“มาสเตอร์ สไตล์” ลูกค้าเสริมความงาม 80-90% ต้องเคยใช้บริการ ส่งผล โต 30 %

“มาสเตอร์ สไตล์” ลูกค้าเสริมความงาม 80-90% ต้องเคยใช้บริการ ส่งผล โต 30 %

“บรัษัท มาสเตอร์ สไตล์ จำกัด(มหาชน)” กลุ่มรพ.เฉพาะทางเสริมความงาม โต 30 % เทียบก่อนโควิดลูกค้าแค่ 5-6%  เผยบางบริษัทในกลุ่ม 50 % เป็นลูกค้าต่างประเทศ ตั้งเป้าพัฒนาสินค้าดึงต่างชาติมากขึ้น รุกเปิดบริการด้านจิตเวช มั่นใจปีนี้เติบโตเร็ว

เมื่อวันที่ 23 ก.พ.2567 ที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์และบางกอกคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ นพ.ระวีวัฒน์ มาศฉมาดล กรุ๊ป CEO  บริษัทมาสเตอร์  สไตล์ จำกัด(มหาชน) กล่าวในเวที The ICONIC Road to successor จัดโดยฐานเศรษฐกิจว่า  ปัจจุบันกลุ่มมี 14 บริษัท โดยเป็นกลุ่มโรงพยาบาลเฉพาะทางครอบคลุมทั้งการให้บริการเรื่องความสวยความงามและรักษาโรค โรงพยาบาลเฉพาะทาง เช่น การผ่าตัดกระเพาะ โครงหน้า ทันตกรรม การปลูกผมและที่เพิ่งเปิดตัวไปในปีนี้คือการให้บริการเฉพาะทางด้านจิตเวช ล้วนเป็นบริการตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า

บริษัทต้องมีความเข้าใจพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลง จากเดิมที่เมื่อต้องการบริการหรือรับการรักษา จะเดินเข้ามาที่รพ. แต่ตอนนี้จะมีการค้นหาข้อมูล ตัดสินใจแล้วจึงจะเข้ามารับบริการ  ทั้งนี้ กลุ่มบริษัทมาสเตอร์ สไตล์เติบโตภายหลังมีการเข้าตลาดหลักทรัพย์และมีการพัฒนาบริษัทต่างๆในกลุ่มมาอย่างต่อเนื่อง เชื่อว่าลูกค้าในกลุ่มความสวยความงาม 80-90 % เคยเป็นลูกค้าของบริษัทใดบริษัทหนึ่งในกลุ่ม ตั้งแต่เรื่องความสวยความงาม ซิลิโคนไปจนถึงบริการขั้นสูง

“มาสเตอร์ สไตล์” ลูกค้าเสริมความงาม 80-90% ต้องเคยใช้บริการ ส่งผล โต 30 %

“ช่วงก่อนสถานการณ์โรคโควิด-19 ระบาด ลูกค้าของเราราว 5-6  %  ตอนนี้มีการเติบโต 30 %  โดยบางบริษัทของกลุ่ม 50 %เป็นลูกค้าต่างประเทศ เนื่องจากประเทศในกลุ่มอาเซียนสามารถเดินทางมารับบริการในประเทศไทยได้ไม่ยาก กลุ่มบริษัทจึงมุ่งที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อเป็นที่ 1ในแต่ละด้าน ถึงขั้นที่จะที่ดึงลูกค้าจากต่างประเทศเข้ามารับบริการรพ.เฉพาะทางในประเทศไทยให้เพิ่มมากขึ้น”นพ.ระวีวัฒน์กล่าว

นพ.ระวีวัฒน์ กล่าวอีกว่า สำหรับการให้บริการเฉพาะด้านจิตเวช เชื่อว่าจะสามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็วในปี  2567 เนื่องจากท่ามกลางสภาพการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วคนจึงมีความเครียดค่อนข้างมาก  นอกจากนี้ อีกธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตสูง คือ ธุรกิจผู้สูงอายุ จากการที่ประเทศไทยมีอัตราเด็กเกิดใหม่น้อยลง  ซึ่งบริษัทเข้าไปส่งเสริมสนับสนุนSMEในธุรกิจเฮลท์แคร์ ให้มีศักยภาพแข่งขันในตลาดได้มากยิ่งขึ้น 

“คีย์สำคัญที่ทำให้บริษัทที่มีการลงทุนครั้งแรกเพียง 6 แสนบาท เติบโตมาจนถึงปัจจุบัน คือการให้ความสำคัญกับการพัฒนาคน และสร้างวัฒนธรรมองค์กรเรื่องของการตรงไปตรงมา แต่ให้เกียรติกัน”นพ.ระวีวัฒน์กล่าว