ส่องความเสี่ยง "เชื้อไวรัส Monky B" ในไทย หลังชายฮ่องกงโคม่า

ส่องความเสี่ยง "เชื้อไวรัส Monky B" ในไทย หลังชายฮ่องกงโคม่า

กรมควบคุมโรคเผย เชื้อไวรัส Monkey B มียารักษา ลิงไม่มีอาการแต่คนติดเชื้อมักมีอาการ ขณะที่กรมอุทยานฯเคลื่อนย้ายลิงลพบุรี

จากกรณีที่มีการตรวจชายชาวฮ่องกงถูกลิงกัด ติดเชื้อไวรัส Monkey B อาการโคมา เมื่อวันที่ 5 เม.ย.2567 นพ.วีรวัฒน์ มโนสุทธิ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า เชื้อไวรัส Monkey  B อยู่ในตระกูลเดียวกับโรคเริม ทำให้สัตว์ตระกูลลิง เช่น ลิงกัง ลิงแสม เหมือนการป่วยโรคเริมในคน เช่น มีแผลตามปาก เยื่อบุช่องปาก ทวาร เป็นต้น โดยเชื้อจะปนอยู่ในสารคัดหลั่งของลิง ไม่ว่าจะมีอาการป่วยหรือไม่ป่วยก็ตาม เช่น น้ำมูล น้ำลาย อุจจาระ เป็นต้น

"คนที่ถูกกัด หรือถูกข่วนก็มีความเสี่ยงรับเชื้อจากลิงเข้าสู่ร่างกาย ส่วนโอกาสที่เชื้อจะก่อโรคขึ้นอยู่กับว่า ลิงตัวนั้นมีอาการป่วยมากน้อยแค่ไหน หากสัตว์ป่วยมากก็มีโอกาสปลดปล่อยเชื้อจากร่างกายออกมาทางสารคัดหลั่งได้มาก รวมถึงแผลที่คนถูกกัด หากใหญ่ หรือลึกมากก็มีโอกาสติดเชื้อมากกว่าแผลตื้น และหลังถูกกัดถูกข่วนแล้วมีการทำความสะอาดแผลถูกต้องตามมาตรฐานหรือไม่ ไม่มีการฟอกสบู่ ใช้น้ำยาฆ่าเชื้อบริเวณเยื่อบุให้ครบถ้วนก็มีโอกาสติดเชื้อมากกว่าคนที่ทำความสะอาดแผลครบถ้วน" นพ.วีรวัฒน์กล่าว

อย่างไรก็ตาม กรณีลิงที่ติดเชื้อ อาจจะไม่มีอาการ แต่เมื่อเกิดการติดเชื้อในคนแล้วก็มักจะมีอาการ ตั้งแต่น้อย เช่น เป็นแผลบวมแดง ตุ่มน้ำคล้ายเริม อาการยุบยิบ  ปวด หรือรู้สึกแปล๊บๆ ที่แผล บางคนอาจจะมีอาการที่ส่วนอื่นของร่างกาย เช่น ครั่นเนื้อครั่นตัว

หากเป็นมากขึ้น อาจจะมีอาการอาเจียน เบื่ออาหาร ถ่ายเหลว สุดท้ายอาจจะมีเชื้อกระจายไปที่สมอง ทำให้สมองอักเสบ ไขสันหลังอักเสบ

"การแพร่กระจายนั้นยังไม่พบในไทย ต้องมีการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง โดยอาการจะสามารถเกิดขึ้นได้เป็นวัน หรือเป็นสัปดาห์หลังการติดได้ โรคนี้ใช้ยาตัวเดียวกันกับยาที่ใช้ในการรักษาโรคเริมในคนได้ สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่หากเชื้อเข้าระบบสมอง สมองอักเสบก็มีโอกาสทุพพลภาพ หรือเสียชีวิตสูง" นพ.วีรวัฒน์กล่าว

สถานการณ์ลิงในไทยมีเชื้อ Monkey  B หรือไม่ นพ.วีรวัฒน์ กล่าวว่า อยู่ระหว่างสืบค้นข้อมูล แต่เท่าที่มีการรายงานในต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา สุ่มตรวจลิงสายพันธุ์พวกนี้พบว่า มีเชื้อ ประมาณ 10% บางรายงานน้อยกว่านี้ บางรายงานก็มากกว่านี้ แต่เฉลี่ยก็อยู่ที่ 10% ในการติดเชื้อไวรัสตัวนี้

นพ.วีรวัฒน์ กล่าวด้วยว่า เท่าที่ตรวจสอบ มีรายงานติดจากคนสู่คน 1 รายงาน ในต่างประเทศ ดังนั้น ถือว่าโอกาสติดจากคนสู่คนน้อยมากๆ ส่วนใหญ่จะเป็นสัตว์สู่สัตว์ คือ ลิงสู่ลิง คนที่ไม่ได้ไปสัมผัสกับลิงก็มีโอกาสน้อยที่จะป่วยด้วยโรคนี้

ปัจจุบัน โรคนี้ยังไม่ได้ถูกระบุว่า เป็นโรคเฝ้าระวัง แต่กรมควบคุมโรคมีการติดตาม หากมีการระบาดก็สามารถยกระดับได้ อย่างไรก็ตาม ในลิงมีหลายโรคที่สามารถก่อโรคในคนได้ ซึ่ง Monkey B เป็นเพียงไวรัสหนึ่งตัวในกลุ่มไวรัสในลิงที่แพร่สู่คนได้ แต่ยังมีไวรัสตับอักเสบ โรคไข้เหลือง อีโบลา ฝีดาษวานร พิษสุนัขบ้า นอกจากนี้ยังมีกลุ่มแบคทีเรีย ปรสิต และพยาธิด้วย

"ในไทยมีลิงอยู่ในชุมชนก็ต้องระวัง อย่าไปแหย่ หรือให้อาหาร เพราะเสี่ยงทำให้ลิงเกิดการแย่งอาหาร กัด และทำให้คนบาดเจ็บได้ ควรทำตามคำแนะนำของพื้นที่" นพ.วีรวัฒน์กล่าว

หากถูกลิงกัด ให้ล้างด้วยแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อ หากไม่มีก็ให้ใช้น้ำสบู่ หรือน้ำสะอาดทำความสะอาดแผล โดยปล่อยให้น้ำไหลผ่านแผลประมาณ 10-15 นาที เพื่อช่วยลดการปนเปื้อนเชื้อ แล้วใช้พวกเบตาดีน หรือแอลกอฮอล์เช็ดทำความสะอาด และควรไปที่โรงพยาบาลเพื่อประเมินแผล และการรับวัคซีนป้องกันบาดทะยัก วัคซีนพิษสุนัขบ้า เป็นต้น