บทเรียนการเป็นผู้นำที่กล้าเปลี่ยนโลก โดย อภิวุฒิ พิมลแสงสุริยา

บทเรียนการเป็นผู้นำที่กล้าเปลี่ยนโลก โดย อภิวุฒิ พิมลแสงสุริยา

ปี 2005 ณ ห้องทำงานแห่งหนึ่งในสิงคโปร์ ทนายหนุ่มกำลังจ้องมองเอกสารคดีบนโต๊ะ แต่ใจกลับลอยไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ที่บ้าน ที่เขาใช้เวลาทุกค่ำคืนเล่นเกม Counter-Strike จนตี 3 ตี 4

เขารู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างผิดพลาด ไม่ใช่ผิดที่ตัวเอง แต่ผิดที่โลกนี้ยังไม่เข้าใจว่า “การเล่นเกม” กำลังจะกลายเป็นมากกว่าแค่ความบันเทิง มันคือวัฒนธรรมใหม่ มันจะกลายเป็นชุมชน มันคืออนาคต !

และเมื่อเขาหยิบเมาส์ธรรมดา ๆ ที่ร้านขายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ขึ้นมาใช้ เขารู้ทันทีว่า มันไม่ได้สร้างมาสำหรับคนอย่างเขา

ไม่นานหลังจากนั้น Min-Liang Tan ทนายความหนุ่มคนนั้น ก็ตัดสินใจทิ้งเสื้อครุย ลาออกจากอาชีพที่มั่นคง มีรายได้ดี มีเกียรติยศ เพื่อไปสร้างอะไรบางอย่างที่ยังไม่มีใครเชื่อว่ามันคุ้มค่า

นั่นคือจุดเริ่มต้นของ Razer บริษัทอุปกรณ์เกมมิ่ง ที่วันนี้กลายเป็นหนึ่งในแบรนด์ทรงอิทธิพลที่สุดในวงการเกมทั่วโลก

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

Articulating Vision : สื่อความฝัน ปั้นอนาคต โดย อภิวุฒิ พิมลแสงสุริยา

8 ทักษะความเป็นผู้นำที่สำคัญในปี 2025โดย อภิวุฒิ พิมลแสงสุริยา

เรื่องราวของ Min-Liang Tan ไม่ใช่แค่เรื่องของการสร้างธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ แต่มันคือตัวอย่างที่ชัดเจนของสิ่งที่เรียกว่า “Pioneering Change” ทักษะหลักของผู้นำยุคใหม่ที่ไม่ได้แค่ตามกระแส แต่เป็นคนสร้างกระแส ขึ้นมาเอง

ในโลกที่หมุนไวแบบนี้ โลกที่เทคโนโลยีเกิดใหม่ทุกไตรมาส พฤติกรรมลูกค้าเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม คนทำงานรุ่นใหม่ต้องการความหมายของงานมากกว่าแค่คำสั่งที่ชัดเจน วิธีการนำแบบเดิม ๆ จึงไม่เพียงพออีกต่อไป ผู้นำที่จะอยู่รอดและนำพาองค์กรไปข้างหน้าได้ จำเป็นต้องกล้าทำในสิ่งที่ยังไม่เคยมีใครทำ เห็นก่อนใคร และลงมือก่อนจะถูกบังคับให้เปลี่ยน

นี่คือหัวใจของผู้นำแบบ Transformer ที่เป็นเสาหลักสุดท้ายของโมเดล IMPACT Leadership และหนึ่งในทักษะที่สำคัญสำหรับ Transformer คือ Pioneering Change : กล้าคิด กล้าทำ เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน

ในวันที่ Tan ตัดสินใจลาออกจากการเป็นทนาย หลายคนมองว่าเขาบ้า เพราะในยุคนั้น (ต้นทศวรรษ 2000) การเล่นเกมยังถูกมองว่าเป็นเรื่องของเด็ก เป็นเรื่องไร้สาระและเสียเวลา แต่ Tan เห็นอะไรบางอย่างที่คนอื่นไม่เห็น เขาเห็นว่าเกมเมอร์ไม่ได้แค่ “เล่นเกม” พวกเขากำลังสร้างชุมชน สร้างเอกลักษณ์ สร้างความหมายในชีวิต และพวกเขาพร้อมจะจ่ายเงินเพื่ออุปกรณ์ที่ เข้าใจพวกเขาจริง ๆ

