MARKET OUTLOOK YEAR-END 2025: SHIFTING GEARS

กลยุทธ์หลักคือ "Stay Invest" โดยใช้จังหวะตลาดย่อตัวเป็นโอกาสเข้าซื้อ และเน้นการกระจายการลงทุนเนื่องจากตลาดหุ้นโลกอยู่ในช่วงปลายวัฏจักรขาขึ้น แนะนำให้กระจายการลงทุนในตลาดหุ้นออกจากสหรัฐฯ (ที่หุ้นเทคโนโลยีมีมูลค่าสูง) ไปยังภูมิภาคอื่นที่น่าสนใจกว่า เช่น ยุโรป (กลุ่มอุตสาหกรรมและการเงิน), ญี่ปุ่น, จีน และอินเดีย

KEY

POINTS

  • กลยุทธ์หลักคือ "Stay Invest" โดยใช้จังหวะตลาดย่อตัวเป็นโอกาสเข้าซื้อ และเน้นการกระจายการลงทุนเนื่องจากตลาดหุ้นโลกอยู่ในช่วงปลายวัฏจักรขาขึ้น
  • แนะนำให้กระจายการลงทุนในตลาดหุ้นออกจากสหรัฐฯ (ที่หุ้นเทคโนโลยีมีมูลค่าสูง) ไปยังภูมิภาคอื่นที่น่าสนใจกว่า เช่น ยุโรป (กลุ่มอุตสาหกรรมและการเงิน), ญี่ปุ่น, จีน และอินเดีย
  • ในตลาดตราสารหนี้ แนะให้ลดน้ำหนักพันธบัตรรัฐบาล และหันไปลงทุนในหุ้นกู้เอกชนคุณภาพสูงเพื่อผลตอบแทนที่มั่นคงกว่า ท่ามกลางแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด
  • คาดการณ์ว่าเงินดอลลาร์สหรัฐจะอ่อนค่าลงต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลดีต่อเงินยูโรและเยน ขณะที่ทองคำยังคงน่าสนใจในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
  • เศรษฐกิจโลกชะลอตัว โดยสหรัฐฯ อ่อนแรงและจีนมีปัญหาอุปสงค์ในประเทศ แต่ยุโรปกลับมีสภาพแวดล้อมการลงทุนที่เอื้ออำนวยที่สุดจากความสมดุลด้านการเติบโต เงินเฟ้อ และนโยบายการเงิน
  • การลงทุนทางเลือกอย่าง Private Equity และ Hedge Funds ยังคงน่าสนใจ โดยเฉพาะการปล่อยกู้โดยตรง (direct lending) ในยุโรปที่อาจให้ผลตอบแทนที่ดี

ข้อมูลในอดีตบ่งชี้ว่าเดือนกันยายนมักเป็นเดือนที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีโอกาสปรับฐานมากที่สุดใน 12 เดือน แต่เดือนกันยายนที่ผ่านมาตลาดการเงินโลกยังคงเคลื่อนไหวในเชิงบวก ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทำจุดสูงสุดใหม่อยู่หลายครั้งจากปัจจัยบวกเรื่องการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดที่ยังส่งสัญญานปรับลดต่อเนื่องอีกในช่วงที่เหลือของปี ขณะที่ หุ้นเทคโนโลยียังเป็นกลุ่มนำตลาดจากข่าวการลงทุนด้าน AI ของบริษัทใหญ่ที่ออกมาอย่างต่อเนื่อง

แม้ในช่วงปลายเดือนตลาดหุ้นจะมีการปรับตัวลงเล็กน้อยจากความกังวลเรื่อง US Government shut down ซึ่งแม้ ณ วันที่เขียนบทความรัฐสภาสหรัฐฯ ยังไม่สามารถตกลงรายละเอียดเรื่องงบประมาณกันได้ทำให้เกิดการ Shut down ครั้งแรกในรอบ 7 ปี แต่ดูเหมือนนักลงทุนจะเมินเฉยจากเหตุการณ์นี้ที่มักเกิดขึ้นเป็นประจำตลาดหุ้นสามารถกลับขึ้นมาและกลับมาอยู่ในจุดสูงสุดใหม่อีกครั้ง 

ในอีกด้านราคาทองคำยังคงอยู่ในขาขึ้นต่อเนื่องจากแรงซื้อเพื่อเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย และการอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐที่ปรับลงแรงที่สุดในรอบหลายทศวรรษ สะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนยังมองหาหลักประกันท่ามกลางความไม่แน่นอน เมื่อมองไปถึงสิ้นปี เศรษฐกิจโลกเผชิญการชะลอตัวชัดเจน สหรัฐอ่อนแรงจากกำลังซื้อผู้บริโภคที่เริ่มหมดแรง ขณะที่จีนยังติดปัญหาอุปสงค์ในประเทศอ่อนแอและต้องพึ่งพาการส่งออก แต่ยุโรปกลับอยู่ใน “จุดสมดุล” ระหว่างการเติบโต เงินเฟ้อ และนโยบายการเงิน ถือเป็นหนึ่งในภูมิภาคที่มีสภาพแวดล้อมการลงทุนเอื้ออำนวยที่สุดในตอนนี้ 

