ถอดรหัส Snoopy Run & Cafe บริหารจัดการ 'ไม่คิดเยอะ' กับคนรุ่นใหม่

ธุรกิจลิขสิทธิ์ Snoopy ในประเทศไทย ปรับกลยุทธ์ครั้งสำคัญที่ผสานความผูกพันอันยาวนานกับตัวละครยอดนิยมเข้ากับแนวคิดทางธุรกิจที่ทันสมัยและการบริหารจัดการบุคลากรที่ยืดหยุ่น เพื่อตอบรับเทรนด์และพฤติกรรมของผู้บริโภคยุคใหม่ โดยเฉพาะคนรุ่น Gen Z ที่กำลังกลายมาเป็นกำลังสำคัญของตลาด

เดิมทีคาเฟ่ลิขสิทธิ์ของ Snoopy ในไทยที่ดำเนินงานมา 13 ปี ใช้ชื่อว่า“Charlie Brown Cafe” อย่างไรก็ตาม ชาร์ลี บราวน์ ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักในหมู่คนไทยในขณะที่ญี่ปุ่น คาเฟ่ของ Snoopy ใช้ชื่อว่า“Peanuts Cafe”ซึ่งสื่อถึงแก๊งตัวละครทั้งหมด และได้รับความนิยมอย่างสูง ด้วยเหตุนี้ จึงมีความพยายามเสนอให้เปลี่ยนชื่อเป็น “Snoopy Cafe” มานานกว่า 10 ปี จนกระทั่ง 2 ปีที่แล้วสำนักงานใหญ่ของ YBrain จากอเมริกาได้เข้ามาเยี่ยมชมร้านและเข้าใจถึงความจำเป็นในการเปลี่ยนชื่อ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

‘โปรตีนรั่วในปัสสาวะ’ อาการเสี่ยงโรคไตที่ต้องระวัง!

สัญญาณ 'เลือดข้นหนืด' ที่คนนอนน้อยต้องระวัง สุขภาพแย่ จิตใจพัง

Snoopy Cafe สาขาแรกผนึกกับโรงแรม The Quarter

ทำให้  Charlie Brown Cafe ซึ่ง “ฤทธิชัย สายสุวรรณ”บริหารมาเป็นระยะเวลา 13 ปีกำลังจะปิดฉากลงที่สาขาพระราม 3 การปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่นี้ ยังรวมถึงการเปลี่ยนโมเดลจากการเปิดในห้างมาเป็นร้านแบบสแตนด์อโลนในโรงแรม เนื่องจากช่วงโควิด-19 การเปิดร้านเดี่ยวที่พระราม 3 แม้จะไม่มีรถไฟฟ้า แต่กลับได้ผลตอบรับดีกว่ามาก โดยเฉพาะจากลูกค้าชาวต่างชาติที่เพิ่มขึ้นถึง 30-40% รวมถึงคนไทยที่เพิ่งรู้จัก

ดังนั้น สาขาใหม่ภายใต้คอนเซ็ปต์ใหม่โดยย้ายทำเลจากห้างสรรพสินค้าสู่โรงแรมที่กำลังจะเปิดในปีหน้าคือที่โรงแรม The Quarter ห้าแยกลาดพร้าว จะช่วยให้เข้าถึงง่ายสำหรับนักท่องเที่ยว ลูกค้าโรงแรมสามารถลงลิฟต์มาถึงร้านได้ทันที ตอบโจทย์ความต้องการหลากหลาย สามารถให้บริการอาหารเช้าแก่แขกโรงแรมได้ กลุ่มลูกค้าที่หลากหลายโรงแรม The Quarter ไม่ได้มีแค่นักท่องเที่ยวต่างชาติ แต่ยังมีคนไทยที่มาสัมมนาหรือมาดูคอนเสิร์ตที่ Union Mall ซึ่งพักที่นี่ การเชื่อมโยงกับกิจกรรมอื่นๆทำเลที่อยู่ใกล้รถไฟฟ้าและกิจกรรมอื่นๆ ทำให้เดินทางสะดวก

“Snoopy Cafe สาขาแรกจะผนึกกับโรงแรม The Quarter เพื่อเข้าถึงนักท่องเที่ยว โดยมองเห็นโอกาสในการเข้าถึงลูกค้าทั้งชาวไทยและต่างชาติที่มาพักโรงแรมโดยตรง และมีแผนจะขยายสาขาในโรงแรมเครือ The Quarter ไปอีก 4-5 แห่งจากทั้งหมด 19 สาขา รวมถึงการให้บริการอาหารเช้าแก่แขกโรงแรม”ฤทธิชัย กล่าว

