ครม.อนุมัติขยายระยะเวลาโครงการทดสอบวัคซีนในลิงมาร์โมเส็ท ถึง 29 ธ.ค.66

ครม.อนุมัติขยายระยะเวลาโครงการทดสอบวัคซีนในลิงมาร์โมเส็ท ถึง 29 ธ.ค.66

ครม.อนุมัติขยายระยะเวลาโครงการทดสอบวัคซีนในลิงมาร์โมเส็ท การศึกษาความปลอดภัยประสิทธิภาพวัคซีนแคนดิเดตซับยูนิต เป็นสิ้นสุด 29 ธ.ค.66

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า  ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) วันที่ 16 พ.ค. 66  ได้อนุมัติผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ (คกง.) ภายใต้ พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019  เพิ่มเติม พ.ศ.2564 ในคราวประชุม ครั้งที่ 5/66  และในคราวประชุม 6/66
 
ทั้งนี้ อนุมัติให้สถาบันวัคซีนแห่งชาติ ขยายระยะเวลาโครงการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการวิจัยและทดสอบวัคซีนและเภสัชภัณฑ์ในลิงมาร์โมเส็ท(โครงการทดสอบวัคซีนในลิงมาร์โมเส็ท) จากเดิมที่สิ้นสุดเดือนเม.ย. 66 ไปสิ้นสุดวันที่ 29 ธ.ค. 66  โดยโครงการนี้มีกรอบวงเงินงบประมาณ 139.84 ล้านบาท  มีการเบิกจ่ายแล้ว 69.50 ล้านบาท หรือร้อยละ 49.71

โดยขณะนี้โครงการอยู่ระหว่างการปรับปรุงแก้ไขรูปแบบการก่อสร้าง ประกอบกับมีความล่าช้าในการจัดซื้อและรับมอบลิงมาร์โมเส็ทจากผู้ค้าภายในประเทศที่อยู่ระหว่างเบิกจ่ายเงินสำหรับลิงมาร์โมเส็ท จำนวน 67 ตัว ส่วนการจัดซื้อจากต่างประเทศ 75 ตัว ประสบปัญหาการจัดหาสายการบินเพื่อขนส่งเข้ามาในประเทศ

พร้อมกันนี้ ครม. ได้อนุมัติให้ขยายระยะเวลาโครงการศึกษาความปลอดภัย(Safety) ความสามารถในการกระตุ้นภูมิ (Immunogenicity) และประสิทธิภาพ (Vaccine Efficacy) ของแคนดิเดตซับยูนิตวัคซีน  สำหรับป้องกันโรคโควิด-19  ที่ใช้พืชเป็นแหล่งผลิตในมนุษย์ระยะที่2a จากที่สิ้นสุดในเดือนมิ.ย. 66 เป็นสิ้นสุด วันที่ 29 ธ.ค. 66 โดยโครงการมีกรอบวงเงิน 211 ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว 116.9 ล้านบาท หรือร้อยละ 55.4  โดยเหตุผลที่ต้องมีการขยายระยะเวลาโครงการเนื่องด้วยปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้โดยเฉพาะข้อมูลความปลอดภัยของการทดสอบวัคซีนระยะที่1 ของกลุ่มอาสาสมัครทั้ง 2 กลุ่ม เพื่อนำมาอ้างอิงเพิ่มเติมต่อการขออนุมัติดำเนินการทดสอบวัคซีนในระยะที่สูงขึ้น  ขณะที่การวิจัยและพัฒนาวัคซีนมีความซับซ้อนทางเทคนิคจำเป็นต้องใช้ระยะเวลาในการดำเนินการเพื่อให้วัคซีนมีความปลอดภัยสูงสุด

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า  ครม. ได้อนุมัติให้จังหวัดเปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญ รวม 99 โครงการ วงเงินรวม 422.55 ล้านบาท ประกอบด้วยให้ยกเลิก 35 โครงการใน 11 จังหวัด ขยายระยะเวลา 58 โครงการใน 18 จังหวัด และ เปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการ 6 โครงการ ใน 5 จังหวัด  ตามลำดับ