ขุนน่าน คอฟฟี่ 'สงวนสิทธิ์ เรืองดำ' กับภารกิจ 'คืนผืนป่าให้แม่ด้วยกาแฟพ่อ'

หลายสิบปีที่ผ่านมา เกษตรกรในจ.น่านต้องเผชิญกับวิกฤติจากการปลูกพืชเชิงเดี่ยว โดยเฉพาะข้าวโพดบนภูเขา ต้องใช้การเผาไร่เพื่อเตรียมพื้นที่เพาะปลูก
KEY
POINTS
- ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นคือการสร้าง“คน”ให้เข้มแข็ง พวกเขาไม่ได้เป็นแค่เกษตรกร แต่เป็นผู้พิทักษ์ป่าและผู้สร้างเศรษฐกิจชุมชนอย่างแท้จริง
- เป็นสร้างโมเดลแห่งการเปลี่ยนแปลงที่แสดงให้เห็นว่า“กาแฟ”สามารถเป็นพลังในการคืนชีวิตให้ผืนป่าและผู้คนได้
- คืนผืนป่าให้แม่ด้วยกาแฟพ่อ 2025 จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 9 เดือน 9 จนถึงเดือนธันวาคมนี้
หลายสิบปีที่ผ่านมา เกษตรกรในจ.น่านต้องเผชิญกับวิกฤติจากการปลูกพืชเชิงเดี่ยว โดยเฉพาะข้าวโพดบนภูเขา ซึ่งต้องใช้การเผาไร่เพื่อเตรียมพื้นที่เพาะปลูก ส่งผลให้เกิดปัญหา “เขาหัวโล้น” และหมอกควันพิษที่รุนแรง ดินเสื่อมโทรมและระบบนิเวศเสียหาย กระทั่ง “เบิ้ม”-สงวนสิทธิ์ เรืองดำ ได้เข้ามาเปลี่ยนวิธีคิดของชุมชนจากเกษตรเคมีมาสู่การปลูกกาแฟใต้ร่มเงาป่า (Shade-Grown Coffee) เพื่อฟื้นฟูระบบนิเวศและสร้างรายได้ที่ยั่งยืนไปพร้อมกัน
เบิ้ม เล่าว่าด้วยความที่เป็นคนชอบดื่มกาแฟและท่องเที่ยวแหล่งธรรมชาติมาโดยตลอด มีโอกาสได้สัมผัสกับชุมชนในหลายๆ หมู่บ้าน ในพื้นที่โดยรอบอุทยานแห่งชาติขุนน่าน จ. น่าน ไม่ว่าจะเป็น บ้านน้ำแคะ บ้านห้วยหมี อ.บ่อเกลือ แหล่งแคมป์ปิ้งที่มีทิวทัศน์ภูเขาสวยงาม ลานกว้าง อากาศเย็นสบายและเหมาะสำหรับการพักผ่อนในธรรมชาติ จึงได้ทำงานร่วมกับชาวบ้านในพื้นที่สนับสนุนให้ปลูกกาแฟและปลูกป่าไปพร้อมกัน เพื่อช่วยให้ดินกลับมาอุดมสมบูรณ์ และป่าต้นน้ำก็ค่อยๆ ฟื้นคืนชีวิต
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
คอกาแฟเช็กด่วน! ดื่มวันละ 2-3 แก้ว พอดีหรือเกินขีดจำกัดวัยทำงาน?
