โควิดพุ่ง! สธ.เตือนรับหน้าฝน-เปิดเทอม แนะการ์ดไม่ตก 2 กลุ่มเสี่ยงรีบรักษา

โควิดพุ่ง! สธ.เตือนรับหน้าฝน-เปิดเทอม แนะการ์ดไม่ตก 2 กลุ่มเสี่ยงรีบรักษา

สธ.แจงผู้ป่วย "โควิด" เพิ่มขึ้นตามฤดูกาลจากฝนตก-เปิดเทอม แนะยกการ์ดสกัดแพร่เชื้อ เตือน 2 กลุ่มเสี่ยง 608 หรือผู้มีอาการรุนแรงควรรีบไปโรงพยาบาล

วันนี้ (3 มิถุนายน 2568) ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มีความห่วงใยสถานการณ์โรค โควิด-19 ที่มีแนวโน้มผู้ป่วยเพิ่มขึ้น จากฤดูฝนที่มาเร็วขึ้นและมีการเปิดภาคเรียน อีกทั้งยังเป็นช่วงที่พบการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ที่มีอาการคล้ายกัน จึงให้สื่อสารแนวทางปฏิบัติตัวกับประชาชนเพื่อให้มีการป้องกันตนเองมากขึ้น

เนื่องจากขณะนี้ประชาชนส่วนหนึ่งเริ่มผ่อนคลายการป้องกันตนเอง ซึ่งหากทุกคนร่วมมือกันปฏิบัติตัวเพื่อช่วยลดการแพร่เชื้อก็จะทำให้จำนวนผู้ป่วยลดลงมาได้ สำหรับผู้เสียชีวิตในปี 2568 นี้มี 69 ราย ส่วนใหญ่ยังเป็นกลุ่ม 608 ที่เป็นผู้สูงอายุและมีโรคประจำตัว และอยู่ในเมืองใหญ่ที่มีคนจำนวนมากหรือเป็นเมืองท่องเที่ยว คือ กทม. 22 ราย ชลบุรี 8 ราย จันทบุรี 7 ราย เชียงใหม่ 3 ราย เป็นต้น อัตราการเสียชีวิตไม่ได้เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 0.106 ต่อประชากรแสนคน สะท้อนว่าโรคไม่ได้มีความรุนแรงมากขึ้น 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

'โควิด-19' สธ.เผยเลยจุดสูงสุด แนวโน้มการระบาดเริ่มลดลง

ตัวช่วยโควิด'สมุนไพรไทย' ดูแลสุขภาพ อยู่บ้านก็รอดได้

หน้าฝน-เปิดเทอม โควิด-19 แนวโน้มระบาดมากขึ้น

"ผู้ที่ไม่ใช่กลุ่มเสี่ยง 608 หากติดเชื้ออาการจะไม่รุนแรง สามารถหายเองได้ หรืออาจรับประทานยารักษาตามอาการ เช่น ยาลดไข้ แก้ไอ ลดน้ำมูก แต่หากมีอาการมาก หรือเป็นกลุ่ม 608 หรือ เด็กอายุน้อยกว่า 1 ปี ขอให้รีบไปโรงพยาบาลทันที ดังนั้นในช่วงนี้ที่มีการเปิดเทอม จึงมีข้อควรระวังคือ การป้องกันไม่ให้เด็กที่ไปโรงเรียนติดโควิดแล้วนำกลับมาแพร่เชื้อต่อผู้สูงอายุที่บ้าน ซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงที่มีอาการรุนแรงได้" นพ.ทวีศิลป์กล่าว

นพ.สุทัศน์ โชตนะพันธ์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า สถานการณ์โรคติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบนจะเป็นไปตามฤดูกาล คือ เมื่อเข้าฤดูฝนและเปิดเรียนจะพบผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะนักเรียนนักศึกษาที่อยู่รวมกลุ่ม เกิดการแพร่กระจายได้ง่าย ทำให้ขณะนี้ผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่และโควิด-19 สูงขึ้น

โดยตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 3 มิถุนายน 2568 พบผู้ป่วยโรคโควิด-19 จำนวน 324,692 ราย อัตราป่วยอยู่ที่ 500.20 ต่อประชากรแสนคน จังหวัดที่มีอัตราป่วยสูงสุดคือ กทม. ชลบุรี ระยอง ภูเก็ต และนครปฐม มีการระบาดเป็นกลุ่มก้อนในสถานศึกษา 12 เหตุการณ์ เรือนจำ 6 เหตุการณ์ ค่ายทหาร 4 เหตุการณ์ และโรงพยาบาล 2 เหตุการณ์

โควิดพุ่ง! สธ.เตือนรับหน้าฝน-เปิดเทอม แนะการ์ดไม่ตก 2 กลุ่มเสี่ยงรีบรักษา

ย้ำการ์ดไม่ตก กลุ่มเสี่ยงต้องพึงระวัง

ภาพรวมแนวโน้มผู้ป่วยเริ่มเพิ่มขึ้นตั้งแต่สัปดาห์ที่ 16 เป็นต้นมา และช่วงสัปดาห์ที่ 19-22 จำนวนผู้ป่วยสูงกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี และสูงกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปี 2567 โดยสัปดาห์ที่ 22 มีผู้ป่วยสูงสุด 93,621 ราย ส่วนสัปดาห์นี้พบ 28,392 ราย

สำหรับมาตรการควบคุมป้องกันโรค ยังเน้นย้ำมาตรการส่วนบุคคล คือ การเว้นระยะห่าง ล้างมือ หลีกเลี่ยงสถานที่แออัด และแม้อัตราเสียชีวิตค่อนข้างต่ำ แต่ต้องพึงระวังกลุ่ม 608 โดยมีข้อแนะนำเพิ่มเติม คือ ให้เข้ารับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลด้วย

"ขณะนี้การระบาดของโควิด -19 ในประเทศไทยเป็นสายพันธุ์ XEC ซึ่งติดเชื้อได้ง่าย แต่อาการไม่ได้รุนแรง เป็นเหมือนกับโรคไข้หวัดทั่วไป สะท้อนได้จากอัตราการนอนรักษาในโรงพยาบาลต่ำมาก ผู้ป่วยหลายรายหายได้เองโดยไม่ต้องรับประทานยา และเมื่อติดเชื้อยังไม่มีความจำเป็นต้องหยุดการเรียนการสอนหรือหยุดการทำงาน" นพ.สุทัศน์กล่าว 

โควิดพุ่ง! สธ.เตือนรับหน้าฝน-เปิดเทอม แนะการ์ดไม่ตก 2 กลุ่มเสี่ยงรีบรักษา

ด้าน นพ.สกานต์ บุนนาค รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า หากมีอาการป่วยเพียงเล็กน้อยจะแยกว่าเป็นไข้หวัดใหญ่ ไข้หวัด หรือโควิด- 19 ได้ยาก แต่แนวทางการดูแลรักษาเบื้องต้นเหมือนกัน คือ กรณีอาการไม่มากและไม่ใช่กลุ่มเสี่ยง สามารถดูแลรักษาเหมือนไข้หวัดทั่วไป คือ ใช้ยารักษาตามอาการ ไม่จำเป็นต้องใช้ยาต้านไวรัส

ส่วนกลุ่มที่ควรรีบไปพบแพทย์คือมีอาการมากขึ้น ได้แก่ ไข้สูงมากกว่า 38.5 องศาเซลเซียสขึ้นไป มีอาการหอบเหนื่อย ซึมลง หรือ ค่าออกซิเจนในเลือดต่ำกว่า 95% และกลุ่มเสี่ยงคือ ผู้สูงอายุ กลุ่มโรคเรื้อรัง 7 โรค เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 1 ปี และหญิงตั้งครรภ์ และเนื่องจากปัจจุบันโรคนี้ไม่ได้เป็นโรคติดต่อร้ายแรง แพทย์จะเป็นผู้พิจารณาว่าจะต้องรับไว้นอนโรงพยาบาลหรือไม่หรือใช้ยาอย่างไร ซึ่งปัจจุบันมีผู้ป่วยโควิด-19 นอนรักษาในโรงพยาบาลไม่มาก เฉพาะโรงพยาบาลสังกัดกรมการแพทย์ใน กทม. มีผู้ป่วยนอนรักษา 7 ราย มีเตียงพร้อมรองรับคนไข้ประมาณ 50 กว่าเตียง

ส่วนยารักษาหลักๆสำหรับกลุ่มที่มีอาการมาก หรือ เป็นกลุ่มเสี่ยง ยังเป็นยาเรมดิซีเวียร์และแพกซ์โลวิด จากการสอบถามโรงพยาบาลต่างๆ ยังสามารถจัดหากับบริษัทยาได้โดยตรง ไม่ได้ขาดแคลน รวมถึงองค์การเภสัชกรรมมีการผลิตยาโมลนูพิราเวียร์สำหรับใช้ในกลุ่มอาการปานกลางไม่ได้รุนแรงหรือลงปอดเพิ่มขึ้นด้วย เพื่อความมั่นใจว่ายาจะไม่ขาดแคลน

"ขณะนี้ไม่ได้มีคำแนะนำว่าเมื่อป่วยแล้วต้องหยุดทำงานเพื่อกักตัว การลาหยุดให้เป็นไปตามดุลพินิจของแพทย์เหมือนโรคติดต่อทั่วไปอื่นๆ เพียงแต่ต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอด โดยเฉพาะ 5 วันแรกของการป่วย ล้างมือบ่อยๆ และหลีกเลี่ยงการรวมกลุ่มกับคนจำนวนมาก เช่น การนั่งประชุมร่วมกัน หรือรับประทานอาหารร่วมกัน หากเป็นไปได้ขอให้สวมหน้ากากอนามัยต่ออีก 3-5 วัน ส่วนโรงเรียนหากมีนักเรียนป่วยหลายคน ขอให้นักเรียนที่ป่วยหยุดเรียน โดยไม่จำเป็นต้องปิดชั้นเรียนหรือปิดโรงเรียน เนื่องจากเด็กวัยเรียนไม่ใช่กลุ่มเสี่ยงที่มีอาการรุนแรง" นพ.สกานต์กล่าว

โควิดพุ่ง! สธ.เตือนรับหน้าฝน-เปิดเทอม แนะการ์ดไม่ตก 2 กลุ่มเสี่ยงรีบรักษา