ธ.ก.ส. เติมทุน 6,000 ล้าน หนุนชดเชยดอกเบี้ย แก่เกษตรกรไร่อ้อย ปี 2565 - 2567

ธ.ก.ส. เติมทุน 6,000 ล้าน หนุนชดเชยดอกเบี้ย แก่เกษตรกรไร่อ้อย ปี 2565 - 2567

ธ.ก.ส. จัดโครงการชดเชยรายได้ดอกเบี้ยให้กับเกษตรกรไร่อ้อย ปี 2565 - 2567 หนุนเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอ้อยครบวงจร และแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 วงเงินรวมกว่า 6,000 ล้านบาท

นายธนารัตน์ งามวลัยรัตน์ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ตามมติคณะรัฐมนตรีที่เห็นชอบให้ ธ.ก.ส. ดำเนินโครงการ ชดเชยดอกเบี้ย ให้กับ เกษตรกรชาวไร่อ้อย สำหรับบริหารจัดการแหล่งน้ำ และซื้อเครื่องจักรกลการเกษตรในไร่อ้อยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอ้อย และแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ปี 2565 - 2567

ซึ่งโครงการนี้เป็นความร่วมมือระหว่าง ธ.ก.ส. สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) ในสังกัดกระทรวงอุตสาหกรรม และโรงงานน้ำตาล โดยมุ่งเน้นสนับสนุนแหล่งเงินทุนที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำแก่เกษตรกรชาวไร่อ้อย กลุ่มเกษตรกร สหกรณ์ สถาบัน กลุ่มบุคคล หรือวิสาหกิจชุมชนชาวไร่อ้อย

เพื่อบริหารจัดการแหล่งน้ำ เช่น การจัดหาแหล่งน้ำสำรองในการบรรเทาความเดือดร้อนจากภัยแล้ง การปรับพื้นที่การปลูกอ้อยไปสู่เกษตรแปลงใหญ่ และการซื้อเครื่องจักรกลการเกษตรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตอ้อย และลดต้นทุนในระยะยาว ลดปัญหาอ้อยไฟไหม้ที่ก่อให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม

รวมถึงแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานในไร่อ้อย สอดคล้องกับเป้าหมายในการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมอ้อย และน้ำตาลทรายทั้งระบบในการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอ้อยอย่างครบวงจร ลดการพึ่งพาแหล่งเงินทุนนอกระบบที่มีอัตราดอกเบี้ยไม่เป็นธรรม พร้อมเสริมสร้างรายได้ให้เกษตรกรผู้ปลูกอ้อย และแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ที่เกิดจากการเผาอ้อย
 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :

คุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการ

ต้องเป็นเกษตรกร กลุ่มเกษตรกร สหกรณ์การเกษตร สถาบันชาวไร่อ้อย กลุ่มบุคคล และวิสาหกิจชุมชน ที่ขึ้นทะเบียนการปลูกอ้อยกับ สอน.

และเป็นคู่สัญญากับโรงงานน้ำตาล ที่ให้การรับรองเกษตรกร วงเงินปีละ 2,000 ล้านบาท ระยะเวลา 3 ปี วงเงินรวมกว่า 6,000 ล้านบาท 

วงเงินแบ่งตามวัตถุประสงค์ในการกู้ ได้แก่

1.เพื่อพัฒนาแหล่งน้ำ และการบริหารจัดการน้ำในไร่อ้อย วงเงินสูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท อาทิ

  • การขุดบ่อสระกักเก็บน้ำ
  • การเจาะบ่อบาดาล
  • การจัดทำระบบน้ำ
  • การจัดซื้อเครื่องสูบน้ำ และอุปกรณ์ให้น้ำในไร่อ้อย และการรวมกลุ่มสร้างหรือพัฒนาปรับปรุงระบบการส่งน้ำ

2.เพื่อปรับพื้นที่ปลูกอ้อยไปสู่เกษตรแปลงใหญ่ วงเงินสูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท (อัตราไร่ละไม่เกิน 2,500 บาท)

3.เพื่อซื้อเครื่องจักรกลการเกษตร (ประเภทรถตัดอ้อย รถคีบอ้อย หรืออุปกรณ์ส่วนควบ) วงเงินสูงสุดไม่เกิน 26.05 ล้านบาท

- กรณีเป็นเกษตรกรบุคคล

คิดอัตราดอกเบี้ย MRR (ปัจจุบัน MRR เท่ากับร้อยละ 6.50) โดยเกษตรกรจ่ายดอกเบี้ยเพียงร้อยละ 2 ต่อปี รัฐบาลจะจ่ายชดเชยดอกเบี้ยแทนร้อยละ 3 ต่อปี และ ธ.ก.ส. รับภาระเองร้อยละ 1.5 ต่อปี

- กรณีเป็นกลุ่มเกษตรกร สหกรณ์การเกษตร สถาบันชาวไร่อ้อย กลุ่มบุคคล หรือวิสาหกิจชุมชน

คิดอัตราดอกเบี้ย MLR (ปัจจุบัน MLR เท่ากับร้อยละ 4.88) โดยกลุ่มเกษตรกรจ่ายดอกเบี้ยเพียงร้อยละ 2 รัฐบาลจะจ่ายชดเชยดอกเบี้ยแทนร้อยละ 2 ต่อปี และ ธ.ก.ส. รับภาระเองในอัตราร้อยละ 0.875 ต่อปี

 

4.เพื่อซื้อเครื่องจักรกลการเกษตร (ประเภทรถแทรกเตอร์ รถบรรทุก และพ่วงบรรทุก) วงเงินสูงสุดไม่เกิน 11 ล้านบาท จะเรียกเก็บดอกเบี้ยจากผู้กู้ ทั้งเกษตรกรรายบุคคล และกลุ่มเกษตรกร ในอัตราร้อยละ 4 โดยรัฐบาลจะไม่ชดเชยในส่วนนี้ แต่ ธ.ก.ส. จะเป็นผู้รับภาระในส่วนที่เหลือแทน

ทั้งนี้ สำหรับลูกค้าที่ประสงค์จะเข้าร่วมโครงการฯ สามารถติดต่อได้ที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 0-2555-0555 ได้ตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 30 กันยายน 2567

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์