ยอดโควิด-19 รอบสัปดาห์ ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 2,759 คน ตายอีก 40 ราย

ยอดโควิด-19 รอบสัปดาห์ ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 2,759 คน ตายอีก 40 ราย

ยอดโควิด-19 รอบสัปดาห์ 30 ต.ค.- 5 พ.ย.65 มีผู้ป่วยรายใหม่ 2,759 คน ตายอีก 40 ราย ผู้ป่วยปอดอักเสบ 333 คน ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ 169 คน

เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2565 กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) รายงานสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ในประเทศไทย โดยสัปดาห์ที่ 44 ระหว่างวันที่ 30 ตุลาคม – 5 พฤศจิกายน 2565 พบผู้ติดเชื้อรายใหม่รักษาตัวในโรงพยาบาล (รพ.) 2,759 คน เฉลี่ยวันละ 394 คน ขณะที่ยอดหายป่วยสะสม (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) สะสม 2,471,772 คน

โดยมีผู้เสียชีวิตรายใหม่ 40 คน เฉลี่ยวันละ 5 คน เสียชีวิตสะสม (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) จำนวน 11,297 คน 

นอกจากนี้ จากข้อมูล ณ วันที่ 5 พฤศจิกายน 2565 พบผู้ป่วยปอดอักเสบ โดยเป็นผู้ป่วยปอดอักเสบ 333 คน ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ 169 คน

 

 

ยอดโควิด-19 รอบสัปดาห์ ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 2,759 คน ตายอีก 40 ราย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :

สรุป จำนวนการได้รับวัคซีนโควิด-19 สะสม ณ วันที่ 5 พฤศจิกายน 2565 ยอดฉีดทั่วประเทศ 142,957,169 โดส โดยฉีดเพิ่มขึ้น 3,619 โดส แบ่งเป็น 

  • ฉีดอย่างน้อย 1 เข็ม จำนวน 57,053,274 โดส ร้อยละ 82.02
  • ฉีดอย่างน้อย 2 เข็ม จำนวน 53,542,247 โดส ร้อยละ 76.98
  • ฉีดอย่างน้อย 3 เข็มจำนวน 32,361,646 โดส

ยอดโควิด-19 รอบสัปดาห์ ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 2,759 คน ตายอีก 40 ราย

ขณะที่ รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ หรือ "หมอธีระ" คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊ก "Thira Woratanarat" ถึงประเด็น "โควิด-19" ระบุว่า "สถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เมื่อวาน (6 พ.ย.) ทั่วโลกติดเพิ่ม 169,753 คน ตายเพิ่ม 290 คน รวมแล้วติดไป 637,714,167 คน เสียชีวิตรวม 6,605,515 คน

5 อันดับแรกที่ติดเชื้อสูงสุด คือ

  1. ญี่ปุ่น
  2. เกาหลีใต้
  3. ไต้หวัน
  4. ชิลี
  5. ฮ่องกง

เมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่มีประเทศจากยุโรปและเอเชียครอง 8 ใน 10 อันดับแรก และ 16 ใน 20 อันดับแรกของโลก

จำนวนติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันของทั่วโลกตอนนี้ มาจากทวีปเอเชียและยุโรป รวมกันคิดเป็นร้อยละ 90.98 ของทั้งโลก ในขณะที่จำนวนการเสียชีวิตคิดเป็นร้อยละ 84.82

ยา Paxlovid ช่วยลดความเสี่ยง Long COVID

Xie Y และคณะ จาก VA Saint Louis Health Care System ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้เผยแพร่ผลการศึกษาใน medRxiv วันที่ 5 พฤศจิกายน 2565 ที่ผ่านมา

ศึกษาจากฐานข้อมูลประชากร US Department of Veterans Affairs ในประชากรที่ติดเชื้อโรคโควิด-19 ตั้งแต่มีนาคมถึงมิถุนายน 2565 โดยเปรียบเทียบกลุ่มที่ได้รับยาต้านไวรัส Paxlovid จำนวน 9,217 คน กับกลุ่มที่ไม่ได้ยาต้านไวรัส 47,123 คน

พบว่ากลุ่มที่ได้ยา Paxlovid นั้นสามารถลดความเสี่ยงที่เกิดปัญหา Long COVID ได้ราวหนึ่งในสี่ (26%)

นอกจากนี้ยังสามารถลดความเสี่ยงที่ป่วยจนต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลหลังจากหายป่วยช่วงแรก (post-acute hospitalization) ได้ราวหนึ่งในสาม (30%) และลดความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตหลังจากหายป่วยช่วงแรก (post-acute death) ได้ราวครึ่งหนึ่ง (48%)

อย่างไรก็ตาม ประชากรในการศึกษานี้ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ ดังนั้นผลข้างต้นในกลุ่มประชากรที่อายุน้อยกว่า 60 ปีอาจยังต้องมีการติดตามศึกษาต่อไปในอนาคต แต่ก็ถือว่าเป็นข่าวดีที่สะท้อนให้เห็นความหวังในการป้องกันภาวะ Long COVID นอกเหนือจากการฉีดวัคซีนที่อาจช่วยได้ระดับหนึ่ง

สำหรับการรักษาผู้ป่วยที่เป็น Long COVID นั้น ยังไม่มียาใดที่ได้รับการพิสูจน์ผลในการรักษาได้ ทาง US NIH กำลังวางแผนวิจัยการใช้ยา Paxlovid ในการรักษาผู้ป่วย แต่จะเริ่มศึกษาตอนต้นปีหน้า กว่าผลจะออกมาคงประมาณปีถัดไป

ดังนั้นการป้องกันตนเองอย่างสม่ำเสมอ ใช้ชีวิตไม่ประมาท ลดละเลี่ยงกิจกรรมเสี่ยงและสถานที่เสี่ยง ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นให้ครบตามกำหนด และที่สำคัญมากคือ การใส่หน้ากากอย่างถูกต้องระหว่างออกไปใช้ชีวิตนอกบ้าน ทำงาน ศึกษาเล่าเรียน หรือท่องเที่ยว จะช่วยลดความเสี่ยงลงไปได้มาก

ไม่ติดเชื้อ หรือไม่ติดเชื้อซ้ำ ย่อมดีที่สุด

จะได้ไม่ต้องทรมาน ทุกข์ใจ ภาวนา หรือรอลุ้นว่าจะเกิดปัญหาตามมาระยะยาวกับตัวเราหรือไม่

ด้วยความปรารถนาดีเสมอ"

 

อ้างอิง : 

Xie Y et al. Nirmatrelvir and the Risk of Post-Acute Sequelae of COVID-19. medRxiv. 5 November 2022.

ที่มา : กรมควบคุมโรค