สธ.เผยยังไม่ยืนยันข้อมูล 55 ล้าน ถูกแฮกเกอร์เข้าหน่วยงานรัฐแห่งไหน

สธ.เผยยังไม่ยืนยันข้อมูล 55 ล้าน ถูกแฮกเกอร์เข้าหน่วยงานรัฐแห่งไหน

"หมอโอกาส"ระบุสธ.ไม่ได้นิ่งนอนใจปมแฮกเกอร์ ยังไม่ยืนยันข้อมูลหลุดจากหน่วยงานรัฐแห่งไหน ต้องรอการสืบสวนจากผู้ที่เกี่ยวข้องให้มีความชัดเจน

        จากกรณี ผู้ใช้งานบัญชี “9near” โพสต์ขายข้อมูลที่อ้างว่าเป็นข้อมูลส่วนตัวของคนไทยกว่า 55 ล้านรายการ บนเว็บไซต์ Bleach Forums โดยอ้างว่าได้มาจากหน่วยงานรัฐแห่งหนึ่งในไทย (Somewhere in government) และโพสต์ ตัวอย่างไฟล์ ซึ่งมี ชื่อ นามสกุล ที่อยู่ วันเกิด เบอร์โทรศัพท์ และเลขประจําตัวประชาชน รวมทั้งมีการโพสต์ ลักษณะข่มขู่หน่วยงานและประชาชนในวงกว้าง
      ล่าสุด เมื่อวันที่ 31 มี.ค. นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า แฮกเกอร์ ถือเป็นอาชญากร เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้น เรียกว่าเหตุต้องสงสัย สธ. ได้หารือกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอีเอส)และสำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา  โดยยังไม่มีการยืนยันว่า ข้อมูลที่แฮกเกอร์อ้างว่าได้จากหน่วยงานรัฐนั้นมาจากหน่วยงานใด แต่ สธ. ถือเป็นหน่วยงานรัฐ ก็จะต้องปฏิบัติตามกฎหมายที่จะหาผู้กระทำความผิด

“กระทรวงสาธารณสุขไม่ได้นิ่งนอนใจ แต่ไม่สามารถพูดอะไรได้มาก เพราะจะกระทบกับรูปคดี  และยังไม่ได้มีการยืนยันข้อมูลว่าหลุดมาจากหน่วยงานใด แต่ต้องรอการสืบสวนจากผู้ที่เกี่ยวข้องให้มีความชัดเจน” นพ.โอกาสกล่าว

     ก่อนหน้านั้น  นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดีอีเอส กล่าวว่า ตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งอาจเข้าข่าย

• มาตรา 14 (2) นําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิด ความเสียหายต่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคงในทาง เศรษฐกิจของประเทศ หรือโครงสร้างพื้นฐานอันเป็นประโยชน์สาธารณะของประเทศ หรือก่อให้เกิดความตื่น ตระหนกแก่ประชาชน หรือ

• มาตรา 20 (2) ข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่อาจกระทบกระเทือนต่อความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรตามท่ี กําหนดไว้ในภาค 2 ลักษณะ 1 หรือลักษณะ 1/1 แห่งประมวลกฎหมายอาญา

   รวมทั้ง ความผิดตาม พรบ. คอมพิวเตอร์ ฯ โทษสูงสุด จําคุก 5 ปี และการนําข้อมูล ส่วนบุคคลไปใช้อย่างผิดกฎหมาย เข้าข่ายผิด พรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล อาจถูก จําคุก 1 ปี หรือปรับ 1 ล้าน บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ ต่อ 1 กรรม หรือต่อผู้เสียหาย 1 คน ได้ ซึ่งทําให้คนร้ายอาจถูกลงโทษจําคุกเป็น ร้อยปีได้ขึ้นกับข้อเท็จจริง และข้อมูลที่นําไปใช้กระทําผิดกฎหมายหรือเผยแพร่ทําให้ผู้อื่นเสียหาย