คืนผืนป่าให้แม่ด้วยกาแฟพ่อ
เริ่มต้นโครงการ “คืนผืนป่าให้แม่ด้วยกาแฟพ่อ”ตั้งแต่ปี 2563 โดยทำงานร่วมกับชุมชน หมู่บ้านน้ำแคะ ต.ดงพญา อ.บ่อเกลือ หลังจากนั้นมาสานต่อที่หมู่บ้านสะเกี้ยง ต.ขุนน่าน อ.เฉลิมพระเกียรติและปีนี้จะดำเนินการต่อเนื่องที่หมู่บ้านน้ำแคะ และหมู่บ้านก่อกวง (หรือก่อก๋วง)อำเภอบ่อเกลือ ที่ชาวบ้านยังคงมีการดำรงชีพแบบดั้งเดิมและมีชุมชนให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสบรรยากาศที่เย็นสบายตลอดปี
ด้วยการส่งเสริมให้ปลูกป่าพร้อมกับปลูกกาแฟไปด้วย เน้นพันธุ์ไม้ที่อุ้มน้ำเพื่อช่วยให้ดูดซับน้ำให้กับต้นกาแฟ และขอสนับสนุนพันธุ์ไม้จากกรมอุทยาน และปลูกไม้ป่าทั่วไปที่ชาวบ้านเขาปลูกกันอยู่แล้ว และทำมาต่อเนื่องถึงปัจจุบัน พร้อมกับ ส่งเสริมและสนับสนุนองค์ความรู้เรื่องการปลูก การดูแล ไปจนถึงการแปรรูปกาแฟ ทำให้ชาวบ้านสามารถผลิตกาแฟที่มีคุณภาพสูงและเป็นที่ต้องการของตลาดได้ด้วยตนเอง จนกลายเป็นที่มาของ “โมเดลกาแฟเพื่อป่าและชุมชน"
ขณะเดียวกันเพื่อทำการตลาดช่วยชาวบ้านที่ปลูกกาแฟ “เบิ้ม” ได้ก่อตั้งแบรนด์ “ขุนน่าน คอฟฟี่” (Khunnan Coffee) ด้วยการรับซื้อเมล็ดกาแฟจากเกษตรกรในชุมชนที่ทำโครงการร่วมกันมาคั่วกาแฟขายทั้งที่ร้านและขายออนไลน์ และทำการตลาดให้ชาวบ้านไปพร้อมกัน ด้วยความที่เป็นกาแฟที่ปลูกใต้ร่มเงาป่า (Shade-Grown Coffee)ทำให้เป็นที่ถูกใจของคอกาแฟแนวฟื้นฟูระบบนิเวศและสร้างรายได้ที่ยั่งยืนไปพร้อมกัน
ทุกผลิตภัณฑ์เมล็ดกาแฟเป็นทุนซื้อต้นกล้ากาแฟ
“กาแฟหนึ่งแก้วไม่ได้เป็นแค่เครื่องดื่ม แต่ทุกผลิตภัณฑ์เมล็ดกาแฟที่จำหน่ายจะกลายเป็นทุนในการซื้อต้นกล้ากาแฟ เพื่อนำไปปลูกในพื้นที่ชุมชนต้นน้ำที่บ้านน้ำแคะและพื้นที่อื่นๆ ที่เหมาะสม ผู้ที่ดื่มกาแฟทุกคนได้เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างป่าและสร้างรายได้ให้กับชาวบ้านอย่างยั่งยืน เป็นส่วนหนึ่งของการอนุรักษ์ป่าไม้และช่วยเหลือเครือข่ายชุมชน ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นคือการสร้าง“คน”ให้เข้มแข็ง พวกเขาไม่ได้เป็นแค่เกษตรกร แต่เป็นผู้พิทักษ์ป่าและผู้สร้างเศรษฐกิจชุมชนอย่างแท้จริงเป็นสร้างโมเดลแห่งการเปลี่ยนแปลงที่แสดงให้เห็นว่า“กาแฟ”สามารถเป็นพลังในการคืนชีวิตให้ผืนป่าและผู้คนได้”
สำหรับการต่อยอดโครงการ คืนผืนป่าให้แม่ด้วยกาแฟพ่อ 2025 จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 9 เดือน 9 จนถึงเดือนธันวาคมนี้ เบิ้มได้ร่วมกับกลุ่มมิตรภาพสร้างสรรค์ Save The Wild Protect The Sea ไม่ว่าจะเป็น หมอล็อต, ผู้กองเบ๊นซ์, เอ สุรพันธ์, ไมค์ พลภัทร, บ็อบ สายแข็ง, เกรย์ ชัยยุทธ, แอฟฟูร่า และกบ Bike Finder จะเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมปลูกต้นกาแฟในพื้นที่ชุมชนต้นน้ำที่บ้านน้ำแคะ และในหลายๆ พื้นที่ที่เหมาะสมเพิ่มมูลค่าให้กับชุมชนอย่างยั่งยืนได้ดูรายละเอียดที่เพจ Khunnan Coffee







