เทรนด์การทำงาน Gig อิสระวัยทำงานยุคใหม่ เลือกทำสิ่งที่ชอบ

การทำงานของเหล่าคนรุ่นใหม่ ต้องการความอิสระและความก้าวหน้าในการทำงาน หรือไม่ก็อยากเป็นนายตัวเองมีธุรกิจที่ไม่ต้องใหญ่โตแต่สามารถควบคุมเองทั้งหมดหรือเลือกเฉพาะโปรเจกต์ที่เราสนใจได้
KEY
POINTS
- อาชีพ Gig Worker มีได้หลากหลายตามระดับอายุ รายได้ และการศึกษา แต่อาชีพที่มาแรง คือ งานรับจ้างทั่วไป ธุรกิจส่วนตัว และขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์
- Gig Economy เทรนด์ใหม่มาแรงของแรงงานในตลาดตอนนี้ พบว่าทั่วโลกเติบโต 455,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2023 โดยมีอัตราการเติบโตต่อปีแบบทบต้น (CAGR) 17.4%
- แพลตฟอร์มยอดนิยมที่จะช่วยให้ Gig worker มีรายได้ ทำงานได้อย่างอิสระ ได้แก่ Fastwork Upwork Fiverr
การทำงานของเหล่าคนรุ่นใหม่ ต้องการความอิสระและความก้าวหน้าในการทำงาน หรือไม่ก็อยากเป็นนายตัวเองมีธุรกิจที่ไม่ต้องใหญ่โตแต่สามารถควบคุมเองทั้งหมดหรือเลือกเฉพาะโปรเจกต์ที่เราสนใจได้ ซึ่งหากใครสนใจงานอาชีพอิสระต่างๆ คงต้องทำความรู้จักกับ "Gig worker"
Gig เป็นคำแสลงหมายถึง รูปแบบชั่วคราว ดังนั้น Gig Worker คือ คนที่ทำงานในรูปแบบงานชั่วคราว งานที่รับจ้างเป็นระยะเวลาสั้น จบเป็นครั้งๆ ไป ไม่ยึดติดกับที่ใดที่หนึ่ง เช่น งานพาร์ทไทม์ งานฟรีแลนซ์ โดยจุดเด่นของรูปแบบการทำงานนี้คือ มีอิสระ ทั้งการเลือกรับงานหรือเวลาทำงาน มีค่าตอบแทนขึ้นอยู่กับจำนวนงานและความยากง่ายของงานที่ทำ
ในประเทศไทยน้องจะเห็นหลายรูปแบบทั้งพนักงานสัญญาระยะสั้น 3 เดือนพนักงานสัญญาระยะยาว 1 ปี ฟรีแลนซ์ที่เลือกทำงานตามความถนัดจบงานเป็นจ๊อบ ๆ หรือการเปิดธุรกิจของตัวเองที่ไม่มีลูกน้องก็เข้าข่ายเหมือนกัน Pew Research Center อธิบายถึง ช่วงอายุ Gig worker คือ 18-29 ปี ทั้งวัยรุ่น วัยเรียน วัยทำงานซึ่งล้วนเป็นเจเนอเรชันที่รักความอิสระและขี้เบื่ออยากทำงานที่หลากหลาย
มาดูเหตุผลซัพพอร์ตเพิ่มเติมกันอาชีพอิสระที่เหล่า Gen Z , Gen Y ใฝ่ฝันมีอะไรมากกว่าความอิสระ
- 83% เผยอยากได้เงินเพิ่มเพราะสามารถรับงานได้หลายที่ไม่มีสังกัด
- 73% เลือกเวลาทำงานได้ตามใจชอบ
- 72% ต้องการบริหารจัดการเงินเองไม่ต้องมีบริษัทมาวางแผนให้
- 70% ได้เป็นนายตัวเอง
- 69% ทำงานที่ไหนก็ได้บนโลกนี้
- 67% ทำตามแพชชั่นอยากหาความหมายของชีวิต
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
เทรนด์ใหม่ทั่วโลก!!ทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์ ข้อดี-ข้อจำกัดที่องค์กรต้องรู้
อาชีพยอดฮิต และ ข้อดี-ข้อเสีย Gig worker
อาชีพ Gig Worker มีได้หลากหลายตามระดับอายุ รายได้ และการศึกษา แต่อาชีพที่มาแรง คือ งานรับจ้างทั่วไป ธุรกิจส่วนตัว และขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ อย่างงานรับจ้างทั่วไปที่เราเห็นว่ามาแรงในช่วงนี้คงหนีไม่พ้น คนขับรถส่งอาหารตามแอปพลิเคชันสั่งอาหาร
