อว. เดินหน้า 4 คลัสเตอร์ยุทธศาสตร์ เตรียมพร้อมกำลังคนไทยสู่ยุค AI

อว. เดินหน้า 4 คลัสเตอร์ยุทธศาสตร์ เตรียมพร้อมกำลังคนไทยสู่ยุค AI "มุ่งผลิตบุคลากรที่รู้จักใช้ AI สร้างมูลค่า ไม่ใช่แค่เขียนโค้ด"
ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่รวดเร็ว โดยเฉพาะการมาถึงของ AI ที่กำลังเปลี่ยนโฉมหน้าอุตสาหกรรมและการทำงานทั่วโลก กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เตรียมพร้อมรับมือด้วยการวางยุทธศาสตร์การพัฒนากำลังคนรูปแบบใหม่
ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล ปลัดกระทรวง อว. เปิดเผยในการให้สัมภาษณ์พิเศษว่า เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง จำเป็นต้องมีบุคลากรที่มีทักษะด้าน AI และเทคโนโลยีขั้นสูง โดยขณะนี้ อว. กำลังเร่งดำเนินการใน 4 คลัสเตอร์สำคัญ ได้แก่ เซมิคอนดักเตอร์, AI, EV และ Deep Tech ซึ่งเป็นไปตามนโยบายที่นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
'ศิริราช' ยกระดับการแพทย์ AI เพิ่มสตาร์ทอัพ ดูแลรักษา ฟื้นฟู
เร่งผลิตบุคลากรด้านเซมิคอนดักเตอร์
สำหรับคลัสเตอร์เซมิคอนดักเตอร์ซึ่งเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ กระทรวงฯ มีแผนการดำเนินงานที่ชัดเจน โดยจะเปิด Training Center 3 แห่งในปีนี้ ได้แก่ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง พระจอมเกล้าพระนครเหนือ และมหาวิทยาลัยมหานคร เพื่อพัฒนา Professional Computer Engineer
"เรามองภาพไปข้างหน้าค่อนข้างไกล นอกจากการเปิดศูนย์ฝึกอบรมแล้ว เรายังมีโครงการส่งบุคลากรไปศึกษาด้าน IC Design และการออกแบบ Semiconductor ที่ประเทศอังกฤษ ปีละ 5-6 คน เป็นเวลา 4-5 ปีติดต่อกัน เพื่อสร้าง Critical Mass" ดร.ศุภชัย กล่าว
พร้อมเสริมว่า โครงการนี้ได้ร่วมมือกับห้องปฏิบัติการชั้นนำระดับโลกด้าน IC Design ที่จะฝึกอบรมบุคลากรไทยตามความต้องการเฉพาะด้าน
เปลี่ยนมุมมองการพัฒนา AI
ด้านการพัฒนา AI ซึ่งเป็นอีกหนึ่งคลัสเตอร์สำคัญ ปลัดกระทรวง อว. ชี้ให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในการพัฒนาบุคลากร
"สิ่งสำคัญไม่ใช่แค่การส่งคนไปเรียนหรือฝึกอบรม แต่ต้องมี AI Project ให้นักศึกษาได้ลงมือทำจริง เราตั้งเป้าว่าปีนี้ทุกหลักสูตรต้องมี AI Project และต้องรู้จักนำ AI มาใช้ในโครงงานของตัวเอง"
นอกจากนี้ ยังผลักดันให้ทุกมหาวิทยาลัยมี AI Hub ที่มีผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำแนะนำว่าแต่ละหลักสูตรควรมี AI ในด้านใดบ้าง และควรมี AI Project อะไรที่เหมาะสมกับสาขานั้นๆ
"เราได้เรียนรู้จากภาคเอกชนว่า AI ไม่ได้ต้องการแค่คนเขียนโค้ด แต่ต้องการคนที่เก่งคณิตศาสตร์ เก่งฟิสิกส์ ที่จะมาพัฒนา Algorithm ของ AI"
โอกาสของประเทศไทยในการพัฒนา AI
ในการพบปะระหว่าง Jensen Huang ประธาน NVIDIA กับนายกรัฐมนตรี ได้มีการชี้ให้เห็นข้อได้เปรียบที่น่าสนใจของประเทศไทย นั่นคือการมีภาษาไทยเป็นจุดแข็ง
"NVIDIA มองว่าประเทศไทยสามารถสร้าง AI Infrastructure ของตัวเองได้ โดยใช้ข้อมูลภาษาไทยซึ่งมีจำนวนมหาศาล โดยเฉพาะข้อมูลงานวิจัย มาพัฒนา Language Model เฉพาะทาง"
ข้อได้เปรียบนี้เกิดจากการที่ภาษาไทยไม่ได้ใช้กันทั่วโลก ทำให้การพัฒนา AI ที่เชี่ยวชาญเฉพาะด้านสำหรับภาษาไทยมีโอกาสประสบความสำเร็จสูง เพราะคนอื่นเข้าถึงข้อมูลภาษาไทยได้ยาก
การปฏิรูปการเรียนการสอน
อว. ยังผลักดันให้การเรียนการสอนเป็นแบบ Experiential Learning มากขึ้น โดยนักศึกษาต้องได้ออกไปทำงานกับภาคเอกชนและชุมชน เพื่อเรียนรู้จากประสบการณ์จริง
"เราไม่ต้องการให้การเรียนจำกัดอยู่แค่ในห้องเรียน นักศึกษาต้องได้นำองค์ความรู้ไปใช้จริงกับภาคอุตสาหกรรมและชุมชน"
ล่าสุด มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้ตั้งเป้าว่าภายใน 2 ปี ทุกหลักสูตรต้องเป็น Experiential Learning ให้นักศึกษาได้มีโอกาสทำงานเป็นทีมและเรียนรู้จากประสบการณ์จริง
การประยุกต์ใช้ AI ในวงกว้าง
ปลัดกระทรวง อว. ยังเน้นย้ำถึงการใช้ AI เพื่อยกระดับความสามารถในทุกสาขาอาชีพ เราต้องใช้ AI เพื่อยกระดับทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นการทำให้เกษตรกรธรรมดาเป็น Super Farmer หรือครูธรรมดาเป็น Super Teacher การพัฒนาไม่ได้หยุดแค่การส่งคนไปเรียน AI แต่เราต้องทำให้ AI มาช่วยสอนคนใช้ AI
"ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือการใช้ AI วางแผนการท่องเที่ยว ซึ่งสามารถทำได้เร็วและมีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับมืออาชีพ สิ่งที่เราต้องทำคือการเตรียมคนให้พร้อมใช้เครื่องมือเหล่านี้อย่างชาญฉลาด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและยกระดับคุณภาพชีวิต" ดร.ศุภชัย กล่าวทิ้งท้าย