ไม่ใช่แค่เมาส์ที่คลิกได้ แต่เป็นเมาส์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อความแม่นยำในการยิงศัตรูในเกม FPS ไม่ใช่แค่คีย์บอร์ดที่พิมพ์ได้ แต่เป็นคีย์บอร์ดที่ตอบสนองเร็ว มีไฟ RGB ที่สะท้อนบุคลิก

Razer เริ่มต้นจากการออกแบบเมาส์ที่ทุ่มเททั้งหมดเพื่อเกมเมอร์ หลังจากนั้นขยายไปสู่คีย์บอร์ด หูฟัง โน้ตบุ๊กเกมมิ่ง และค่อย ๆ สร้างทั้ง ecosystem ของไลฟ์สไตล์เกมเมอร์

แต่ที่น่าทึ่งกว่านั้นคือพวกเขาไม่หยุดแค่ฮาร์ดแวร์ พวกเขาสร้างซอฟต์แวร์ Razer Synapse ที่ช่วยให้ผู้เล่นปรับแต่งอุปกรณ์ตามสไตล์ของตัวเอง บุกเข้าไปในโลกการเงินดิจิทัลด้วย Razer Gold สร้างชุมชนเกมเมอร์ระดับโลก และล่าสุดลงทุนในโลก Metaverse และ Web3 - Razer ไม่ได้รอให้เกมกลายเป็นกระแส พวกเขาทำให้มันกลายเป็นวัฒนธรรมใหม่ขึ้นมา

จากเรื่องราวของ Tan เห็นได้ชัดว่าการเป็นผู้บุกเบิกการเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่แค่การเสนอไอเดียใหม่ ๆ แล้วหวังว่าคนจะทำตาม แต่หมายถึงการ คิดก่อน มองไกล และลงมืออย่างกล้าหาญ ท่ามกลางความไม่แน่นอน

เมื่อขาดทักษะนี้ไป องค์กรจะเกิดอะไรขึ้น?

ลองจินตนาการว่า ถ้า Min-Liang Tan ไม่กล้าลาออกจากการเป็นทนาย วันนี้โลกก็อาจไม่มี Razer และเกมเมอร์หลายล้านคนก็อาจไม่มีแบรนด์ที่เข้าใจและเคารพในสิ่งที่พวกเขาเป็น อย่างจริงจังและนี่คือสิ่งที่อาจเกิดขึ้น เมื่อผู้นำในองค์กรขาดทักษะ Pioneering Change:

องค์กรพลาดโอกาสใหม่ ๆ เพราะมองไม่เห็นเทรนด์ข้างหน้า ไม่มีวันได้เป็นผู้นำในอุตสาหกรรม,ทีมงานหมดไฟ เพราะรู้สึกว่าความคิดสร้างสรรค์ของตนไม่ถูกสนับสนุน และค่อย ๆ สูญเสียแรงบันดาลใจ,ระบบงานยังคงยึดกับของเก่า กลายเป็นองค์กรที่กลัวความผิดพลาด มากกว่าอยากเรียนรู้ ทุกอย่างเคลื่อนช้า ติดขัดด้วยกฎเกณฑ์เก่า ๆ, พนักงานเก่ง ๆ เริ่มจากไป เพราะคนเก่งในยุคนี้มองหาความหมาย แรงบันดาลใจ และโอกาสเติบโต ถ้าองค์กรไม่มีวิสัยทัศน์ที่น่าตื่นเต้น คนเก่งก็จะไปหาที่ที่มี

นอกจาก Min-Liang Tan แล้ว Jensen Huang – CEO ของ NVIDIA คืออีกหนึ่งตัวอย่างที่ชัดเจนในช่วงที่ใคร ๆ ก็คิดว่าชิปกราฟิกจะมีบทบาทแค่ทำให้เกมสวยขึ้น Huang กลับเป็นคนที่มองเห็นอนาคตของ AI ก่อนใคร เขาไม่ได้รอให้ตลาดมาบอกว่า “เราต้องการชิป AI” เขาเชื่อมั่นในวิสัยทัศน์ของตัวเอง ลงทุนหนัก วิจัยต่อเนื่อง