บริหารทรัพยากรบุคคล Lean และยืดหยุ่น

ฤทธิชัย เล่าถึงแนวทางการบริหารจัดการพนักงาน ที่เน้นความยืดหยุ่นและประสิทธิภาพมาใช้ โดยลดพนักงานประจำและใช้พนักงานพาร์ทไทม์เป็นหลัก โดยที่ Charlie Brown Cafe ปัจจุบันมีพนักงานประจำเพียงคนเดียว และที่เหลือเป็นพาร์ทไทม์ 3 คน การใช้พาร์ทไทม์ช่วยให้การบริหารจัดการง่ายขึ้น สามารถกำหนดกฎระเบียบและบทลงโทษได้ชัดเจนกว่าพนักงานประจำ พนักงานพาร์ทไทม์จะได้รับค่าจ้างเท่าพนักงานประจำ (400 บาทต่อวัน) และมีโอกาสได้รับการเลื่อนตำแหน่ง (เช่น ผู้ช่วยผู้จัดการ) หากมีความรับผิดชอบสูง

เขามองว่าการบริหารเน้นความยึดหยุ่น การทำงานกับคนรุ่นใหม่ต้องไม่คิดเยอะ หากพนักงานพาร์ทไทม์จะลา ก็ปล่อยให้ลาหากไม่กระทบการดำเนินงานมากเกินไป เน้นที่ความรับผิดชอบในงานที่ทำ และเข้าใจว่าเด็กจะรู้เรื่องความรับผิดชอบเองในที่สุด ควบคุมต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ การบริหารจัดการวัตถุดิบอาหารแบบโพรเซสทั้งหมดช่วยลดการเน่าเสียและการควบคุมต้นทุน     

รวมถึงการเลือกซื้อวัตถุดิบจากแหล่งที่สะดวกและยืดหยุ่น การลดพนักงานประจำความยืดหยุ่นและปรับตัวต่อตลาดได้เร็ว การบริหารจัดการทรัพยากรบุคคลแบบยืดหยุ่น ได้นำพาองค์กรให้ก้าวข้ามความท้าทายและเติบโตไปข้างหน้าได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว รวมทั้งนำเมอร์เซนไดส์จำหน่ายโดย Snoopy Cafe นำสินค้าลิขสิทธิ์ Snoopy มาจำหน่ายในร้านในราคาที่คนไทยเข้าถึงได้ (เช่น เสื้อยืดราคาต่ำกว่า 400 บาท) ซึ่งถือเป็นจุดเด่นที่แตกต่างจากร้านคาเฟ่อื่นๆ ในไทยที่ไม่มีจุดขายด้านเมอร์เซนไดส์ที่ชัดเจน

อิเวนต์ Snoopy Runแบบ Physical Run

นอกจากนี้ เป็นปีแรกที่ จัดงาน อิเวนต์ Snoopy Run แบบ Physical Run ที่ไม่ได้เน้นการแข่งขันเพียงอย่างเดียว แต่เน้นความสนุก (Fun Run) มีประเภทวิ่งที่หลากหลาย เช่น วิ่งกับน้องหมา (Pet Friendly) และงานวิ่งสำหรับแม่และลูกที่เขาใหญ่ เพื่อฉลองครบรอบ 75 ปีของ Snoopy และ งานวิ่งช่วยส่งเสริมการรับรู้แบรนด์ Snoopy Cafe โดยทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นเท่าตัว (จาก 4,000-5,000 บาท/วัน เป็นหมื่นบาทขึ้นไป) และมีผู้ติดตามเพจเพิ่มขึ้น

ฤทธิชัย เชื่อว่า Snoopy Run จะเป็นส่วนหนึ่งในการดึงดูดแฟนคลับ Snoopy จากทั่วโลกให้เข้ามาใช้จ่ายในประเทศไทย ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของประเทศ นอกจากนี้ยังมีการผลักดันให้เกิดการแลกเปลี่ยนนักวิ่งกับต่างประเทศ เช่น การส่งผู้ชนะ Snoopy Run สนามกรุงเทพฯ 2 คน ไปร่วมงาน Snoopy Run ที่ไต้หวันในช่วงปลายปี ซึ่งเป็นงานที่ปกติแล้วจำกัดเฉพาะคนไต้หวันเท่านั้น

"ประเทศไทยเป็นประเทศเดียวในเอเชียที่มีงานวิ่งมากที่สุดถึงกว่า 4,000 อีเว้นท์ต่อปี การจัดงาน Snoopy Run ช่วยส่งเสริมการรับรู้แบรนด์ Snoopy Cafe อย่างมาก โดยทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นเท่าตัว (จาก 4,000-5,000 บาท/วัน เป็นหมื่นบาทขึ้นไป) และมีผู้ติดตามเพจเพิ่มขึ้น จะช่วยให้เติบโตไปข้างหน้าได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว"