เตือน'พลัดตกอาคารสูง' เข้าข่ายพฤติกรรมเลียนแบบฆ่าตัวตาย

เตือน'พลัดตกอาคารสูง' เข้าข่ายพฤติกรรมเลียนแบบฆ่าตัวตาย

กรมสุขภาพจิต หวั่นเหตุพลัดตกอาคาร อาจเข้าข่ายพฤติกรรมเลียนแบบฆ่าตัวตาย ฝากหน่วยงานที่มีอาคารสูง เพิ่มมาตรการป้องกัน พร้อมขยายสายด่วน 1323 จาก 15 คู่สาย เป็น 60 คู่สาย ทั่วประเทศ รองรับการให้บริการแก่ประชาชนมากขึ้น        

จากกรณีเหตุการณ์พลัดตกจากที่สูงในอาคารสูงที่เกิดขึ้นต่อเนื่องในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา วันนี้ (24 กันยายน 2568) นพ.กิตติศักดิ์ อักษรวงศ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่าหลายกรณีมีความเกี่ยวข้องกับการทำร้ายตนเอง ซึ่งถือเป็นหนึ่งในปัญหาสุขภาพจิตที่ยังอยู่ระหว่างการสอบสวนแรงจูงใจ โดยกรมสุขภาพจิตได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมเก็บรวบรวมข้อมูลเพื่อวิเคราะห์ปัจจัยเสี่ยง และให้ข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการเกิดเหตุซ้ำ ๆ ขึ้นอีก

เป็นปรากฏการณ์ที่เคยมีการศึกษา พบว่า ผู้ที่มีความเสี่ยงมักเลียนแบบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับบุคคลมีชื่อเสียงหรือจากสถานที่ที่เคยเป็นข่าวมาก่อน ทั้งนี้ยังมีปัจจัยร่วม เช่น เพศ อายุ อาชีพ หรือแรงจูงใจที่คล้ายคลึงกัน จึงเป็นสิ่งที่ต้องอาศัยการวิเคราะห์เชิงลึก เพื่อสร้างระบบเฝ้าระวังในภาพรวม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

ประกาศ! รพ.วชิรพยาบาล ปิดบริการผู้ป่วยนอกทุกประเภท จากเหตุถนนทรุด

จุฬาฯ ปั้น 'วิสัญญีพยาบาลมือโปร' เชี่ยวนวัตกรรม สู้ปัญหาขาดแคลน

พลัดตกอาคารสูง เข้าข่ายเลียนแบบฆ่าตัวตาย

กรมสุขภาพจิตจึงเน้นย้ำถึงบทบาทของครอบครัวและคนใกล้ชิดในการสังเกตสัญญาณเตือนที่สำคัญ เช่น การโพสต์ข้อความที่สื่อถึงความสิ้นหวัง การพูดหรือฝากฝังสิ่งต่าง ๆ ก่อนจากไป พฤติกรรมที่เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด รวมถึงอารมณ์เศร้า หดหู่ หรือการแยกตัวออกจากสังคม สัญญาณเหล่านี้หากตรวจพบตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยให้สามารถป้องกันและเข้าช่วยเหลือได้ทันเวลา

นพ.จุมภฏ พรมสีดา รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวต่อว่า มาตรการป้องกันจำเป็นต้องมีความครอบคลุมทั้งในระดับครอบครัว ชุมชน และสถานที่สาธารณะ โดยเฉพาะหน่วยงานที่มีอาคารสูง ควรพิจารณาติดตั้งแผงกั้นหรือกระจกนิรภัยที่ได้มาตรฐาน รวมถึงตาข่ายนิรภัยในจุดเสี่ยง ปรับปรุงราวกันตกให้มีความสูงอย่างน้อย 1.1 เมตร และป้องกันจุดที่อาจปีนป่ายได้ โดยใช้กระถางต้นไม้หรือวัสดุตกแต่งที่เหมาะสม พร้อมติดตั้งป้ายหรือโปสเตอร์ประชาสัมพันธ์สายด่วนสุขภาพจิต 1323 ในบริเวณที่ประชาชนเข้าถึงได้ง่าย

ขยายสายด่วนสุขภาพจิต 1323

นอกจากนี้ ควรเพิ่มมาตรการเฝ้าระวังด้านความปลอดภัย เช่น การจัดเจ้าหน้าที่ประจำจุดเสี่ยง การติดตั้งกล้องวงจรปิดที่มีประสิทธิภาพ และการอบรมพนักงานทุกระดับให้รู้จักสังเกตพฤติกรรมที่บ่งชี้ความเสี่ยง รวมทั้งฝึกทักษะในการเจรจาเพื่อโน้มน้าวผู้ที่มีความเสี่ยงให้สามารถควบคุมอารมณ์และพฤติกรรมตนเองได้ ภายหลังเกิดเหตุการณ์ควรควบคุมพื้นที่เกิดเหตุเพื่อป้องกันการเข้าถึงของประชาชนและสื่อมวลชน

พร้อมทั้งประสานงานกับสื่อในการสื่อสารอย่างเป็นกลางไม่เสนอข้อความหรือภาพที่น่าสะเทือนใจ จัดตั้งจุดให้คำปรึกษาทางจิตใจแก่พนักงานและผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ และขยายช่องทางรับฟังปัญหาของประชาชนโดยเพิ่มคู่สายสายด่วนสุขภาพจิต 1323 จาก 15 คู่สาย เป็น 60 คู่สาย ทั่วประเทศ รวมถึงจัดอบรมหลักสูตร “การปฐมพยาบาลด้านสุขภาพจิต” (Mind First Aid) เพื่อสร้างเครือข่ายผู้ให้ความช่วยเหลือเบื้องต้น สามารถดูแลผู้ที่มีความทุกข์ใจหรืออยู่ในภาวะวิกฤตจนกว่าจะได้รับการรักษาจากผู้เชี่ยวชาญต่อไป