วันนี้ NVIDIA ไม่ได้เป็นแค่บริษัทการ์ดจอ มันคือบริษัทที่อยู่เบื้องหลังการพัฒนา AI ทั่วโลก ตั้งแต่ ChatGPT ไปจนถึงรถยนต์ไร้คนขับ - เขาไม่รอให้ตลาดขอ แต่เขาสร้างตลาดใหม่ขึ้นมา

แล้วผู้นำแบบเรา ๆ จะเริ่มอย่างไร?

ไม่จำเป็นต้องเป็น CEO ระดับโลกถึงจะเป็น Transformer ได้ การเป็น “นักเปลี่ยนแปลง” เริ่มได้จากจุดเล็ก ๆ เช่น หมั่นตั้งคำถามใหม่ๆ - แทนที่จะถามว่า “จะเปลี่ยนทำไม ที่ทำอยู่ก็ไม่เห็นมีปัญหาอะไร” เป็น “ถ้าไม่มีข้อจำกัด เราจะทำงานแบบไหน?” คำถามแบบนี้จะเปิดพื้นที่ให้ทีมได้คิดนอกกรอบและรู้สึกว่ามีส่วนร่วมในการสร้างอนาคตมากขึ้น, กล้าทดลองไอเดียที่ไม่สมบูรณ์ - ไม่ต้องรอให้ไอเดียสมบูรณ์แบบ 100% ก่อนลงมือ จงกล้าทดลอง กล้าล้ม และกล้าเรียนรู้จากความผิดพลาด

 เริ่มจากโปรเจกต์เล็ก ๆ ทดลองใน 1 ทีมก่อน เมื่อเห็นผลแล้วค่อยขยายต่อ, ฟังเสียงของทีมอย่างตั้งใจ - บ่อยครั้งที่ไอเดียที่ดีที่สุดไม่ได้มาจากห้องประชุมผู้บริหาร แต่มาจากคนที่ทำงานในสนาม ที่เจอปัญหาจริง ๆ ทุกวัน ผู้นำที่ดีต้องเปิดใจรับฟัง เคารพในความคิดเห็นของทุกคน และกล้าหยิบไอเดียเล็ก ๆ ไปต่อยอด, ฝึกคิดไกลกว่าที่เห็น - แทนที่จะถามว่า “ไตรมาสนี้เราจะทำยอดได้เท่าไหร่?” ลองถามว่า “3 ปีข้างหน้า เราอยากเป็นอะไร? และวันนี้เราต้องเริ่มอะไรเพื่อไปถึงตรงนั้น?”

สรุปส่งท้าย : อย่ารอจนถูกบังคับให้เปลี่ยน แต่จงเป็นคนแรกที่ลุกขึ้นมาเปลี่ยน - เมื่อวันที่ Min-Liang Tan ตัดสินใจทิ้งเสื้อครุย หลายคนบอกว่าเขาบ้า แต่วันนี้ Razer มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ และที่สำคัญกว่า มันเปลี่ยนวิธีที่โลกมองวัฒนธรรมเกมมิ่ง เพราะเขาไม่ได้รอให้ใครบอก เขาไม่ได้รอให้ตลาดเรียกร้อง เขามองเห็นสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็น และเขากล้าลงมือทำ

โลกไม่รอใคร และอนาคตก็ไม่เคาะประตูเตือนก่อนจะมาถึง

การเป็นผู้นำแบบ Pioneering Change คือ การสร้างทางใหม่ให้คนตาม ไม่ใช่รอให้คนอื่นนำไปก่อน แล้วคุณล่ะ... เคยเปลี่ยนอะไรเล็ก ๆ ในทีม แล้วเห็นผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่ไหม? หรือยังรอให้ใครสักคน มาเปลี่ยนมันให้อยู่?

บางทีคำตอบอยู่ที่ว่า คุณพร้อมจะเป็นคนนั้นแล้วหรือยัง?