กลยุทธ์หลักที่ Julius Baer เสนอคือ “ยังควร Stay Invest” โดยใช้จังหวะการย่อตัวจากตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าผิดหวังเป็นโอกาสเข้าซื้อ มากกว่าที่จะเป็นสัญญาณขาย การกระจายการลงทุนยังคงเป็นหัวใจสำคัญ โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดหุ้นโลกอยู่ในช่วงปลายวัฏจักรขาขึ้น

มุมมองตลาดหุ้น: เน้นกระจายหลากหลายภูมิภาคและเลือกธีมที่มีการเติบโต

ในฝั่งสหรัฐ หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและ AI ยังโดดเด่น แต่ระดับมูลค่าเริ่มอยู่ในระดับสูงแล้ว จึงควรใช้จังหวะที่ราคาปรับตัวสูงขึ้นสามารถขายทำกำไรบางส่วนเพื่อกระจายไปภูมิภาคอื่นที่มีมูลค่าน่าสนใจกว่า เช่น ยุโรป ญี่ปุ่น จีน และอินเดีย 

โดยยุโรป ได้แรงหนุนจากนโยบายการคลังและการฟื้นตัวของอุปสงค์ในประเทศ หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมและการเงิน โดยเฉพาะธนาคารยุโรป มีโอกาสทำผลงานเหนือกว่าภูมิภาคอื่น 

ญี่ปุ่น ได้แรงส่งจากการปฏิรูปองค์กรและการจ่ายเงินปันผลที่เพิ่มขึ้น แม้อาจเจอแรงกดดันจากค่าเงินและการค้า 

จีน แม้เผชิญปัญหาภายใน แต่ทางการกำลังพยายามทำให้ตลาดหุ้นเป็นที่เก็บมูลค่าความมั่งคั่งระยะยาว และนโยบายสนับสนุนผู้ถือหุ้นเริ่มชัดเจนขึ้น 

อินเดีย เศรษฐกิจยังขับเคลื่อนด้วยการบริโภคภายในประเทศ แม้โดนผลกระทบจากภาษีสหรัฐ แต่ระยะยาวยังเป็นตลาดที่มีโครงสร้างการเติบโตชัดเจน

มุมมองตราสารหนี้: หันไปหาหุ้นกู้เอกชนคุณภาพสูง

ในฝั่งตราสารหนี้ มุมมองหลักคือเฟดอาจลดดอกเบี้ยต่อเนื่อง ทำให้บอนด์ยีลด์สหรัฐมีแนวโน้มลง อย่างไรก็ตามเราแนะนำให้ลดน้ำหนักการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลและหันไปลงทุนในตราสารหนี้เอกชนที่มีเครดิตดี เพื่อเก็บผลตอบแทนที่มั่นคงมากกว่า เนื่องจากรัฐบาลอาจจะมีความเสี่ยงด้านนโยบายและการขาดดุลที่เพิ่มขึ้นขณะที่บริษัทนั้นมีความแข็งแกร่งและมีโอกาสเติบโตมากกว่า

อัตราแลกเปลี่ยนและทองคำ: ดอลลาร์อ่อนต่อเนื่อง

ดอลลาร์สหรัฐยังมีแนวโน้มอ่อนลงต่อ ซึ่งเอื้อให้เงินยูโร เยน และอาจรวมถึงฟรังก์สวิสแข็งค่าขึ้น ขณะที่ทองคำยังเป็นสินทรัพย์ที่น่าจับตาเพราะได้แรงหนุนทั้งจากธนาคารกลางที่ทยอยซื้อสะสมและความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย

การลงทุนทางเลือก: PE และ Hedge Funds

ตลาด Private Equity และ Hedge Fund ยังน่าสนใจ โดยเฉพาะในยุโรปซึ่งการปล่อยกู้ตรงให้บริษัทเอกชน (direct lending) อาจสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่าตลาดตราสารหนี้ปกติ ส่วนกองทุนเฮดจ์ยังสามารถช่วยกระจายความเสี่ยงในช่วงความไม่แน่นอนได้ 

ปี 2025 กำลังพิสูจน์ให้เห็นว่า แม้เศรษฐกิจโลกยังมีความท้าทาย ทั้งความเสี่ยงด้านนโยบาย เงื่อนไขการค้า และภูมิรัฐศาสตร์ แต่กลยุทธ์ของช่วงโค้งสุดท้ายปีนี้ไม่ใช่การหลีกเลี่ยงตลาด หากแต่คือการเลือกลงทุนอย่างมีกลยุทธ์โดยใช้ประโยชน์จากการย่อตัวเป็นจังหวะเข้าซื้อ กระจายการลงทุนไปยังภูมิภาคและสินทรัพย์ที่มีโอกาส พร้อมถือสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงอย่างทองคำ

ทั้งนี้ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน ความเสี่ยงและขอคำแนะนำจากผู้แนะนำการลงทุนของท่านเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน ข้อมูลนี้จัดทำโดยอาศัยที่มาจากแหล่งข้อมูลสาธารณะซึ่งปรากฎขณะจัดทำ ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงไปแต่ละขณะ ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลและพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน