‘สมุนไพร-นวดไทย’ เจาะตลาดอาหรับ ปี 68 โอกาสทอง 'ฮาลาล' ไทย

การส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมและการเปิดตลาดใหม่ในต่างภูมิภาค เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยมีตลาดส่งออกผลิตภัณฑ์ที่กว้างขวางมากขึ้น โดยเฉพาะการส่งออกไปยังภูมิภาคตะวันออกกลาง

ปี 2565 มีประชากรนับถือศาสนาอิสลามกว่า 1.9 พันล้านคน หรือประมาณ 23.54 %   ของประชากรโลก และมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น โดยอาศัยอยู่ในตะวันออกกลาง(อาหรับ)ราว 400 ล้านคน คิดเป็น 20 %  เฉพาะซาอุดิอาระเบีย มีประชากร 36.54 ล้านคน และในช่วงพิธีฮัจญ์จะมีคนมุสลิมจากทั่วโลกมาเยือนอีกกว่า 20 ล้านคน 

 เช่นเดียวกับตลาดสินค้าฮาลาลทั่วโลกที่มีมูลค่าทางการตลาดเติบโตอย่างต่อเนื่องเช่นกัน โดยในปี 2564 อยู่ที่ 2.1 ล้านล้านดอลลาร์ สะท้อนให้เห็นถึงกำลังซื้อของผู้บริโภคชาวมุสลิม โดยไทยเป็นประเทศส่งออกอาหารฮาลาลมากเป็นลำดับที่ 11ของโลก หรือประมาณ  2.7%ของอาหารฮาลาลทั้งหมดในโลก

นับเป็นโอกาสที่ดีในการสร้างความร่วมมือด้านการค้าการลงทุนของทั้งสองประเทศ และเป็นโอกาสทองของผู้ประกอบการไทยที่จะขยายธุรกิจด้านสุขภาพและผลิตภัณฑ์สมุนไพรในตลาดตะวันออกกลาง(อาหรับ)

จับคู่เจรจาธุรกิจมูลค่า 240 ล้านบาท

ล่าสุด เมื่อวันที่ 20 ก.พ. 2568 มีการประชุมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง “โอกาสทางธุรกิจด้านการนวดไทยและผลิตภัณฑ์สมุนไพร สู่ตลาดตะวันออกกลางและซาอุดิอาระเบีย” และพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจการส่งเสริมการนวดไทย และผลิตภัณฑ์สมุนไพรสู่ตลาดซาอุดิอาระเบีย โดยมี เอกอัคราชทูตซาอุดีอาระเบีย อับดุรเราะห์มาน อับดุลอะซีซ อัลซุฮัยบานี, เอกอัคราชทูตโอมาน อิสซา อับดุลเลาะฮ์ ญาบิร อัลอาลาวี และอุปทูตบาห์เรน โมฮาเหม็ด อับดุลลา มะห์มูด อัลคูฮีจิเข้าร่วมงานด้วย

จากการจัดงานนี้ ทำให้ผู้ประกอบการไทย ระดับ Micro SMEs, Small SMEs และกลุ่มวิสาหกิจชุมชน OTOPและบริษัทคู่ค้า ในกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง ได้จับคู่เจรจาทางธุรกิจ ถึงจำนวน 24 คู่ คิดเป็นมูลค่าทางการตลาดกว่า 240 ล้านบาท

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(รมว.สธ.) กล่าวในการเป็นประธานพิธีเปิดว่า สธ.ได้มีการเตรียมความพร้อมยกระดับการนวดไทยและผลิตภัณฑ์สมุนไพร สู่ตลาดตะวันออกกลาง โดยได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์สมุนไพรให้มีมาตรฐานฮาลาล และการนวดไทย ให้มีมาตรฐานสอดคล้องกับประเพณีและวัฒนธรรมอิสลาม

ที่ผ่านมากรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ได้ฝึกอบรมเพิ่มทักษะด้านการนวดไทย สำหรับตลาดตะวันออกกลางให้กับหมอนวดไทย ผ่านระบบออนไลน์ จำนวน 123 คน

