“ไม่อยากเป็นภาระลูกหลาน” ชีวิตที่ต้อง work life balance ของ “นพ.สมศักดิ์”

“ไม่อยากเป็นภาระลูกหลาน” ชีวิตที่ต้อง work life balance ของ “นพ.สมศักดิ์”

“งาน เงิน ไม่ใช่ทุกอย่างของชีวิต แต่ไม่มีเงินก็ไม่มีชีวิต” นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงพยาบาลวิมุต โฮลดิ้ง จำกัด สะท้อนให้เห็นภาพความสำคัญของการสร้างสมดุลชีวิต  work life balance(WLB)

   แม้เข้าสู่วัยเกษียณแล้วแต่ยังสุขภาพแข็งแรง และสดชื่นกับการทำงานตลอดวัน “นพ.สมศักดิ์” บอกเคล็ดลับว่า “ตื่นมาเดินทุกเช้า ก่อนไปทำงาน และต้องให้ได้อย่างน้อยวันละ 10,000 ก้าว”   
     “ที่ยังสดชื่นได้ตลอดวัน เพราะส่วนหนึ่งเชื่อเรื่องนื้มาตลอด Work Life Balance ไม่เฉพาะตัวเองแต่ครอบครัวด้วย  เป็นฐานที่ดีในการดำรงชีวิต เพราะงานไม่ใช่ทุกอย่างในชีวิต เงินไม่ใช่ทุกแย่างของชีวิต แต่ไม่มีเงินก็ไม่มีชีวติ จึงต้องสมดุล”

        จุดไหนที่สมดุล ที่เหมาะสมนั้น แต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนอาจจะมีบ้านเล็กๆ รถ 1คัน ครอบครัวที่ดีพอแล้ว บางอาจจะต้องมีบ้านใหญ่ บางคนต้องมีเครื่องบินส่วนตัว แต่ต้องหาจุดที่สมดุลของตัวเองได้

     ด้วยความเป็นคุณหมอจึงให้ความสำคัญกับสุขภาพต้องมาก่อน  สำคัญเท่ากัน คือ ครอบครัว ซึ่งเลี้ยงลูกเองมาตลอด ก็สอนลูกว่า งาน เงินไม่ใช่ทุกอย่างในชีวิต แต่ก็ต้องสมดุลกัน โตขึ้นมาเอาตัวเองให้รอด และทำประโยชน์ให้สังคมได้ด้วยยิ่งดี

work life balance แบบ “นพ.สมศักดิ์”

        ส่วนตัวเองการดูแลสุขภาพ ตื่นมาเดินทุกวัน และตอนทำสัญญาการเข้าทำงานที่นี่ระบุเวลา 08.30-16.30 น.  แต่ก็ขออนุญาตต่อรองไม่ทำแบบ office hours ก็ได้รับการสนับสนุนระบุเพิ่มเติมว่า “สามารถปรับเปลี่ยน work from home โดยยึดผลการดำเนินงานเป็นสำคัญ” ซึ่งก็มาทำงานทุกวันเพียงแต่ไม่ออกเดินทาง 7 โมงเพื่อมาถึง 8โมงครึ่ง หากออกจากบ้าน 8 โมงครึ่งมาถึงที่ทำงาน 9 โมง ก็มีเวลา 1 ชั่วโมง ก็อยากใช้ในการ Work life balance

       “ตอนเช้าเดินเร็วทุกวัน รีบที่สุดคือ 50 นาที ช่วงที่เดินก็กำหนดลมหายใจ สวดมนต์ด้วย เป็นการฝึกสมาธิ และจะต้องเดินให้ได้อย่างน้อยวันละ 10,000 ก้าวทุกวัน นี่คือ Work life balance ที่ทำ และช่วงที่ยังเป็นอธิบดีกรมการแพทย์ 5 ปี ก็เดินทุกวัน และไม่มีวันไหนที่ต่ำกว่า 10,000 ก้าว ไปต่างประเทศก็เดินไม่เคยเว้น”

“ไม่อยากเป็นภาระลูกหลาน” ชีวิตที่ต้อง work life balance ของ “นพ.สมศักดิ์”

