ลุยเอาเรื่อง! โรงพยาบาลชื่อดัง ชุ่ยปล่อยทารกตายในครรภ์ โวยไม่ตรวจรักษา

ลุยเอาเรื่อง! โรงพยาบาลชื่อดัง ชุ่ยปล่อยทารกตายในครรภ์ โวยไม่ตรวจรักษา

ร้องเรียนลุยเอาเรื่อง! โรงพยาบาลชื่อดัง บกพร่อง ทำงานชุ่ยทารกตายในครรภ์ระหว่างรอผ่าคลอดบุตร พยาบาลไม่ตรวจรักษาตามหลักวิธีทางการแพทย์ทำทารกสำลักขี้เทา สธ. เร่งประสานเจรจาให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย

กรณี  โรงพยาบาลชื่อดัง ทำงานชุ่ยปล่อยทารกตายในครรภ์ วันนี้ 24 กุมภาพันธ์ 2566 ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา ร.ต.อ.ปริวัตร วอนกระโทก อายุ 61 ปี พร้อมด้วย นายอนุศิษฏ์ วางขุนทด 34 ปี ซึ่งเป็นพ่อ และสามีของ นางปริตรา วางขุนทด อายุ 29 ปี ได้นำเอกสารหลักฐานเดินทางเข้าไปร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับ นายแพทย์วิชาญ คิดเห็น รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา

จากกรณีที่ นางปริตรา ได้ตั้งครรภ์ และนัดหมายผ่าทำคลอดบุตรที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในจังหวัดนครราชสีมา เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2566 เวลา 08.09 น. และได้เข้านอนพักที่โรงพยาบาลเพื่อรอผ่าคลอดบุตรในช่วงเย็นของวันที่ 10 มกราคม 2566

ซึ่งขณะนอนพักรอคลอดบุตรอยู่ที่ รพ. นั้น พยาบาลได้มีการตรวจครรภ์โดยได้ใช้เครื่องมือทางการแพทย์ตรวจทารกแล้วแจ้งว่าการเต้นหัวใจของทารกปกติดีทุกอย่าง แต่หลังจากนั้นพยาบาลเวร ไม่ได้เข้ามาตรวจตามวงรอบอีกเลย

ลุยเอาเรื่อง! โรงพยาบาลชื่อดัง ชุ่ยปล่อยทารกตายในครรภ์ โวยไม่ตรวจรักษา

จนกระทั่งเวลาประมาณ 02.30 น. พยาบาลเวรจึงได้เข้ามาตรวจวัดความดัน และการเต้นของหัวใจทารกในครรภ์ แล้วพยาบาลเวรแจ้งว่า ฟังเสียงการเต้นของหัวใจทารกไม่ชัด ทารกอาจจะโก่งตัวจึงทำให้ฟังไม่ชัด ก่อนที่พยาบาลเวรจะเดินออกไป โดยไม่มีการตรวจด้วยเครื่องมืออย่างอื่นซ้ำอีก และไม่มีการรายงานเหตุต่อแพทย์แต่อย่างใด ซึ่งไม่เป็นไปตามหลักวิธีทางการรักษาผู้ป่วย     

ต่อมา ใกล้ถึงเวลากำหนดผ่าคลอดในช่วงเช้าของวันที่ 11 มกราคม 2566 เวลาประมาณ 06.00 น. พยาบาลได้นำนางปริตราเข้าห้องผ่าตัดทำคลอด และแพทย์ได้เข้ามาตรวจครรภ์ของนางปริตราเพื่อจะผ่าคลอดปรากฏว่า ทารกภายในครรภ์ของนางปริตราเสียชีวิตลงไปก่อนแล้ว

โดยจากการตรวจของแพทย์ระบุว่า ทารกภายในครรภ์ของนางปริตราเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 4 ชั่วโมง ซึ่งทารกที่คลอดออกมา เป็นทารกเพศหญิง น้ำหนักตัว 2,840 กรัม และจากกรณีดังกล่าวครอบครัวของนางปริตราเห็นว่าเกิดจากความบกพร่องประมาทเลินเล่อของบุคลากรของ รพ. จึงได้นำหลักฐานเข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองนครราชสีมา พร้อมกับเข้าร้องเรียนกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา

นายแพทย์วิชาญ คิดเห็น รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้นทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมาได้รับเรื่องไว้แล้ว และจะเร่งดำเนินการประสานกับทาง รพ.เอกชนดังกล่าว เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายได้พูดคุยเจรจาหาไกล่เกลี่ยหาข้อสรุปกัน ด้วยความพอใจของทั้งสองฝ่าย แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงที่สุดขณะนี้ก็คือ สภาพจิตใจของครอบครัวผู้ที่สูญเสียบุตร

ซึ่งทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมาจะได้ส่งทีมแพทย์ และนักจิตวิทยาลงไปพบให้คำแนะนำกับครอบครัวอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ทางครอบครัวได้กลับมามีสภาพจิตใจที่ดี และใช้ชีวิตได้อย่างเป็นปกติสุขอีกครั้ง