นำร่องนวดไทยที่ซาอุฯช่วงฮัจย์ ปี68

ขณะนี้มีความพร้อมที่จะเริ่มนำร่องที่ประเทศซาอุดิอาระเบียเป็นประเทศแรก ในช่วงพิธีฮัจย์ เดือนมิ.ย.2568 เพราะพิธีฮัจย์ เป็นศูนย์กลางศาสนา ที่ชาวมุสลิมทั่วโลกต้องเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ นับล้านคน จึงถือว่า เป็นตลาดสำคัญที่จะส่งเสริมการนวดไทยและผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทย ตามนโยบายเศรษฐกิจสุขภาพ

“การลงนาม MOU ในการส่งเสริมการนวดไทยและผลิตภัณฑ์สมุนไพร สู่ตลาดซาอุดิอาระเบีย เป็นการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล ในการยกระดับภูมิปัญญาไทย ส่งเสริม Soft Power ของประเทศ เพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร และคว้าโอกาสในตลาดใหม่ๆ รวมถึงตลาดอาหารฮาลาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศซาอุดิอาระเบีย และกลุ่มประเทศในภูมิภาคตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่ และมีแนวโน้มเติบโตอย่างก้าวกระโดด”นายสมศักดิ์กล่าว   

2568 โอกาสทองฮาลาลไทย 

อย่างไรก็ตาม การมี “ฮาลาล” เป็นกุญแจสำคัญในการขยายตลาดผลิตภัณฑ์สุขภาพและสมุนไพรไทยไปยังตะวันออกกลาง เพื่อช่วยสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค โดยไพศาล พรหมยงค์ ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสมุทรปราการ กล่าวว่า  ปีพ.ศ.2568 เป็นโอกาสของฮาลาลไทย จากจุดแข็ง ประกอบด้วย 1.ไทยเป็นประเทศแรกในโลกที่มีการรับรองและส่งออกผลิตภัณฑ์ฮาลาล ตั้งแต่ปีพ.ศ.2492  

2.มีการรับรองโดยองค์กรศาสนาที่มีพ.ร.บ.การบริหารองค์กรศาสนาอิสลามพ.ศ.2540 รองรับ โดยมีคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด 40 จังหวัด

3.มีสถานประกอบการที่หลากหลายจำนวนมาก มีสถานประกอบการที่ได้รับการรับรองมากกว่า 8,000 ราย และผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองมากกว่า 170,000 รายการ

ดันนวดไทย-สมุนไพรรับรองฮาลาล

 4.มีประเภทของการรับรองมากที่สุดกว่า 10  ประเภท เช่น ผลิตภัณฑ์อุปโภค บริโภค การเชือดสัตว์ การชำแหละ การแปรรูป การบริการอาหาร เครื่องดื่ม เวชภัณฑ์และเครื่องสำอาง และประเภทอื่นใดตามที่คณะกรรมการเห็นชอบ เป็นต้น  ทั้งนี้ ตนจะพยายามผลักดันให้นวดไทยและผลิตภัณฑ์สมุนไพรเข้าเป็นประเภทในการรับรองฮาลาลด้วย

5.มีสถาบันการตรวจสอบในห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์เกือบ 10 แห่ง ทั้งของรัฐ มหาวิทยาลัยและเอกชน 6.มีสถาบันการเงินให้การสนับสนุนอย่างเป็นระบบทั้ง EXIM BANK ,SME BANK และธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย

7.มีหน่วยงานภาครัฐส่งเสริมสนับสนุนในมิติต่างๆจำนวนมาก

8.มีหลักสูตรการเรียนเกี่ยวกับการดำเนินกิจการฮาลาลในระดับอุดมศึกษาแห่งแรกของโลก ที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ เป็นหลักสูตรประกาศนียบัตร การจัดการระบบกิจการฮาลาล

และ9.ไทยติดท็อป10อันดับประเทศผู้ส่งออกสินค้าฮาลาล โดยอยู่อันดับที่ 10 ประเภทสินค้า อาหารทะเลแช่แข็ง ทูน่ากระป๋อง อัตราส่วนแบ่ง 4.37 % ทั้งนี้ สินค้าฮาลาลไทยสามารถส่งขายได้ทั่วโลก ไม่ใช่เฉพาะประเทศมุสลิม

ไพศาล กล่าวด้วยว่า ส่วนเฉพาะในประเทศซาอุดิอาระเบียนั้น 2 หน่วยงานหลักของประเทศซาอุดิอาระเบียประกาศรับรองฮาลาลจากประเทศไทย ได้แก่ 1.หน่วยงานอาหารและยา มีหน้าที่ควบคุมตรวจสอบความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์และมีหน้าที่กำกับดูแลเรื่องการนำเข้าสินค้าฮาลาล อาหาร ยา เครื่องมือแพทย์ และเครื่องสำอาง 

และ2.มาตรฐานมาตรวิทยาและองค์กรคุณภาพของซาอุดิอาระเบีย ซึ่งได้รับการยอมรับว่าเป็นหนังสือเดินทางสำหรับเข้าสู่ตลาดซาอุฯ นอกจากนี้  สินค้าฮาลาลจากประเทศไทยน่าจะแบ่งมาร์เก็ตแชร์ได้มากขึ้น เนื่องจากแต่ละปีมีมุสลิมเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์-อุมเราะห์ เงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาทต่อปี

อุปกรณ์การแพทย์-ผลิตภัณฑ์สุขภาพมีโอกาส

หากเจาะลงไปในตลาดประเทศซาอุดิอาระเบีย อภิชาติ ประเสริฐสุด ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองเจดดาห์ สำนักพัฒนาและส่งเสริมธุรกิจบริการ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศไทย กล่าวถึงโอกาสนวดไทยและผลิตภัณฑ์สมุนไพรในประเทศซาอุดิอาระเบียว่า  ซาอุดิอาระเบียเป็นคู่ค้าสำคัญอันดับ 19 ของไทยในตลาดโลก มูลค่าการค้ารวม 7,894.39 ล้านดอลลาร์ โดยสินค้าที่ไทยส่งออกมูลค่า  2,850.47 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 4.33 %

• สินค้าไทยที่มีศักยภาพและมีโอกาสทางการค้า ได้แก่  อาหารและเกษตร ,วัสดุก่อสร้าง,การท่องเที่ยวและบริการการโรงแรม และผลิตภัณฑ์สุขภาพ โดยโครงสร้างพื้นฐานด้านสุขภาพกำลังขยายตัวภายใต้ VISION 2030 ทำให้สินค้าไทยในส่วนของอุปกรณ์การแพทย์และผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพมีโอกาสที่จะเข้าสู่ตลาดนี้ 
• ส่วนสินค้าไทยที่กำลังเติบโต ได้แก่ สินค้าอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ในบ้าน,พลังงานทดแทน,ยานยนต์และอะไหล่ และสินค้าแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ จึงเป็นโอกาสของเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์สปาไทย 

ขยายธุรกิจนวดไทยในซาอุดิอาระเบีย

สำหรับโอกาสของนวดไทยในซาอุดิอาระเบีย  มีความต้องการที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มลูกค้าซาอุดิอาระเบียและชาวต่างชาติ ,การสนับสนุนจากรัฐบาลซาอุดิอาระเบียและความร่วมมือกับไทย ในความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นและนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ,จุดแข็งของนวดไทยที่เหมาะกับตลาดซาอุดิอาระเบีย จากการที่มีมาตรฐานสูงเป็นที่ยอมรับระดับโลก การบำบัดแบบองค์รวม สามารถให้บริการในโรงแรมและสปาหรู 

และโอกาสขยายธุรกิจนวดไทย สามารถเปิดร้านนวดไทยและสปา โดยการร่วมทุนกับนักธุรกิจซาอุดิอาระเบีย หรือขยายแฟรนไชส์แบรนด์สปาจากไทย รวมถึง การให้บริการนวดไทยในโรงแรมและรีสอร์ตหรู และฝึกอบรมบุคลากรและส่งออกแรงงานไทย

ความต้องการผลิตภัณฑ์สมุนไพรมากขึ้น

ส่วนโอกาสผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทย  มาจากความต้องการผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติและสมุนไพรเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะการดูแลสุขภาพและความงาม หากเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองฮาลาลมีความต้องการสูง ,ช่องทางการตลาดที่มีประสิทธิภาพ ด้วยการปรับแต่งแบรนด์ให้เหมาะสมกับตลาดซาอุฯ เช่น มีฉลากภาษาอาหรับ  จำหน่ายผ่านอี-คอมเมิร์ซ  ร่วมมือกับตัวแทนจำหน่ายในประเทศซาอุดิอาระเบีย เพื่อความสะดวกด้านกฎระเบียบและการกระจายสินค้า  