  ช่วยให้งาน-สมาธิดีขึ้น

   เพราะเชื่อเรื่องสุขภาพดี ถ้าดูแลตัวเองไม่ดี จะดูแลใครได้ ส่วนเรื่องครอบครัวก็มีเวลาวันศุกร์ เสาร์ที่นั่งรับประทานอาหารร่วมกัน คุยกันมีเวลาครอบครัว เป็น Work life balance ที่ทำมาตลอด พอทำได้แบบนี้ การทำงานก็จะรู้สึกตื่นตัว ชีวิตสดชื่นตลอดวัน และกลางคืนก็จะหลับดีวันละ 6-7 ชั่วโมง

     “การมี Work life balanceที่ดี จะมีส่วนช่วยให้การทำงาน สมาธิได้ดีขึ้น จะสามารถมองเห็นอะไรได้รอบกว่าคนอื่นๆ มองประโยชน์ของคนอื่นๆไปด้วย สิ่งที่ทำไม่ใช่แค่ตัวเรา มองอะไรได้ทะลุมากยิ่งขึ้น”

   สิ่งเหล่านี้ที่ทำกลายเป็นกิจวัตรประจำวัน เหมือนพระที่ตื่นมาก็สวดมนต์ ส่วนตัวเองตื่นมาก็เดิน สวดมนต์ และกำหนดลมหายใจ เมื่ออาบน้ำหลังจากที่เหงื่อไหลจะสดชื่นมาก ตอนนี้ก็ปรับตัวเอง เมื่อมาทำงานที่นี่ช่วงเวลานั่งรถราว 30 นาที หรือ 1 ชั่วโมง ก็จะเอาขนม กาแฟมาทานบนรถ มาถึงออฟฟิตพร้อมทำงาน สดชื่นตลอด

      “จริงๆต้องเข้าใจ ชีวิตคนเป็นกิจวัตร ส่วนของตนเอง เวลาก็จะเป็นเช้าออกกำลังกาย กลางวันทำงาน ตอนเย็นกลับไปอยู่กับครอบครัว และจะต้องมีพักเบรกไปเที่ยวกับครอบครัวด้วย”
“ไม่อยากเป็นภาระลูกหลาน” ชีวิตที่ต้อง work life balance ของ “นพ.สมศักดิ์”

 ก้าวแรกต้องเอาชนะใจตัวเอง

      การจะสร้างสมดุลชีวิตมักจะยาดตรงจุดเริ่มต้น นพ.สมศักดิ์ บอกว่า สำหรับคนรุ่นใหม่ที่โตมากับเทคโนโลยี อะไรจึงดูเหมือนรีบร้อนไปหมด และหลายคนก็สมาธิสั้น แต่ถ้าชิลๆกับมันบ้าง ตั้งเป้าที่ดี  ซึ่งยากที่สุดของแต่ละคน คือ “การเอาชนะใจตัวเอง”
         เพราะฉะนั้น บางคนตื่นแล้วแต่นอนกลิ้งดูมือถือ ดูโทรทัศน์อยู่บนเตียง คำถาม คือ ทำไมไม่ลงมาเดิน หรือออกกำลังกาย

 

           “หากปรับเวลาส่วนนี้มาดูแลสุขภาพตัวเอง ประโยชน์มากกว่าหรือไม่ สุดท้ายผลลัพธ์แบบไหนดีกว่า ก้าวแรกที่เอาชนะใจตัวเองจึงยากที่สุด”  


         ส่วนตัวใน 365 วันอาจจะมีราว 10 วันที่ตื่นขึ้นมาแล้วรู้สึกว่า “ตื่นแล้วไม่อยากไปเดิน” ซึ่งมีบ้าง แต่ถ้ายอม 1 วัน ก็จะมีวันที่ 2,3,4 จึงไม่ยอมใน 365 วันจึงเดินให้ได้ 10,000 ก้าวทุกวัน เมื่อทำเป็นนิสัยแล้ว หลังจากนั้นก็จะสบายๆ
        ถึงคนที่พูดว่า “ไม่เวลา เหนื่อยกับงานแล้ว” นพ.สมศักดิ์ อยากให้แต่ละคนถามตัวเองว่า “จริงหรือ” ซึ่งนพ.สมศักดิ์ บอกว่า “ไม่จริงเลย ส่วนตัวไม่เคยเชื่อว่าไม่มีเวลา เหนื่อยเกินไป แต่ขึ้นกับเราให้เวลากับการจัดลำดับความสำคัญกับอะไรหรือเรื่องไหนก่อน”