ข้อดี Gig Worker : มีความยืดหยุ่น ไม่ผูกมัดกับองค์กรใดองค์กรหนึ่ง รักษาสมดุลระหว่างงานกับชีวิตได้ดีมากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยลดรายจ่ายในธุรกิจเกี่ยวกับแรงงานได้มากกว่าจ้างพนักงานแบบประจำ
ข้อเสีย Gig Worker : ยังขาดการดูแลและคุ้มครองสวัสดิการ เช่น วันลา ประกันสุขภาพ หรือแผนการออมเงินสำหรับเกษียณอายุ เมื่อไม่มีนโยบายคุ้มครองเลยอาจทำให้ได้รับผลกระทบได้ หากไม่จัดการเรื่องเงินและการดูแลสวัสดิการด้วยตัวเองให้ดีมากพอ
การทำงานในลักษณะ Gig Worker ก็เป็นอีกตัวอย่างที่ทำให้เห็นว่ามีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นตลอดเวลา ไปตามเทรนด์การใช้ชีวิต รวมถึงสถานการณ์อื่นที่เกิดขึ้นตามกระแสโลกด้วย แต่ถ้ายอมรับและปรับตัวทันต่อการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ คุณก็ไม่ตกขบวนรถไฟในเรื่องการทำงานแน่นอน
รู้จักGig Economy ระบบเศรษฐกิจกับการทำงาน
Gig Economy คือ ระบบเศรษฐกิจที่ถูกขับเคลื่อนด้วยการทำงานในลักษณะชั่วคราว ที่ไม่ได้มีการจ้างงานพนักงานประจำและจ่ายเงินเดือนตามที่ตกลงไว้ตอนสิ้นเดือน แต่เป็นการจ้างเงินค่าจ้างตามปริมาณงานและค่าจ้างที่ได้ตกลงกันไว้เป็นงาน ๆ ไป โดยเมื่อจบสัญญาที่ตกลงกันไว้ตั้งแต่แรก ก็จะไม่ข้อผูกมัดใด ๆ เกี่ยวพันกันอีกระหว่างคู่สัญญา ซึ่งคนที่ทำงานแบบนี้จะถูกเรียกว่า Gig Worker
จะเห็นได้ว่าการทำงานในระบบของ Gig Economy จะมีความคล้ายคลึงกับการทำงานระบบ Freelance ที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี แต่ความเป็นจริงแล้วก็จะมีความแตกต่างกันอยู่บ้าง โดยสามารถอธิบายได้สั้น ๆ ให้เข้าใจง่ายได้ดังนี้
ชาวฟรีแลนซ์ หรือ Freelancer คือ คนทำงานที่เหมือนเป็นบริษัทขนาดย่อยที่ดูแลตัวเอง เป็นทั้งผู้บริหารและเป็นพนักงานในคน ๆ เดียว เพราะต้องตั้งราคาค่างานเอง คิดแผนการตลาดเพื่อโปรโมตตัวเอง หรือขายงานให้ได้ด้วยตัวเอง ดีลงาน คุยกับลูกค้าเอง เลยไปจนถึงการทำบัญชีและดูแลสัญญาต่าง ๆ ด้วยตัวเอง เรียกได้ว่าการเป็น ฟรีแลนซ์ สามารถเลือกรับงานและทำงานได้อย่างเป็นอิสระด้วยตัวเอง
แต่งานของ Gig Worker คือ การรับงานแบบที่มีคนคอยดูแลให้ส่วนหนึ่ง เช่น จะมีผู้ว่าจ้างหรือบริษัทเอเจนซีทำหน้าที่หางานมาแมชท์ให้กับคนทำงานแบบ Gig Worker โดนที่คนกลางเหล่านี้จะดูแลตั้งแต่เรื่องสัญญาว่าจ้าง ตกลงราคางาน ช่วยทำตลาดโปรโมตผู้รับจ้าง เลยไปจนถึงการทำบัญชีและอื่น ๆ เรียกได้ว่า Gig Worker ส่วนใหญ่มีหน้าที่เพียงแค่รับงานและทำงานให้เสร็จตามที่ตกลงกันไว้เท่านั้น
Gig Economy เป็นเทรนด์ใหม่มาแรงของแรงงานในตลาดตอนนี้ จากการวิเคราะห์ข้อมูลของ Mastercard พบว่า Gig Economy ทั่วโลกจะเติบโตจากราว ๆ 204,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2018 และเพิ่มขึ้นเป็น 455,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2023 โดยมีอัตราการเติบโตต่อปีแบบทบต้น (CAGR) 17.4%
