปรย์พ่นจมูก"ฝีมือคนไทย สารสกัดจากเปลือกมะนาวยับยั้งเชื้อไวรัส

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า มูลค่าตลาดยาในประเทศ ปี 2565 ยังคงขยายตัวต่อเนื่อง 3.0-5.0% เมื่อเทียบกับปี ปี 2564 ที่ขยายตัว 2.5% แบ่งเป็น การจำหน่ายผ่านโรงพยาบาลรัฐ 60% ซึ่งครอบคลุมระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้าและสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลหลักของประเทศ โรงพยาบาลเอกชน 25% และร้านขายยาอีก 15%

มูลค่าตลาดยากว่า 70% เป็นยานำเข้า

โดยการเติบโตของตลาดยาในประเทศน่าจะเป็นโอกาสของผู้ผลิตหรือผู้นำเข้ายาจากต่างประเทศเป็นหลัก เนื่องจากมูลค่าตลาดยากว่า 70% ของมูลค่าตลาดยาทั้งหมดเป็นการเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งยาที่ผลิตในประเทศไทยจะอยู่ในขั้นปลายคือการผลิตยาสำเร็จรูป  ประมาณ 90% ถูกใช้บริโภคในประเทศและอีก 10% เป็นการผลิตเพื่อส่งออก

ขณะที่ในด้านผู้บริโภค ค่าใช้จ่ายด้านยามีมูลค่า 29.0% ของค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลทั้งหมดทั้งนี้ หากไทยต้องการลดการพึ่งพาการนำเข้ายาจากต่างประเทศจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือของภาครัฐและเอกชนในการสนับสนุนอุตสาหกรรมยาตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้ผลิตยาในประเทศ โดยเฉพาะยาชื่อสามัญ

รวมถึงต้องมีการส่งเสริมการลงทุนของภาครัฐผ่านสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนหรือ BOI มาตรการช่วยลดต้นทุนด้านอื่นๆ ในการวิจัยและพัฒนาอุตสาหกรรมยา รวมถึงการสนับสนุนเงินลงทุนในระยะแรกที่ยายังไม่ออกสู่ตลาดในเชิงพาณิชย์

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

ส่อง 5 ความท้าทาย "อุตสาหกรรมยา" ดันไทยสู่ Medical Hub

“โควิด-19” ดันบริการกระจายยาโต 3 เท่า สินค้า-ยา “โควิด” ความต้องการสูง

“บิ๊กคอร์ป”รุกธุรกิจร้านขายยา ดึงพันธมิตร-เทคโนฯทำตลาด

 

“สเปรย์พ่นจมูก” นวัตกรรมจากเปลือกมะนาว

ดร.วีระวัฒน์ แช่มปรีดา ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยเทคโนโลยีไบโอรีไฟเนอรีและชีวภัณฑ์ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ(ไบโอเทค) กล่าวว่าขณะนี้ประเทศไทยได้ให้ความสำคัญในการส่งเสริมพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีในการนำวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรมาเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนประเทศไทยด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG (Bio-Circular-Green Economy) เศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน เศรษฐกิจสีเขียว

“ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ได้มีงานวิจัยและเทคโนโลยีในการผลผลิตทางการเกษตร รวมถึงวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร ไม่ว่าจะเป็น อ้อย ปาล์มน้ำมัน มันสำปะหลัง มาใช้ในอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ โดยแปรรูปเป็นพลังงานไฟฟ้า เชื้อเพลิง อยู่แล้ว แต่การนำวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรมาเป็นเครื่องมือทางการแพทย์ หรือผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเครื่องสำอางนั้นยังมีน้อยมาก จนกระทั่งทางภาคเอกชนมาสนับสนุนในการพัฒนานวัตกรรมกระบวนการผลิตสารชีวเคมีภัณฑ์ จากเปลือกมะนาว กลายเป็นผลิตภัณฑ์สเปรย์พ่นจมูกเบซูโตะ เคลียร์” ดร.วีระวัฒน์ กล่าว

 

เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ ช่วยดูแลสุขภาพ

จากความร่วมมือของคณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) บริษัทควอนตัม ไบโอเทค จำกัด และบริษัทเฮลท์ลีด จำกัด (มหาชน) จนเกิดเป็นโครงการ “การศึกษากระบวนการไบโอรีไฟเนอรีของเปลือกมะนาวเพื่อให้ได้สารลิโมนีนคุณภาพสูงเพื่อใช้ในกระบวนการผลิตสารชีวเคมีภัณฑ์" ภายใต้โปรแกรมสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม (ITAP) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เพื่อเป็นการตอบโจทย์โมเดลเศรษฐกิจบีซีจี (BCG Economy) ให้เกิดการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมที่เป็น New S-Curve ในประเทศไทย

ดร.วีระวัฒน์ กล่าวต่อไปว่า กลุ่มวิจัยเทคโนโลยีไบโอรีไฟเนอรีและชีวภัณฑ์ มีเป้าหมายในการวิจัยเพื่อหาสารสกัด หรือนวัตกรรม เทคโนโลยีต่างๆ ที่จะช่วยเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะผลผลิตทางการเกษตร ซึ่งการกลั่นทางเคมีชีวภาพ หรือที่เรียกว่า Biorefinery เป็นกระบวนการที่คล้ายกับการกลั่นปิโตรเลียมที่ทำให้ได้พลังงานและสารปิโตรเคมีพื้นฐานแต่เป็นการนำพืชมาสกัดเพื่อพลังงานในรูป เอทานอล และเคมีชีวภาพเบื้องต้นในรูปของวงแหวนน้ำตาลที่จะนำไปสู่ชีวเคมีภัณฑ์ หรือโพลิเมอร์ พลาสติกต่างๆ

“กระบวนการดังกล่าว เป็นการพัฒนางานวิจัยที่ทำให้สามารถนำเปลือกมะนาวมาเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ ด้วยกระบวนการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อนำไปใช้เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ และได้รับการทดสอบจากศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค) แล้วพบว่าช่วยลดการอักเสบในระดับเซลล์ ลดการอักเสบที่เกิดขึ้นจากการติดเชื้อไวรัส และบรรเทาอาการภูมิแพ้ และช่วยยับยั้งเชื้อไวรัสเข้าสู่เซลล์ของไวรัสจำลองโควิด-19 (SARS-CoV-2 pseudovirus)”ดร.วีระวัฒน์ กล่าว

สเปรย์จมูก เครื่องมือแพทย์ป้องกันไวรัส-เชื้อ RSV

ดร.สรวง สมานหมู่  ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี (Chief Innovation Officer, CINO) บริษัท ควอนตัม ไบโอเทค จำกัด กล่าวว่าการพัฒนาต่อยอดสารสกัดจากเปลือกมะนาวจนนำไปสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์สเปรย์จมูกนั้น ถือเป็นความร่วมมือของทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคการศึกษา โดยผลิตภัณฑ์ดังกล่าว ขณะนี้ได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาในหมวดหมู่ของเครื่องมือแพทย์

ที่ผ่านมาการผลิตสารสำหรับพ่นจมูก จะเป็นในลักษณะของผง หรือรูปแบบอื่นๆ ที่มักจะประสบปัญหาการละลายน้ำที่ต่ำ ทำให้มีประสิทธิภาพในการออกฤทธิ์ต่ำ ดังนั้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของสารสกัดจากเปลือกมะนาว ทางบริษัทฯ ได้พัฒนากระบวนการเตรียมสารสกัดในรูปแบบผลึกเหลว ซึ่งทำให้ค่าการละลายน้ำสมบูรณ์ ส่งผลให้มีประสิทธิภาพในการออกฤทธิ์ที่สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เหมาะสมแก่การนำไปใช้ในผลิตภัณฑ์สเปรย์จมูกเป็นอย่างดี

“สเปรย์พ่นจมูกเบซูโตะ เคลียร์ (Besuto Qlears) จากสารสกัดจากธรรมชาติ ที่ช่วยยับยั้งและป้องกันเชื้อไวรัสก่อโรคทางเดินหายใจ เช่น SARs-COV-2 (COVID-19) ไข้หวัดใหญ่(H1N1) และไวรัส RSV (Respiratory Syncytial Virus) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยสเปรย์นี้สามารถปกป้องได้ยาวนาน 3-4 ชม/การพ่น 1 ครั้ง และปราศจากสารสเตียรอยด์ ปลอดภัยใช้ได้ทุกวัน พกพาสะดวก ไม่จำเป็นต้องเก็บในตู้เย็น ซึ่งสามารถใช้ได้ตั้งแต่เด็กอายุ 2 ขวบไปจนถึงผู้สูงอายุ” ดร.สรวง กล่าว

ยับยั้งไวรัสโควิด และไข้หวัดใหญ่ได้ถึง 99.9%

รศ.ดร.พรสวรรค์ เหลืองวุฒิวงษ์ หัวหน้าภาควิชาจุลชีววิทยาและอิมมิวโนโลยี คณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล  กล่าวว่า เวชศาสตร์เขตร้อน ได้ทำการประเมินความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการยับยั้งเชื้อไวรัสก่อโรคทางเดินหายใจ พบว่าผลิตภัณฑ์สเปรย์จมูกมีความปลอดภัยโดยผ่านการทดสอบความเป็นพิษในเซลล์ (Cell viability) ด้วยวิธี MTT assay กับเซลล์ Human Colon (Caucasian colon adenocarcinoma, CACO-2)

รวมถึง ได้มีการทดสอบประสิทธิภาพการยับยั้งเชื้อไวรัสก่อโรคทางเดินหายใจ ทั้ง SARs-CoV-2 (COVID-19), Influenza A (โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A), เชื้อไวรัสRSV (Respiratory Syncytial Virus: RSV)  และ Human Coronavirus (เชื้อไวรัสในกลุ่มโรคมือ เท้า ปาก )โดยพบว่าในการยับยั้งเชื้อไวรัสโรคโควิด-19 ,โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A  และเชื้อไวรัสRS มีประสิทธิภาพการยับยั้งเชื้อได้มากกว่า 99.9% ขณะที่เชื้อไวรัสกลุ่ม Human Coronavirus ได้ 90 กว่า%

ป้องกัน RSV ลดติดเชื้อทางเดินหายใจเด็ก

ดร.นพ.นวมินทร์ ปิ่นปฐมรัฐ รองผู้อํานวยการฝ่ายวิจัยและพัฒนาด้านคลินิก สถาบันวิจัยและนวัตกรรมทางการแพทย์ สำนักวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ กล่าวว่า จากผลการทดสอบผลิตภัณฑ์สเปรย์พ่นจมูกในการยับยั้งเชื้อไวรัสอาร์เอสวี (Respiratory Syncytial Virus: RSV) ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งที่เป็นสาเหตุของการติดเชื้อทางเดินหายใจทั้งส่วนบนและส่วนล่าง สามารถเกิดการติดเชื้อได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ แต่ส่วนมากแล้วมักเกิดในเด็กเล็ก ๆ ที่อายุต่ำกว่า 3 ปี

“ในประเทศไทยอาจพบการระบาดของไวรัสอาร์เอสวีได้บ่อยในช่วงฤดูฝนหรือช่วงปลายฝนต้นหนาว จากข้อมูลของสถานการณ์โรคติดเชื้อทางเดินหายใจจากเชื้อไวรัสอาร์เอสวี ขององค์การอนามัยโลก (WHO) ได้รายงานว่าเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ทั่วโลก มีการติดเชื้อไวรัสอาร์เอสวีถึงปีละ 33.8 ล้านราย และส่งผลให้เสียชีวิตมากถึง 160,000 ราย จากผลการทดสอบผลิตภัณฑ์สเปรย์พ่นจมูกดังกล่าว กับเชื้อไวรัสอาร์เอสวี พบว่า ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวสามารถยับยั้งเชื้อไวรัสอาร์เอสวีได้อย่างมีนัยสำคัญ”ดร.นพ.นวมินทร์ กล่าว

เริ่มวางจำหน่าย พ่นได้มากกว่า 200 ครั้ง

ปัจจุบันนวัตกรรมสเปรย์พ่นจมูกเบซูโตะ เคลียร์ (Besuto Qlears)  ซึ่งเป็นการต่อยอดงานวิจัยและพัฒนาสารสกัดจากเปลือกมะนาวโดยฝีมือคนไทย ได้วางจัดจำหน่ายแล้วตามร้านยาทั่วไป

ภก.ธัชพล ชลวัฒนสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เฮลท์ลีด จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าก่อนจัดจำหน่ายได้มีการทดสอบทั้งในห้องปฎิบัติการ และผู้ใช้จริง ซึ่งบริษัทเฮลท์ลีด ได้มีสมาชิกร้านยา เภสัชกรรมอยู่ทั่วประเทศ และได้มีเภสัชกรที่ทำงานร่วมกว่า 200 คน  ทั้งหมดจะได้นำนวัตกรรมสเปรย์พ่นจมูกเบซูโตะ เคลียร์ (Besuto Qlears) ไปทดลองใช้จริง

ครั้งแรกผู้ใช้ได้ทำการทดสอบ ไม่ชื่นชอบกลิ่น เมื่อใช้แล้วมีความแสบ จึงได้มีการพัฒนาปรับปรุงมา จนกระทั่งได้สเปรย์พ่นจมูกมีความใสเหมือนน้ำเปล่า ไม่มีกลิ่น และไม่แสบจมูก สามารถใช้ได้ทุกวัน โดยขายขวดละ295 บาท พ่นได้มากกว่า 200 ครั้ง