ดักล่วงหน้าสกัดเรื่องเครียด
    สำหรับช่วงเวลาที่อาจจะมีความท้าทาย ปัญหา ความเครียด นพ.สมศักดิ์ ยึดหลักว่า “ทุกปัญหามีทางออก” แต่คนที่แพ้ก็จะบอก “ทุกทางออกมีปัญหา” เพราะฉะนั้นขึ้นอยู่กับการมอง อย่างไรก็ตาม ถ้ามีข้อขัดแย้งเกิดขึ้น แล้วมจุดที่ต้องตัดสินใจ “ให้ยึดผลประโยชน์คนไข้เป็นหลัก”แล้วทุกอย่างจะจบ

     “ที่ผ่านมาไม่ค่อยเครียด ทำงานด้วยความสนุกทุกวัน ไม่ได้รู้สึกเครียดจนทนไม่ได้ อาจจะมีบ้างเล็กน้อยแต่ถ้ายึดเอาประโยชน์คนไข้เป็นหลัก ก็จบ ชั่งน้ำหนักระหว่างข้อดีข้อเสียทุกทาง รวมถึง มองสถานการณ์ล่วงหน้าที่อาจจะเกิดขึ้น แล้วเตรียมการรับมือ เมื่อดักล่วงหน้าไว้ก็จะไม่เจอเรื่องเครียดบ่อยๆ ต้องไม่มองแค่ผลประโยชน์เฉพาะหน้า”นพ.สมศักดิ์กล่าว 
“ไม่อยากเป็นภาระลูกหลาน” ชีวิตที่ต้อง work life balance ของ “นพ.สมศักดิ์”

Work life balance วัฒนธรรม “วิมุต”
    และในฐานะผู้บริหารของ “วิมุต” จะทำเรื่อง Work life balance ให้เป็น วัฒนธรรมองค์กร เริ่มจากเรื่องเล็กน้อย เช่น การประชุม 3 ชั่วโมงที่ผ่านมาก็นั่งตลอด เป็นเหมือน “การประชุมที่ทำลายสุขภาพ(unhealthy meeting)”ก็ปรับให้ลุกขึ้นมาเต้นเป็นระยะๆเพื่อผ่อนคลาย ก็จะมอบหมายให้ฝ่ายการตลาด ไปหาเพลงของวิมุต และจะหารือกับผู้บริหารในการสร้างวัฒนธรรมของวิมุต ของพฤกษาที่ Work life balance ดูแลบุคลากรทุกระดับ

       นอกจากนี้ มีแนวคิดที่จะตั้ง มูลนิธิ หรือ กองทุน โดยมีวัตถุประสงค์หลัก 2 ข้อ คือ 1.ดูแลคนไข้ที่มาเข้ารับการรักษาที่รพ.วิมุต และ2.ดูแลสวัสดิการเจ้าหน้าที่ในเรื่องต่างๆ  จะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ทุกคนรักองค์กร เพราะเชื่อว่า “องค์กรไม่ได้ดีได้ด้วยคนเพียงคนเดียว”

“ไม่เป็นภาระลูกหลาน”คือเป้าหมายชีวิต

         ท้ายที่สุด นพ.สมศักดิ์ บอกถึงเป้าหมายชีวิตว่า “จะไม่เป็นภาระของลูกหลาน” ซึ่งไม่มีคำว่าสายที่จะลุกขึ้นมาดูแลตัวเองและสร้างสมดุลให้กับชีวิต เพียงแต่ต้อง “ทำทันที”(Do It Now)

“ไม่อยากเป็นภาระลูกหลาน” ชีวิตที่ต้อง work life balance ของ “นพ.สมศักดิ์”