ยกเว้นดอกเบี้ย-ยืดชำระหนี้ ทางรอด 'คนตัวเล็ก' ฟื้นตัวได้เร็ว

อุทกภัยที่ก่อวิกฤตให้กับภาคเหนือของประเทศไทยในช่วงกันยายน-ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา ได้สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจมากกว่า 25,000 ล้านบาท
ส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาคเกษตรกร การค้าขาย วิสาหกิจรายย่อย รวมถึงประชาชนในหลายจังหวัด โดยเฉพาะจังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ แพร่และลำปาง
ศรีสวัสดิ์ ในฐานะ Non-Bank ยกเว้นดอกเบี้ย 3 เดือนให้ลูกค้าที่ประสบปัญหาน้ำท่วม 2567 ภัยกว่า 14,714 ราย รวมมูลค่าดอกเบี้ยที่ได้รับการยกเว้นแล้ว กว่า 50-60 ล้านบาท ช่วยเหลือลูกค้าที่ไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์ในช่วงวิกฤต ลดภาระหนี้สินช่วยให้ลูกค้าฟื้นตัวจากความเสียหายได้เร็วขึ้น
หนึ่งในผู้ประกอบการที่ต้องต่อสู้กับอุทกภัยในปี 2567 ที่สร้างความเสียหายอย่างหนัก คือ “ภัคชุดา วรรณศุภลาภ” เจ้าของร้านน้องดาวเฟอร์นิเจอร์ ในจังหวัดเชียงใหม่ ด้วยความไม่ทันตั้งตัวเตรียมรับมือกับน้ำท่วม ทำให้เฟอร์นิเจอร์ภายในร้านเสียหายไปมาก รวมทั้ง “บ้าน” ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของครอบครัวได้เสียหายจนต้องปรับปรุงใหม่ ใช้เวลา 2-3 เดือนกว่าจะเข้าอาศัยได้อีกครั้ง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
เปิดคอร์สเด็ด Gen Z ฝึกฟรี 3 ต่อ พร้อมเบี้ยเลี้ยง การันตีมีงานทำ
สินเชื่อรถแลกเงิน ช่วยเหลืออุทกภัย
ตั้งแต่เกิดมาก็ถือว่าน้ำท่วมครั้งนี้หนักที่สุดจนไม่อยากพูดถึงมูลค่า แม้จะมีการสนับสนุนจากภาครัฐไม่ว่าจะเป็น “ค่าล้างโคลน” น้ำท่วม 2567 จำนวน 10,000 บาท หรือ เงินเยียวยาช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ตามมติ ครม. จำนวน 9,000 บาท ก็ไม่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายทั้งหมด
ภัคชุดา ตัดสินใจใช้ทรัพย์สินที่เหลือจากเหตุการณ์อุทกภัยคือ รถเก๋งหนึ่งคัน เพื่อนำไปค้ำประกันสำหรับการกู้ยืมที่ศรีสวัสดิ์ ผ่านสินเชื่อรถแลกเงิน (สินเชื่อรถยนต์) มาหมุนเวียนที่ร้านเฟอร์นิเจอร์และบ้าน เพื่อให้กลับฟื้นได้อีกครั้งและเพื่อให้อีกหลายชีวิตได้ดำเนินต่อเพราะยังมีลูกจ้างอีกหลายรายที่ต้องช่วยเหลือดูแลประคับประคองให้ผ่านวิกฤตนี้ไปได้
“เหตุการณ์อุทกภัยปี 67 ส่งผลรุนแรงมากสำหรับพวกเรา บางบ้านไม่เหลืออะไรเลย ส่วนตัวมี 2 ชั้น ชั้นล่างไม่เหลืออะไรเลยสักอย่าง ต้องรื้อทำใหม่หมด สถานการณ์เลวร้ายมากๆ ถ้าพูดถึงสินค้าเฟอร์นิเจอร์ที่ร้านจะได้รับผลกระทบน้อยกว่าที่บ้าน ซึ่งมูลค่าอย่าพูดเลยมันเยอะมาก ต้องปิดร้าน ต้องล้างหมดเลย ใช้เวลาประมาณเกือบเดือน แต่ที่บ้านใช้เวลา 2-3 เดือน กว่าที่เราจะปรับปรุงใหม่ได้ เรามีเพียงรถ 1 คัน ก็เอาไปค้ำประกัน ซึ่งได้เงินจากศรีสวัสดิ์ บริษัทก็ลดดอกเบี้ยให้ 3 เดือนมาประคับประคอง ซึ่งได้เงินจากทางรัฐบาลเรียบร้อยแล้วถามว่าครอบคลุมค่าใช้จ่ายไหมก็ไม่ครอบคลุมอยู่แล้ว ก็ยังดีที่ช่วยเหลือเรา” ภัคชุดา กล่าว
กู้เงินมาหมุนเวียน ช่วยเหลือลูกจ้าง
หลังจากร้านน้องดาวเฟอร์นิเจอร์เปิดทำการ ก็มีรายได้เข้ามาหล่อเลี้ยงและมีผ่อนชำระกับทางศรีสวัสดิ์อย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับ “ป้าดา” แม่ค้าขายปลาตลาดเมืองใหม่ตลาดสดที่ใหญ่ที่สุดในเชียงใหม่ ขายสินค้าหลากหลาย เช่น ผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ อาหารทะเล และของใช้ต่าง ๆ ทั้งค้าปลีกและค้าส่ง พ่อค้าแม่ค้าจะมารับสินค้าจากเกษตรกรไปขายต่อในช่วงเช้าและมีการวางสินค้าบนทางเท้าในช่วงค่ำ ตลาดเมืองใหม่จึงมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนเศรษฐกิจของชาวเชียงใหม่
พ่อค้าแม่ขายหลายรายต้องประสบอุทกภัยรวมถึง ป้าดา โดยได้รับความเสียหายทั้งร้านปลาในตลาดที่ขายปลีก-ส่ง รวมถึงบ้านที่อยู่อาศัย มูลค่าความเสียหายมากกว่า 200,000 บาท ตัดสินใจนำที่ดินไปค้ำประกันผ่านสินเชื่อบ้านและที่ดินของศรีสวัสดิ์ กู้เงินมาหมุนเวียนในครอบครัวและเพื่อช่วยเหลือลูกจ้าง การลดดอกเบี้ยในช่วง 3 เดือนแรกช่วยให้สามารถฟื้นตัวจากวิกฤตขึ้นมาได้บ้าง
“ตอนน้ำท่วมมันก็แย่ลง ขาดทุน ต้องหาเงินมาหมุน น้ำท่วมประมาณเกือบ 1 เมตร ทั้งที่บ้านและตลาด ทำให้ทำมาหากินไม่ได้ต้องปิดร้าน ตลาดต้องปิดทั้งหมด ไม่ได้ขายของ ปลาที่เราวางไว้ในลังก็เน่าหมดเลยไม่มีน้ำแข็ง ปลาที่เสียหายประมาณ 2-3 แสน ก็เลยขาดทุน ในระหว่างที่น้ำท่วม ประมาณ 3-4 วัน ทำให้เข้าตลาดไม่ได้แต่ระยะเวลาในการฟื้นฟูกว่าจะได้กลับมาค้าขายอีกครั้งกินเวลาไปเกือบครึ่งเดือน ผ่านมา 3-4 เดือนแล้วก็ฟื้นตัวได้ ตอนที่ได้เงินจากศรีสวัสดิ์มาก็ดีขึ้นมาหน่อย เอามาหมุน ดอกเบี้ยที่ทางศรีสวัสดิ์ลดให้ก็ลดภาระได้นิดนึง เราก็ต้องสู้ต่อไป ตอนนี้ก็กลับมาดีขึ้นแล้ว” ป้าดา กล่าว
ถ้าตลาดเมืองใหม่เปิดทำการค้าไม่ได้ ไม่เพียงแต่จะส่งผลกระทบต่อป้าดาเท่านั้น แต่ยังสร้างปัญหาต่อพ่อค้าแม่ค้าคนอื่น ๆ รวมถึงผู้ที่ต้องพึ่งพาวัตถุดิบจากตลาดแห่งนี้ในการดำเนินธุรกิจ เช่น ร้านอาหาร ร้านขายของสด และผู้ค้าในท้องถิ่น ที่ไม่สามารถเข้ามาหาซื้อสินค้าได้ตามปกติ ความเสียหายจากอุทกภัยจึงไม่ได้จำกัดแค่เฉพาะในครอบครัวของป้าดา แต่ยังลามไปถึงเศรษฐกิจในวงกว้าง โดยทำให้การค้าขายหยุดชะงัก และกระทบต่อหลายครอบครัวที่ต้องพึ่งพารายได้จากการค้าขายในตลาดเมืองใหม่
ยกเว้นดอกเบี้ย 3 เดือนพยุงลูกค้าฟื้นตัว
ศรีสวัสดิ์ จัดโครงการ “ศรีสวัสดิ์ เงินสดทันใจ สัญจรเชียงใหม่” เพื่อลงพื้นที่ติดตามผลการดำเนินกิจการของลูกค้าหลังวิกฤตน้ำท่วมปี 2567 หลังจากที่ออกมาตรการเร่งด่วนยกเว้นดอกเบี้ย 3 เดือนช่วยเหลือลูกค้าที่ประสบอุทกภัยช่วงไตรมาส 4/67 ผ่านแอปพลิเคชัน “ศรีสวัสดิ์” ตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม 2567 ถึง 30 ธันวาคม 2567 เพื่อบรรเทาหนี้และเพิ่มสภาพคล่องให้กับลูกค้าให้สามารถฟื้นตัวจากความเสียหายที่เกิดขึ้นได้เร็วที่สุด
โดยมีลูกค้าที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการนี้กว่า 14,714 ราย ที่ได้รับความช่วยเหลือ รวมมูลค่าดอกเบี้ยที่ได้รับการยกเว้นแล้ว กว่า 50-60 ล้านบาท ซึ่งไม่เพียงช่วยลดภาระทางการเงินในช่วงวิกฤต แต่ยังกระตุ้นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี
ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์องค์กร บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) ธิดา แก้วบุตต าเผยว่า “เราไม่เพียงแค่ยืดเวลาชำระหนี้แต่เราลดดอกเบี้ยเลย 3 เดือน โครงการ “ศรีสวัสดิ์ เงินสดทันใจ สัญจรเชียงใหม่” ครั้งนี้เป็นการติดตามลูกค้าว่าอยากให้ทางศรีสวัสดิ์ช่วยเหลืออะไรเพิ่มเติมหรือไม่ ซึ่งพบว่าลูกค้าส่วนใหญ่ก็สามารถกลับมาชีวิตได้ปกติแล้ว แต่ก็มีลูกค้าส่วนหนึ่งที่อยากให้เราช่วยต่อไป เราก็ได้พิจารณาในการยืดเวลาชำระหนี้เพื่อปรับโครงสร้างหนี้ให้เหมาะสมกับสภาพการเงินของลูกค้า
โดยจะพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีของชุมชนและสังคมอย่างต่อเนื่องเพื่อส่งเสริมความมั่นคงทางการเงินให้กับลูกค้า พร้อมเป็นฟันเฟืองหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจท้องถิ่น สอดคล้องกับแนวทางของภาครัฐที่ต้องการเร่งช่วยเหลือลูกหนี้ รวมถึงประชาชนที่ไม่สามารถเข้าถึงสถาบันทางการเงินได้เนื่องจากปัจจุบันธนาคารพาณิชย์มีการปล่อยสินเชื่อน้อยลง
เชียงใหม่เตรียมรับมือน้ำท่วมปี 68”
รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ "ศิวกร บัวป้อง" ได้ให้สัมภาษณ์ "กรุงเทพธุรกิจ"ว่า สถานการณ์อุทกภัยเมื่อปี 67 ของจังหวัดเชียงใหม่เกิดทั้งหมด 23 อำเภอ 200 กว่าตำบล ซึ่งความเสียหายในขณะนี้กำลังฟื้นฟูเยียวยาไปเกือบทั้งหมดและมีส่วนหนึ่งที่อยู่ระหว่างการดำเนินการ ซึ่งการดำรงชีพของประชาชนโดยรวม ปัจจุบันสามารถกลับมาประกอบอาชีพและใช้ชีวิตได้ตามปกติแล้ว
สำหรับปี 2568 ดุสิต พงศาพิพัฒน์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงใหม่ ได้เตรียมแผนป้องกันน้ำท่วมโดยจะมีการขุดลอกแม่น้ำปิง ซึ่งกว้าง60 เมตรรื้อสิ่งกีดขวางทางน้ำ ฝายต่างๆ ระยะทางทั้งหมด 41 กิโลเมตร เริ่มจากในเขตเมืองก่อน 10 กิโลเมตร ให้ได้ภายใน 3 เดือน (เมษายน-มิถุนายน) ส่วนอีก 2 เดือนข้างหลัง (กรกฎาคม-สิงหาคม) จะเร่งรัดให้ได้ 41 กิโลเมตรตามเป้าหมายจะเพิ่มหน้าตักในการรับน้ำได้มากกว่าเดิม ซึ่งการรับน้ำได้มากขึ้นก็จะทำให้เชียงใหม่ปลอดภัยจากอุทกภัย พร้อมขอความร่วมมือประชาชนที่อยู่ริมแม่น้ำปิงเพราะเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำที่ติดกับแม่น้ำปิง มีความเสี่ยงสูงที่อยู่แล้วจะไม่ปลอดภัย