S & P 500 - แนสแด็กดีดขึ้น ตอบรับเงินเฟ้อสหรัฐต่ำกว่าคาด

 ซีเอ็นบีซี รายงาน ดัชนีแนสแด็กดีดขึ้น และดัชนี S&P 500 พลิกกลับมาปิดตลาดหลังจากร่วงลงติดต่อกัน 4 วันในวันพฤหัสบดี (18 ธ.ค. 68) โดยได้รับแรงหนุนจากข้อมูลอัตราเงินเฟ้อที่อ่อนกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งทำให้แนวโน้มการลดอัตราดอกเบี้ยในปี 2026 สดใสขึ้น และการคาดการณ์ผลประกอบการที่ดีเกินคาดจากบริษัทผู้ผลิตชิป Micron Technology

ดัชนีตลาดโดยรวม S&P 500 ดีดขึ้น 0.79% ปิดที่ 6,774.76 จุด ขณะที่ดัชนีแนสแด็ก Nasdaq Composite พุ่งขึ้น 1.38% ปิดที่ 23,006.36 จุด ดัชนี อุตสาหกรรมดาวโจนส์ Dow Jones Industrial Average เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 65.88 จุด หรือ 0.14% ปิดที่ 47,951.85 จุด

รายงานดัชนีราคาผู้บริโภคประจำเดือนพฤศจิกายนที่ล่าช้า ซึ่งเป็นรายงานฉบับแรกนับตั้งแต่การปิดทำการของรัฐบาลสหรัฐฯ สิ้นสุดลงเมื่อเดือนที่แล้ว แสดงให้เห็นว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ 2.7% เทียบกับปีก่อนตามข้อมูลของสำนักงานสถิติแรงงาน ซึ่งต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ที่สำรวจโดยสื่อดาวโจนส์คาดการณ์ไว้ที่ 3.1% อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core CPI) ระยะ 12 เดือน ซึ่งไม่รวมอาหารและพลังงาน อยู่ที่ 2.6% ซึ่งต่ำกว่าที่ดาวโจนส์คาดการณ์ไว้ที่ 3% เช่นกัน

รายงานดังกล่าวถูกเลื่อนออกไปจากกำหนดการเผยแพร่เดิมในวันที่ 10 ธันวาคม สำนักงานสถิติแรงงาน (BLS) ได้ยกเลิกการเผยแพร่รายงานอัตราเงินเฟ้อเดือนตุลาคมในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน อันเป็นผลมาจากการปิดทำการที่ยาวนานที่สุดของรัฐบาลสหรัฐเท่าที่เคยมีมา ซึ่งหมายความว่าตัวเลขที่เผยแพร่ในวันพฤหัสบดีนั้นไม่มีข้อมูลครบถ้วนตามรายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) มาตรฐาน เนื่องจากขาดข้อมูลเปรียบเทียบในเดือนตุลาคม นักเศรษฐศาสตร์อาจไม่ให้ความสำคัญกับตัวเลขนี้มากนักในฐานะจุดเริ่มต้นของแนวโน้มเงินเฟ้อขาลง และบางคนยังแสดงความกังวลเกี่ยวกับการคำนวณเงินเฟ้อภาคที่อยู่อาศัยอีกด้วย

 อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องหลังจากรายงานดังกล่าว เนื่องจากจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานเบื้องต้นต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้เช่นกัน “ตัวเลข [ค่าเช่าเทียบเท่าเจ้าของบ้าน] และทุกอย่างกลับมาอยู่ในระดับเกือบก่อนโควิดในแง่ของการเพิ่มขึ้น” เดวิด วาเดลล์ ซีอีโอและหัวหน้านักกลยุทธ์การลงทุนของ Waddell & Associates กล่าวกับซีเอ็นบีซี “อาจมีการปรับเปลี่ยนบ้าง แต่ผมคิดว่าในขณะนี้ [รายงาน] บอกว่าเงินเฟ้ออยู่ภายใต้การควบคุม”

 นระหว่างการซื้อขายเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา หุ้น Micron โดดเด่นเป็นพิเศษ โดยพุ่งขึ้นประมาณ 10% หลังจากที่บริษัทผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์รายนี้ประกาศคาดการณ์รายได้ที่แข็งแกร่งสำหรับไตรมาสปัจจุบัน Micron ช่วยจุดประกายการซื้อขายในกลุ่มปัญญาประดิษฐ์ หรือ เอไอ (AI) อีกครั้ง หลังจากที่อ่อนตัวลงในช่วงที่ผ่านมา “รายงานของ Micron บ่งชี้ว่าการใช้จ่ายลงทุนจะสูงมากและจะยังคงสูงมากต่อไปอีก 12-18 เดือนข้างหน้า” คริส โอคีฟ ผู้จัดการพอร์ตโฟลิโอหลักของ Logan Capital Management กล่าว “จะมีทั้งผู้ชนะและผู้แพ้ในตลาดนี้ และจำเป็นต้องมีการจัดการให้เรียบร้อย แต่ถ้าคุณติดตามผลประกอบการต่อไป ผมจะไม่แนะนำให้ละทิ้งการลงทุนในกลุ่มเอไอ” เขากล่าวเสริม “ผมคิดว่าหุ้นบางตัวในตอนนี้มีศักยภาพในการเติบโตอย่างมหาศาลหลังจากที่ราคาปรับตัวลงมา”