นอกจากตัวอย่างจากบริษัทสตาร์ทอัปอย่าง Line Man ที่ยกมาให้ดูกันแล้ว บริษัทใหญ่ ๆ เองก็นิยมจ้างทีมงาน Outsource เข้ามาทำงานในโปรเจคที่ต้องอาศัยคนที่เชี่ยวชาญในเรื่องนั้นจริง ๆ หรือแม้แต่งานบางงานที่บริษัทเล็งเห็นว่า ถ้าจ้างทีมข้างนอกทำจะช่วยให้ประหยัดต้นทุนค่าใช้จ่ายมากกว่าการจ้างพนักงานประจำ เพราะการจ้างทีมข้างนอกบริษัทสามารถคำนวนต้นทุนที่ได้เสียไปได้อย่างแน่นอนมากกว่า และเมื่อจบโปรเจคแล้วก็ไม่จำเป็นต้องจ้างต่อ แต่ถ้ามีความจำเป็นที่จะต้องพัฒนาโปรเจคใหม่ ๆ ก็สามารถจ้างทีมข้างนอกกลับเข้ามาทำงานได้เป็นครั้ง ๆ ไป
ในมุมมองของแรงงานในตลาดงานเอง หลายคนก็ชอบที่จะผันตัวเองมาเป็น Gig Worker กันมากขึ้น เพราะนอกจากจะบริหารเวลาการทำงานได้แล้ว ยังสามารถเลือกรับงานที่อยากทำได้ด้วย รับงานได้เท่าที่ต้องการ ทำมาได้เงินมาก เลยทำให้การทำงานแบบ Gig Economy เป็นอีกหนึ่งเทรนด์ที่น่าจับตามอง หากคุณยังไม่คุ้นเคยกับการทำงานแบบนี้ ไม่ว่าคุณจะเป็นบริษัทที่ต้องการจ้าง Gig Worker หรือ ชาวฟรีแลนซ์ที่เริ่มเหนื่อยกับการบริหารตัวเองทุกอย่าง และอยากผันตัวมาเป็น Gig Worker กับเขาบ้าง ก็สามารถพัฒนาปรับปรุงตัวเองได้เลย เพราะตลาดงานของ Gig Economy ยังคงมีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่องในระยะหลายปีต่อจากนี้
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังมองหางานแบบ Gig Economy หรือ เป็นบริษัทที่อยากได้ Gig Worker มาร่วมงานด้วย ลองฝากเรซูเม่ของคุณไว้ที่แอปพลิเคชั่น Jobsdb แอปที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางหางานให้กับทั้งคนที่อยากได้งานและนายจ้างที่ต้องการจ้างงานได้มาเจอกัน ผ่านระบบที่ใช้งานง่ายและมีฟังก์ชันครบวงจรสะดวกทั้งการค้นหางาน ค้นหาแรงงานให้ตรงกับใจคุณ
การทำงาน Gig ที่ได้รับความนิยม สร้างรายได้จริง
แพลตฟอร์มยอดนิยมที่จะช่วยให้ Gig worker มีรายได้ ทำงานได้อย่างอิสระ
1.Fastwork
แพลตฟอร์มยอดนิยมของฟรีแลนซ์ในเมืองไทย Fastwork ไม่ว่าน้องจะอยากได้งานหรือหาคนมาช่วยงานเขามีพร้อมให้บริการอัดแน่นเต็ม ๆ 7 ประเภท Graphic & Design, การตลาดและโฆษณา, เขียนและแปลภาษา, ภาพและเสียง, Web & Programming, ปรึกษาและแนะนำ, จัดการร้านค้าออนไลน์วิธีการสมัครง่ายมาก แค่เข้าไปที่เว็บไซต์กรอกรายละเอียดแสดงผลงานและรออนุมัติถ้าไม่มีผลงานพี่แนะนำให้สร้างขึ้นมาเองเลยให้คนรอบข้างช่วยคอมเมนต์ก่อนได้บน Fastwork มีบริษัทระดับเล็ก กลาง ใหญ่ เข้ามาเลือกใช้ทั้ง BETAGO , NocNoc , Colgate , Google ช่วยเปิดโอกาสเติบโตในสายงานที่ตัวเองชอบได้หรือนิติบุคคลเอง เขาก็เข้ามาหาฟรีแลนซ์ไปช่วยงานเหมือนกัน
จุดเด่น: มีหมวดหมู่หลากหลายเหมาะกับคนไทยใช้ผ่านเว็บไซต์และแอปพลิเคชันได้
ข้อดี: ผู้ว่าจ้างต้องจ่ายเงินเข้าระบบก่อนฟรีแลนซ์จึงเริ่มทำงาน Fastwork Guarantee คุ้มครองทั้งผู้ว่าจ้างและฟรีแลนซ์เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนด
2.Upwork
น้อง ๆ Gig worker ที่อยากทำงาน worldwide ใช้ภาษาอังกฤษและภาษาอื่น ๆ ต้องที่นี่เลย Upwork ในเว็บไซต์ล้ำมาก มี AI chatbot ช่วยตอบคำถามว่าเรากำลังหางาน หรือเป็นผู้ว่าจ้างพร้อมแนะนำ step by step ไม่ต้องกลัวทำผิดสักขั้นตอนส่วนประเภทงานที่มีแบ่งออกเป็น 8 ประเภท ไอที, ปัญญาประดิษฐ์ (AI), ครีเอทีฟ, เซลส์และการตลาด, เขียนและแปลภาษา, แอดมิน, บัญชี, วิศวกร, สถาปนิก,ฝ่ายบุคคลและการเทรนนิ่ง, กฎหมาย ถ้าอยากหางานกดสมัครผ่านเว็บไซต์ได้เขาจะมีข้อสอบให้ทำเกี่ยวกับทักษะที่น้องถนัดด้วยเพื่อเพิ่มอัตราการจ้างงานให้นายจ้างเห็น บริษัทระดับโลกอย่าง Microsoft, airbnb และอีกหลากหลายแห่ง ไว้วางใจจ้างงานผ่าน Upwork
จุดเด่น: มีงานทั่วโลกรวมถึงเฉพาะเจาะจงในสหรัฐฯ ใช้งานสนุกเหมือนกำลังเล่นเฟสบุ๊กไถฟีดหางานจะทำผ่านเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันก็ได้
ข้อดี: มีสรุปรีพอร์ตว่าเรารับงานอะไรบ้างมีรายได้กี่บาทสามารถเห็น payment verified ของผู้ว่าจ้างแต่ละคนมั่นใจได้เรื่องการจ่ายเงิน
3. Fiverr
อีกหนึ่งแพลตฟอร์มสำหรับน้อง ๆ ที่อยากทำงานกับชาวต่างชาติFiverr บนเว็บไซต์แบ่งเป็นสัดส่วนชัดเจน มีหลาย Jobs ให้น้องเลือกทำทั้งกราฟิก ไอที, ดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง, แอนิเมชัน, เขียนและแปลภาษา, ร้องเพลง, พากย์เสียง ผู้ช่วยส่วนตัวออนไลน์, ถ่ายภาพ, นายแบบและนางแบบ และบริการที่เกี่ยวกับ AI วาดรูป สร้างแอปพลิเคชัน วิเคราะห์ข้อมูล รวมถึงอื่น ๆ เป็นอีกช่องทางที่พี่เห็นแล้วมีแต่งานน่าทำทั้งนั้นเลย
ความ variety จัดเต็มบนเว็บไซต์เขาเคลมว่ามีงานมากถึง 600 categories ให้เลือกวิธีการสมัครก็ง่ายจะเชื่อมผ่าน Google, Facebook หรือใช้ email ก็ได้ บริษัทที่พวกเรารู้จักกันดี Meta, Google, Netflix, P&G, PayPal และอื่น ๆ เขาก็หาคนผ่านช่องทางนี้โอกาสร่วมงานกับบริษัทระดับโลก ขนาดเล็ก กลางใหญ่ รอน้องทุกคนอยู่
จุดเด่น: งานกว่า 600 หมวดที่น่าสนใจ เช่น AI ถ้าน้อง ๆ เก่งด้านนี้ก็ใช้หาเงินได้และ Photo Preset Creation อาชีพสร้างเซตการปรับแต่งรูปเพื่อใช้คุมโทนสำหรับโปรแกรม Lightroom
ข้อดี: เลือกค่าจ้างเป็นสกุลเงินบาท (THB) ได้ง่ายต่อการคำนวณมี virtual event และ onsite ให้น้องไปสร้าง community พบปะผู้คนได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้ในแต่ละสายงาน
แพลตฟอร์มที่พี่เอามาฝากเป็นยังไงบ้างเอ่ย? ถ้าสนใจรีบกดสมัครเลยและถ้าจะให้ดีต้องเติมความรู้จากคอร์สออนไลน์เอาเกียรติบัตรไปใส่ใน Portfolio เพิ่มความน่าดึงดูดจากผู้จ้างงานพี่ ๆ Starfish Labz มั่นใจในตัวน้องทุกคนพวกเรามีอิสระที่จะเลือกใช้ชีวิต การทำงานและทุกอย่างได้ถ้าสุดท้ายมันไม่สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นขอให้สนุกกับเส้นทางที่เราตัดสินใจพวกเราวัยรุ่นทำได้
อ้างอิง:starfishlabz , jobsdb