ขณะที่ความท้าทายและข้อควรพิจารณา  มีการแข่งขันสูง เพราะในตลาดซาอุฯมีแบรนด์สมุนไพรทั้งในประเทศและต่างประเทศ การสร้างจุดเด่นให้กับผลิตภัณฑ์ไทยเป็นสิ่งสำคัญ  รวมถึง ยังมีข้อกำหนดด้านกฎหมายและมาตรฐานการนำเข้าผลิตภัณฑ์สมุนไพร อาจใช้เวลานานในการขออนุญาต และการปรับตัวให้เข้ากับวัฒนธรรมท้องถิ่น

ตลาดอาหรับมีความน่าสนใจ

ขณะที่ เสมอขวัญ ตะพังพินิจการ ผู้อำนวยการด้านการตลาดและพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริษัท พินิจการ คอร์ปอเนชั่น จำกัด ให้สัมภาษณ์ว่า บริษัทเป็นSME ดำเนินการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์สุขภาพจากสมุนไพรกว่า 10 ชนิด  ภายใต้แบรนด์ มิสเตอร์ทรี (Mr. tree ) อาทิ ซาฟารัน สเปรย์ใช้นวดลดอาการปวดเมื่อย การอักเสบของกล้ามเนื้อ ปวดคอบ่าไหล่ มีส่วนผสมที่ทำให้มีกลิ่นหอม ลดความเครียด หายใจโล่ง ผ่อนคลาย หลับดีขึ้น

และ สไมล์เฟรซ เม้าท์วอช  น้ำยาบ้วนปากจากสมุนไพร 100 % ลดอาการเสียวฟัน ป้องกันและแก้ปัญหาฟัน ขจัดคราบชา กาแฟ บุหรี่ แก้ปัญหาปวดฟันและเหงือกอักเสบ ยับยั้งขบวนการเกิดฟันผุ ที่สำคัญ อมแล้วไม่รู้สึกแสบร้อนช่องปาก

ที่ผ่านมา วางจำหน่ายเฉพาะในประเทศผ่านช่องทางออนไลน์ เฟซบุ๊กเพจ มิสเตอร์ทรี คาเฟ่คนรักสุขภาพเป็นหลัก แต่ละเดือนมียอดขายเติบโตดีมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งกลุ่มลูกค้าเก่าที่ซื้อซ้ำและลูกค้าใหม่ๆ ส่วนตลาดต่างประเทศยังไม่มีการสั่งซื้อกับคู่ค้าแบบเป็นล็อต มีเพียงคนไทยที่ใช้ผลิตภัณฑ์แล้วนำเข้าไปขายในประเทศที่ตนเองอยู่ เช่น ญี่ปุ่น เยอรมัน ฝรั่งเศส ไต้หวัน และอเมริกา  เป็นต้น

ในปี 2567-2568 แผนธุรกิจที่จะมีการส่งออกผลิตภัณฑ์ไปขายในต่างประเทศ ตอนนี้อยู่ในแพตฟอร์มอาลีบาบาได้รับความสนใจอย่างมาก และปี 2568 ตั้งเป้าไว้จะส่งออก 100 % โดยกำหนดสินค้าเป้าหมายเป็นซาฟารัน สเปรย์ และสไมล์เฟรซ  ทั้ง 2 ผลิตภัณฑ์มีตราฮาลาลแล้ว

มองว่าตลาดตะวันออกกลางและซาอุดิอาระเบียมีความน่าสนใจ เนื่องจากกำลังซื้อดี และผลิตภัณฑ์ของบริษัทเอง รวมถึง บริษัทอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์สุขภาพก็ตอบโจทย์ตรงตามความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย อย่างของบริษัทที่ไปจับคู่เจรจาธุรกิจ เบื้องต้นได้รับเสียงตอบรับดีว่าผลิตภัณฑ์มีความหอม ไม่ได้มีกลิ่นของสมุนไพรจัด และน้ำยาบ้วนปากก็ตอบรับดี 

“ผลิตภัณฑ์ของบริษัทส่วนใหญ่มีตราฮาลาลอยู่แล้ว แต่ยังไม่ทุกผลิตภัณฑ์ เมื่อเริ่มมีตลาดเข้ามา สิ่งที่ต้องสร้างมาตรฐานผลิตภัณฑ์ นอกจากการได้รับรางวัลพรีเมียโปรดักซ์จากกรมการแพทย์แผนไทยฯ ก็จะต้องได้รับรองฮาลาล และเพิ่มภาษาอาหรับเข้าไปในการสื่อสารการตลาด”เสมอขวัญกล่าว